นับจาก พ.ศ. 2475 ที่มีการปรับปรุงภาษีอากรครั้งแรกตามข้อเสนอของ 'หลวงประดิษฐ์มนูธรรม' และ 'รัฐบาลคณะราษฎร' อีก 6 ปี ถัดมาได้มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร พุทธศักราช 2481 หรือ ร่างประมวลรัษฎากรฉบับแรกของสยาม ขึ้นในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันอังคารที่ 7 มีนาคม พุทธศักราช 2481 โดยหลวงประดิษฐ์ฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง[1] ขณะนั้นแถลงต่อสภาฯ ว่า
“รัฐบาลขอเสนอร่างพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร การที่ได้เสนอขึ้นมานี้ก็ได้แถลงไว้โดยละเอียดในเหตุผลนั้นแล้ว
เนื่องจากรัฐบาลได้รับรองต่อสภาฯ ว่าจะปรับปรุงภาษีอากรให้เป็นธรรมต่อสังคมโดยเร็วและถ้าสามารถเป็นไปในสมัยประชุมนี้ก็จะนำมาเสนอ และบัดนี้ก็ได้ทำมาเสร็จแล้ว จึงได้นำมาเสนอท่านสมาชิกทั้งหลาย
และในการที่เสนอร่างพระราชบัญญัติฉะบับนี้นั้น รัฐบาลมีความปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะกระทำการร่วมมือกับท่านสมาชิก เพราะในทางภาษีอากรนั้น ถ้าหากว่า ทั้งทางรัฐบาลและสมาชิกได้ร่วมมือเป็นอย่างดีแล้ว เราก็จะได้รู้จุดความประสงค์ของราษฎรอย่างแท้จริง
ความจริงในการที่ได้เตรียมร่างขึ้นมานั้น ถึงแม้ว่าเป็นกฎหมายที่เรียกเก็บเงินก็จริงแต่ว่าเป็นกฎหมายที่อาศัยหลักที่ขอร้องความเสียสละของราษฎร…”
หลวงประดิษฐ์มนูธรรม ให้ ดิเรก ชัยนาม อ่านหลักการและเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติฯ แห่งประมวลรัษฎากร จำนวน 16 ข้อ มีหัวข้อสำคัญคือ “หลักการเพื่อปรับปรุงภาษีอากรให้เป็นธรรมแก่สังคม
...
ข้อ 1 หลักทั่วไป
เนื่องจากหลักการที่รัฐบาลได้แถลงไว้ว่าจะปรับปรุงภาษีอากรให้เป็นธรรมแก่สังคมนั้น รัฐบาลได้ดำเนินการพิจารณาและเห็นสมควรที่จะเสนอร่างพระราชบัญญัตินี้ขึ้นมาสู่สภาฯ ได้
ในการปรับปรุงภาษีอากรนั้น รัฐบาลได้ถือหลักโดยคำนึงถึงความสามารถในการเสียภาษีของราษฎรตามส่วนซึ่งราษฎรจะเสียได้ หลักเรื่องความแน่นอน หลักความสะดวก และหลักประหยัดค่าใช้จ่าย และคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนในทางการเมือง เป็นสิ่งประกอบการพิจารณาด้วยความรู้สึกของประชาชนนั้นมิใช่จะคำนึงถึงความรู้สึกของคนชั้นเดียว ได้พยายามนึกถึงความรู้สึกของคนทุกชั้น
สิ่งใดที่จะคิดเก็บภาษีก็เป็นไปในทำนองซึ่งหวังว่า ผู้ซึ่งสามารถเสียภาษีได้นั้น คงจะเสียสละเพื่อความเจริญของท้องที่และของประเทศชาติ…”[2]
และระบุภาษีอากรที่ยกเลิกและปรับปรุงใหม่ไว้ 2 ประเภท ได้แก่
ภาษีที่ยกเลิกไปเลย
- ภาษีเงินรัชชูปการ
- อากรค่านา
- อากรสวน
- ภาษีไร่อ้อย
- ภาษีไร่ยาสูบ
ภาษีที่ยกเลิกโดยปรับปรุงแก้ไขใหม่
- ภาษีเงินได้
- ภาษีการค้า
- ภาษีธนาคาร
- อากรแสตมป์
ส่วนภาษีอากรที่หลวงประดิษฐ์ฯ และผู้ร่วมร่างประมวลรัษฎากร เสนอขึ้นมาใหม่และให้ความสำคัญมี 2 ประเภทคือ เงินช่วยบำรุงท้องที่ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อกระจายอำนาจและการพัฒนาสู่ท้องถิ่น และ เงินช่วยการประถมศึกษา ที่มีเจตนาเพื่อจัดสวัสดิการการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนอย่างทั่วถึง
ประเภทที่ 1 เงินช่วยบำรุงท้องที่ เป็นการกระจายภาษีสู่ท้องถิ่นขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมโดยได้ร่างเรื่องเงินช่วยบำรุงท้องที่ (Local Improvement Contribution) ขึ้นมาและจัดเป็นลักษณะในประมวลรัษฎากร ซึ่งรัฐบาลมองว่า เมื่อท้องถิ่นใดมีเงินบำรุงท้องที่ก็ย่อมจะจัดการสาธารณประโยชน์ภายในเขตการปกครองของตนเองได้ และเพื่อบำรุงความสุขให้แก่ผู้ที่ชำระเงินโดยตรง เช่น นำไปใช้ในการสร้างทาง และการสาธารณสุข เป็นต้น[3]
ประเภทที่ 2 เงินช่วยการประถมศึกษา จากปัญหาในทศวรรษ 2470 ที่มีเด็กยังไม่ได้เข้าโรงเรียนอีกประมาณ 700,000 คน ทำให้รัฐบาลมีเป้าหมายจะส่งเสริมให้เด็กได้เข้าเรียนสมกับเป็นพลเมืองของชาติ จึงขอความเสียสละจากผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว คนละ 50 สตางค์[4] นอกจากนั้น ได้มีการแบ่งหมวดภาษีอากรและค่าธรรมเนียมฝ่ายออกเป็น 7 หมวด ให้เป็นระบบและชัดเจนขึ้นด้วย[5]
ในการประชุมสภาฯ ครั้งนี้ หลวงประดิษฐ์ฯ เสนอถึงหัวใจของการจัดทำประมวลรัษฎากรด้วยอุปมาคมคาย และยึดโยงกับหลักการของรัฐธรรมนูญไว้ว่า
“ในการเสนอร่างพระราชบัญญัติขึ้นมานี้ก็เปรียบประดุจว่าข้าพเจ้าได้นำแผ่นกระดาษขาวแผ่นหนึ่งมายื่นให้ท่านทั้งหลาย เมื่อท่านเห็นว่าจะปรับปรุงภาษีอากรให้เป็นธรรมแก่สังคมแล้ว การที่จะเป็นธรรมแก่สังคมอย่างไร ท่านก็ควรจะเขียนลงไปในแผ่นกระดาษขาวนั้น ข้าพเจ้ายอมทั้งหมด
ขอให้ในเรื่องนี้เราได้ทำด้วยความเป็นธรรมจริง ไม่ใช่ว่าเราปล่อยปละละเลยตามใจ หาแต่พระคุณอย่างเดียว มีบางสิ่งบางอย่างจะต้องทำให้ราษฎรได้รู้สึกถึงหน้าที่ของตนตามรัฐธรรมนูญรู้สึกถึงความเสียสละ ให้รู้สึกรักประเทศชาติด้วย…”
แล้วสรุปหลักทั้ง 16 ข้อ ว่าเป็นการเสนอในหลักการอย่างกว้างๆ เพื่อให้มีการปรับปรุงระบบภาษีอากรให้เป็นธรรมแก่สังคมโดยเร็ว ส่วนการลงรายละเอียดที่ว่า อย่างใดเป็นธรรมและไม่เป็นธรรมนั้นขอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เสนอความคิดเห็นแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้ในชั้นกรรมาธิการ[6]
ในช่วงท้ายของการประชุมสภาฯ จึงเปิดให้เสนอรายชื่อเพื่อจัดตั้งกรรมาธิการจัดทำประมวลรัษฎากรขึ้น 36 คน[7]แบ่งเป็น 18 คน ที่มาจากการเสนอของรัฐบาล และอีก 18 คน มาจากการเสนอของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยมีหลวงประดิษฐ์มนูธรรม เป็นประธานกรรมาธิการ หากการประชุมร่างพระราชบัญญัติฯ ครั้งถัดไปของกรรมาธิการชุดนี้จะเป็นการประชุมลับ
ข้อถกเถียงเรื่องพระราชบัญญัติฯ ประมวลรัษฎากร พ.ศ. 2481
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในระบอบประชาธิปไตย ย่อมต้องมีข้อถกเถียง ความคิดเห็นต่าง และเปิดกว้างต่อเสียงข้างน้อย ในกรณีของการร่างฯ ประมวลรัษฎากรที่เกิดขึ้นในสมัยประชาธิปไตยจึงมีการถกถามอย่างเข้มข้นและมีคำถามสำคัญ 2 ประการ
คำถามแรก ถ้าบุคคลไม่มีความสามารถในการเสียภาษีอากร หรือ มีรายได้ไม่เพียงพอจะทำเช่นไร
หลวงประดิษฐ์ฯ ตอบคำถามประการแรกว่า
“หลักของรัฐบาลนั้นเหมือนหลักที่ท่านสมาชิกได้กล่าว…คือ รัฐบาลได้คำนึงถึงความสามารถของบุคคลที่จะเสียภาษีได้ ถ้าบุคคลใดไม่สามารถจะเสียภาษีได้แล้ว รัฐบาลก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร แม้แต่เงินช่วยบำรุงท้องที่ก็ตาม
...
และอีกประการหนึ่ง ที่ท่านอ้างถึงผู้หญิงต้องเสียเงินช่วยการประถมศึกษานั้น ข้าพเจ้าใช้คำว่า บรรลุนิติภาวะ…กล่าวเป็นคำกลางๆ ขอให้ท่านวินิจฉัยเมื่อท่านเห็นควรอย่างไรก็ขอให้ท่านเสนอญัตติมา
ส่วนพวกมั่งมีนั้น ในครั้งที่เสนอพระราชบัญญัติภาษีรถยนต์ ข้าพเจ้าได้บอกแล้วว่า เราจะคำนึงถึงคนจนแต่ฝ่ายเดียวไม่ได้ เราต้องคำนึงถึงคนทุกๆ ชั้น…”
คำถามที่ 2 รัฐบาลจะหารายได้จากที่ใด มาชดเชยรายได้ที่ขาดไปจากการยกเลิกภาษีอากร
หลวงประดิษฐ์ฯ ตอบคำถามนี้ว่า
“ข้าพเจ้าหาทางอ้อม ซึ่งไม่ทำให้เดือดร้อนหรือว่าจะขึ้นค่าธรรมเนียมบ้าง แต่ค่าธรรมเนียมต่างๆ นั้น ก็ไม่กระทบถึงความสามารถของการเสียภาษีเลย ค่าธรรมเนียมที่จะขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่สามารถจะเสียได้ด้วยกันทั้งนั้น…”[8]
และมีการหารายได้มาชดเชยภาษีอากรที่ขาดไปด้วยการเก็บภาษีอากรทางอ้อม หรือเก็บภาษีอากรทางตรงใหม่ เช่น อากรมหรสพ เป็นต้น
ภายหลังการประชุมลับของคณะกรรมาธิการทั้ง 36 คน เสร็จสิ้นจึงนำร่างพระราชบัญญัติฯ ประมวลรัษฎากรมาแปรญัตติ และแก้ไขเพิ่มเติมอีกครั้งในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันพุธที่ 29 มีนาคม พุทธศักราช 2481[9] ผลสะท้อนการทำงานหนักปรากฏผ่านปากคำประวัติศาสตร์ของหลวงประดิษฐ์ฯ ว่าคณะกรรมาธิการทำงานกัน “หามรุ่ง หามค่ำ”[10] กว่าจะตรากฎหมายออกมาเป็นประมวลรัษฎากรฉบับแรก ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2482 ในชื่อ พระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร พุทธศักราช 2481
ราษฎรและราชการภายหลังการประกาศใช้ประมวลรัษฎากร
ขั้นตอนแรกในการดำเนินงานของรัฐบาลหลังประกาศใช้พระราชบัญญัติฯ ประมวลรัษฎากร คือ ขอหลักฐานการประกอบธุรกิจ ข้อมูลการทำงาน และรายชื่อของผู้ที่จะต้องเสียภาษีเงินได้ไปยังหน่วยงานราชการต่างๆ ทั้งในพระนครและต่างจังหวัด[11]
สำนักโฆษณาการเป็นหน่วยงานแรกๆ ที่ส่งเจ้าหน้าที่ไปแสดงปาฐกถา เรื่อง นโยบายของรัฐบาล และประมวลรัษฎากรตามพื้นที่ห่างไกล เช่นไปยังคณะกรมการจังหวัดกาญจนบุรี[12] ส่วนในจังหวัดที่มีความพร้อมเช่น คณะกรมการจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้จัดการอบรมข้าราชการให้เข้าใจในบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรขึ้นเอง[13]หรือในจังหวัดปราจีนบุรี ก็มีการหารือข้อสงสัยเกี่ยวกับประมวลรัษฎากรฉบับนี้ เพื่อตอบข้อซักถามของราษฎรโดยข้าราชการประจำจังหวัด[14]
ในฝั่งราษฎรเมื่อพบความไม่ชอบธรรมทางภาษีอากรก็สามารถร้องเรียนต่อเทศบาล หรือหน่วยงานส่วนกลางได้ เช่น กรณีที่ข้าราชการในจังหวัดลพบุรี เข้าดูมหรสพโดยไม่ยอมเสียค่าเข้าชม ซึ่งเป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลรัษฎากรจึงมีการร้องเรียนมายังรัฐบาล และหน่วยงานส่วนกลางคือ กระทรวงมหาดไทย[15]
และมีการจัดทำคู่มือประมวลรัษฎากรจำหน่ายในราคาย่อมเยาที่สืบเนื่องมาจากกระทู้ถามของพระยาศรีธรรมราช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา ต่อหลวงประดิษฐ์มนูธรรม เรื่องการจัดทำคู่มือฯ ดังกล่าว และถามเรื่องการตั้งคณะกรรมการชำระข้อบกพร่องของประมวลรัษฎากร
หลวงประดิษฐ์ฯ ตอบกระทู้ถามนี้ว่า
“1. การทำสมุดคู่มืออธิบายประมวลรัษฎากรนั้น รัฐบาลได้กระทำและได้แจกไปยังราษฎรทั่วถึงกันมาครั้งหนึ่งแล้ว และต่อไปนี้กำลังจะทำสมุดคู่มือที่จะจำหน่ายแก่ประชาชนด้วยราคาอันย่อมเยาและหวังว่าสมุดคู่มือนี้ คงจะเสร็จภายในโอกาสอันสมควร
2. การสะสางพิจารณาแก้ไขประมวลรัษฎากรนั้น จะต้องค่อยทำค่อยไป ตามข้อเท็จจริง ซึ่งปรากฏในทางปฏิบัติในเวลานี้กระทรวงการคลังได้มอบให้กรมสรรพากรเป็นผู้พิจารณาเรื่องนี้ และได้เชิญผู้แทนกระทรวงทบวงต่างๆ พร้อมทั้งได้หารือองค์การสาธารณะในบางแห่งเพื่อรับฟังความเห็นในเรื่องนี้
และบัดนี้ ก็ได้รวบรวมข้อซึ่งควรจะแก้ไขประมวลรัษฎากรได้บ้างแล้ว จะนำมาเสนอสภาฯ ในเร็ววันนี้ ส่วนในกาลต่อไป…”[16]
จากรายงานการประชุมสภาฯ ข้างต้น พบว่าการยกเลิกภาษีอากรที่ไม่เป็นธรรมดำเนินการอย่างรอบคอบ รัดกุม และตั้งอยู่บนฐานคิดเพื่อประโยชน์ของราษฎรเป็นหลัก และให้ราษฎรที่มีกำลังทรัพย์คำนึงถึงการเสียสละต่อชาติบ้านเมืองเป็นสำคัญ
เมื่อตัดภาพกลับมายังปัจจุบันยังมีงานวิจัยเศรษฐศาสตร์ชิ้นใหม่ที่ย้อนกลับไปศึกษาความสำคัญของประมวลรัษฎากรฉบับแรกของสยาม แล้วประมาณการความเหลื่อมล้ำจากการปฏิรูปภาษีอากรหลังการประกาศใช้พระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร พุทธศักราช 2481 ไว้ว่า ช่วยให้สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำดีขึ้นแม้จะไม่มากนัก หากประมวลรัษฎากรฉบับนี้เป็นหมุดหมายของการเปลี่ยนแปลงระบบภาษีอากรให้มีความเป็นธรรมมากขึ้น เพราะยกเลิกทั้งภาษีรัชชูปการ อากรค่านา และภาษีที่ดินอื่นๆ และรัฐบาลยังขยายฐานการจัดเก็บภาษีมรดก[17]อีกด้วย
ท้ายที่สุด แนวคิดของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม หรือปรีดี พนมยงค์ ในการปรับปรุงระบบภาษีอากรจากการสถาปนาประมวลรัษฎากร พ.ศ. 2481 นี้ มีพื้นฐานมาจากหลักเศรษฐวิทยาที่ให้ความสำคัญกับการมีชีวิตที่ดีขึ้นของมนุษย์ภายใต้หลักเศรษฐกิจที่เป็นธรรมแก่ทุกชนทุกชั้น โดยที่ภาษีอากรต้องไม่รีดรัดราษฎรผู้ยากจน ซึ่งปรากฏแนวคิดความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจนี้ขึ้นครั้งแรกในหลัก 6 ประการของคณะราษฎร
ที่มาภาพ : ปรีดี พนมยงค์, คือวิญญาณเสรี, (กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2541) และห้องวิจัยประวัติศาสตร์
บรรณานุกรม
เอกสารชั้นต้น :
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร พุทธศักราช 2481, ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 13 มีนาคม 2481, เล่ม 55, ตอน ง, หน้า 1-3.
- ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติให้ใช้บัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร พุทธศักราช 2481, ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 1 เมษายน 2482, เล่ม 56 หน้า 1-4.
- สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 17 (สมัยสามัญ สมัยที่สอง) วันอังคารที่ 7 มีนาคม พุทธศักราช 2481 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม, หน้า 942-1043.
- สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 30 (สมัยสามัญ สมัยที่สอง) วันพุธที่ 29 มีนาคม พุทธศักราช 2481 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม, หน้า 1826-1933.
- สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 10 (สมัยสามัญ สมัยที่สอง) วันเสาร์ที่ 2 กันยายน พุทธศักราช 2482 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม, หน้า 529-531.
- หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. (2) ศธ. 15/2 กล่อง 1 เอกสารสำนักงานกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ให้ส่งหลักฐานที่ผู้ที่จะต้องเสียภาษีเงินได้ตามพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร พ.ศ. 2481 (8 เมษายน 2482)
- หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. มท.5.16.12/31 กล่อง 1 เอกสารกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การหารือสงสัยเกี่ยวกับประมวลรัษฎากร จังหวัดปราจีนบุรี (พ.ศ. 2482)
- หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. มท.2.2.5/6 กล่อง 1 เอกสารกระทรวงมหาดไทย เรื่อง คณะกรมการจังหวัดกาญจนบุรี รายงานการรับรองเจ้าหน้าที่แห่งสำนักงานโฆษณาซึ่งออกไปแสดงปาฐกถา เรื่อง นโยบายของรัฐบาล และประมวลรัษฎากร (พ.ศ. 2482)
- หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. มท 0201.1.1/1301 กล่อง 36 เอกสารกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ข้าราชการในจังหวัดลพบุรี เข้าดูมหรสพโดยไม่ปฏิบัติตามประมวลรัษฎากร (พ.ศ. 2482)
- หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. มท 2.2.5/93 กล่อง 4 เอกสารกระทรวงมหาดไทย เรื่อง คณะกรมการจังหวัดฉะเชิงเทรา รายงานการอบรมข้าราชการให้เข้าใจในบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร (พ.ศ. 2482)
หนังสือภาษาอังกฤษ :
- Akira, Suehiro, Capital Accumulation in Thailand 1855-1985, (Chiang Mai: Silkworm Book, 1996)
หนังสือภาษาไทย :
- คาร์ล ซี. ซิมเมอร์แมน, การสำรวจเศรษฐกิจในชนบทแห่งสยาม, แปลโดย ซิม วีระไวทยะ, พิมพ์ครั้งที่ 2, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, 2525)
- เจมส์ ซี. อินแกรม, การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในประเทศไทย 1850-1970, แปลโดย ชูศรี มณีพฤกษ์ และเฉลิมพจน์ เอี่ยมกมลา, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, 2552)
- ปรีดี พนมยงค์, ชีวประวัติย่อของนายปรีดี พนมยงค์, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิปรีดี พนมยงค์, 2526)
- ปรีดี พนมยงค์, คือวิญญาณเสรี, (กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2541)
- ปรีดี พนมยงค์, เค้าโครงการเศรษฐกิจ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์), (กรุงเทพฯ: สุขภาพใจ, 2552)
- ศราวุฒิ วิสาพรหม, เศรษฐกิจนอกกฎหมายกับความเปลี่ยนแปลงสังคมการเมืองไทย สมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2, (มหาสารคาม : โครงการผลิตและเผยแพร่ตำราและผลงานวิชาการ วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2562)
- สุริยานุวัตร, มหาอำมาตย์เอก พระยา, เศรษฐวิทยาชั้นต้น เล่ม 1 พิมพ์ครั้งที่ 2, (พระนคร : โรงพิมพ์นิติสาส์น, 2474)
- อภิชาต สถิตนิรามัย, ทุน วัง คลัง (ศักดิ) นา, (กรุงเทพฯ: มติชน, 2564)
บทความในหนังสือและวารสาร :
- ปรีดี พนมยงค์, “คำอธิบายเศรษฐวิทยา”, ใน นิติสาส์น 1:1, (พระนคร: นิติสาส์น, 2471), น. 50-66.
- ปรีดี พนมยงค์, “การเรียนกฏหมายในประเทศฝรั่งเศสโดยย่อฯ”, ใน ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และเพิ่มพล โพธิ์เพิ่มเหม บรรณาธิการ, ปรีดี พนมยงค์ ชีวิต งาน และธรรมศาสตร์, (กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2529), น. 123-133.
วิทยานิพนธ์ :
- ชวลิต วายุภักตร์, “การปฏิรูปเศรษฐกิจในประเทศไทย พ.ศ. 2475-2485,” (วิทยานิพนธ์เศรษฐศาสตร์มหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 2519)
- นครินทร์ เมฆไตรรัตน์, “ประวัติศาสตร์ภูมิปัญญาของการเปลี่ยนระบอบการปกครองสยาม ระหว่าง พ.ศ. 2470-2480,” (อักษรศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2528)
- ศราวุฒิ วิสาพรหม, “ประวัติศาสตร์สามัญชนในสังคมไทยสมัยแรกเริ่มรัฐประชาชาติ พ.ศ. 2475-2490,” (ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2557)
- สมศักดิ์ มหาทรัพย์สกุล, “การเก็บเงินรัชชูปการและผลกระทบต่อสังคมไทย ระหว่าง พ.ศ. 2444-2482,” (วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต สาขาประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 2534)
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ :
- กษิดิศ อนันทนาธร. (8 พฤษภาคม 2563). ปรีดี พนมยงค์ กับธุรกิจโรงพิมพ์และหนังสือ “นิติสาส์น” สร้างแสงสว่างทางปัญญา. สืบค้นจาก https://thepeople.co/pridi-banomyong-and-his-printing-house/
- เขมภัทร ทฤษฎิคุณ. (10 ตุลาคม 2563). ประมวลรัษฎากร: การปรับปรุงระบบภาษีอากรที่เป็นธรรม. สืบค้นจาก https://pridi.or.th/th/content/2020/10/450
- วัลยา. (28 มีนาคม 2565). เอก (ราษฎร์) ราชในความใฝ่ฝัน และวิเทโศบายของปรีดี พนมยงค์ สมัยรัฐบาลพระยาพหลพลพยุหเสนา. สืบค้นจาก https://www.pridi.or.th/th/content/2022/03/1030
- ฐาปนันท์ นิพิฏฐกุล. (11 พฤษภาคม 2560). ปรีดี พนมยงค์ รัตนบุรุษสยาม. สืบค้นจาก https://www.the101.world/117-years-of-pridi-banomyong/
- สถาบันปรีดี พนมยงค์. (25 มิถุนายน 2564). สรุปประเด็นสำคัญจาก PRIDI Talks #11 “89 ปีแห่งการอภิวัฒน์สยาม: สวัสดิการและบทบาทของรัฐในการสร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจแก่ประชาชน”. สืบค้นจาก https://pridi.or.th/th/content/2021/06/746
- สถาบันปรีดี พนมยงค์. (21 พฤศจิกายน 2563). 'โรงพิมพ์นิติสาส์น' สู่ 'บ้านพูนศุข'. สืบค้นจาก https://pridi.or.th/th/content/2020/11/508
- อิสสระ นิติทัณฑ์ประภาศ. (2 มิถุนายน 2563). ท่านปรีดีฯ กับการริเริ่มเสริมสร้างอำนาจทางการคลังของรัฐสภา. สืบค้นจาก https://pridi.or.th/th/content/2020/06/285
- ห้องวิจัยประวัติศาสตร์. สืบค้นจาก https://www.facebook.com/ห้องวิจัยประวัติศาสตร์-508693749269823
[1] หลวงประดิษฐ์มนูธรรม ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2481 จนถึงวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ใน ปรีดี พนมยงค์, ชีวประวัติย่อของนายปรีดี พนมยงค์, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิปรีดี พนมยงค์, 2526), น. 25.
[2] สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 17 (สมัยสามัญ สมัยที่สอง) วันอังคารที่ 7 มีนาคม พุทธศักราช 2481 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม, หน้า 946-948.
[3] เรื่องเดียวกัน, น. 950-952.
[4] เรื่องเดียวกัน, น. 956. ในการเสนอหลักการเรื่องเงินช่วยการประถมศึกษาครั้งแรก (ฉบับร่าง) ในรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 17 (สมัยสามัญ สมัยที่สอง) วันอังคารที่ 7 มีนาคม พุทธศักราช 2481 นี้ ระบุขอความเสียสละจากผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว 50 สตางค์ ต่อมาภายหลังเมื่อประกาศใช้จริง สภาฯ เห็นชอบให้เป็น 1 บาท
[5] หมวดที่ 1 บทเบ็ดเสร็จทั่วไป หมวดที่ 2 วิธีการเกี่ยวแก่ภาษีอากรหรือค่าธรรมเนียมประเมิน หมวดที่ 3 ว่าด้วยภาษีเงินได้ หมวดที่ 4 ว่าด้วยภาษีโรงค้า หมวดที่ 5 ว่าด้วยภาษีการธนาคาร ฯลฯ หมวดที่ 6 ว่าด้วยอากรแสตมป์ และหมวดที่ 7 ว่าด้วยอากรมหรสพ ใน เรื่องเดียวกัน, น. 958.
[6] เรื่องเดียวกัน, น. 963.
[7] ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร พุทธศักราช 2481, ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 13 มีนาคม 2481, เล่ม 55, ตอน ง, หน้า 1-3.
[8] สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 17 (สมัยสามัญ สมัยที่สอง) วันอังคารที่ 7 มีนาคม พุทธศักราช 2481 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม, หน้า 977-979.
[9] สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 30 (สมัยสามัญ สมัยที่สอง) วันพุธที่ 29 มีนาคม พุทธศักราช 2481 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม, หน้า 1826-1920.
[10] เรื่องเดียวกัน, น. 1929.
[11] หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. (2) ศธ. 15/2 กล่อง 1 เอกสารสำนักงานกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ให้ส่งหลักฐานที่ผู้ที่จะต้องเสียภาษีเงินได้ตามพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร พ.ศ. 2481 (8 เมษายน 2482)
[12] หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. มท.2.2.5/6 กล่อง 1 เอกสารกระทรวงมหาดไทย เรื่อง คณะกรมการจังหวัดกาญจนบุรี รายงานการรับรองเจ้าหน้าที่แห่งสำนักงานโฆษณาซึ่งออกไปแสดงปาฐกถา เรื่อง นโยบายของรัฐบาล และประมวลรัษฎากร (พ.ศ. 2482)
[13] หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. มท 2.2.5/93 กล่อง 4 เอกสารกระทรวงมหาดไทย เรื่อง คณะกรมการจังหวัดฉะเชิงเทรา รายงานการอบรมข้าราชการให้เข้าใจในบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร (พ.ศ. 2482)
[14] หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. มท.5.16.12/31 กล่อง 1 เอกสารกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การหารือสงสัยเกี่ยวกับประมวลรัษฎากร จังหวัดปราจีนบุรี (พ.ศ. 2482)
[15] หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. มท 0201.1.1/1301 กล่อง 36 เอกสารกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ข้าราชการในจังหวัดลพบุรี เข้าดูมหรสพโดยไม่ปฏิบัติตามประมวลรัษฎากร (พ.ศ. 2482)
[16] สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 10 (สมัยสามัญ สมัยที่สอง) วันเสาร์ที่ 2 กันยายน พุทธศักราช 2482 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม, หน้า 529-531.
[17] อภิชาต สถิตนิรามัย, ทุน วัง คลัง (ศักดิ) นา, (กรุงเทพฯ: มติชน, 2564), น. 193-196.
อ่าน : อากรเพื่อราษฎร : แนวคิดภาษีอากรที่เป็นธรรมของปรีดี พนมยงค์ [ตอนที่ 1]
- ประมวลรัษฎากร
- วัลยา
- ปรีดี พนมยงค์
- ระบบภาษีอากร
- หลวงประดิษฐ์มนูธรรม
- ราชกิจจานุเบกษา
- สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
- หอจดหมายเหตุแห่งชาติ
- Akira Suehiro
- ศราวุฒิ วิสาพรหม
- มหาอำมาตย์เอก พระยาสุริยานุวัตร
- ชวลิต วายุภักตร์
- นครินทร์ เมฆไตรรัตน์
- สมศักดิ์ มหาทรัพย์สกุล
- กษิดิศ อนันทนาธร
- เขมภัทร ทฤษฎิคุณ
- ฐาปนันท์ นิพิฏฐกุล
- อิสสระ นิติทัณฑ์ประภาศ