มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งมักได้รับการกล่าวอ้างเชื่อมโยงถึงจอมพล ป. พิบูลสงคราม
หนังสือเล่มนั้น คือ Technique du coup d'État ผลงานของคูร์สิโอ มาลาปาร์เต (Curzio Malaparte) หรือที่เคยปรากฏผู้แปลพากย์ไทยในชื่อ เท็คนิครัฐประหาร
เป็นที่ร่ำลือกันว่า จอมพล ป. พิบูลสงคราม เมื่อครั้งยังเป็นนักเรียนทหารปืนใหญ่ในฝรั่งเศสได้อาศัยหนังสือ Technique du coup d'État เพื่อศึกษายุทธวิธียึดอำนาจอันนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองในวันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 แน่ละ คนจำนวนไม่น้อยหลงเชื่อข้อมูลนี้ แต่นายปรีดี พนมยงค์โต้แย้งและพยายามอธิบายข้อเท็จจริง ดังบอกเล่าไว้ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ พลเรือตรี หลวงสังวรยุทธกิจ (สังวร สุวรรณชีพ) ตอนหนึ่งว่า
“...ข้าพเจ้าขอย้อนกล่าวว่า ภายหลังที่ ร.ท. ประยูร ภมรมนตรี กับข้าพเจ้าได้ตกลงรวบรวมมิตรบางท่านที่ปารีสจัดตั้งคณะราษฎรนั้น เราได้ปรึกษาหารือถึงวิธีการอภิวัฒน์ระหว่างกันเท่าที่เราจะค้นคว้าและนึกคิด มีผู้เข้าใจผิดว่า จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้อาศัยหนังสือชื่อ “เทคนิครัฐประหาร” แต่งโดย “มาลาปาร์เตอะ” C. malaparte: technique du coup d'etat (เมื่อประมาณ ๑๐ ปีมานี้ คุณจินดา จินตนเสรี ได้แปลเป็นภาษาไทย) อันที่จริงหนังสือเล่มนั้น เพิ่งพิมพ์ออกในฝรั่งเศสเมื่อ ค.ศ. ๑๙๓๑ คือ ก่อนอภิวัฒน์ มิถุนายน ๒๔๗๕ ไม่กี่เดือน อันเป็นสมัยที่ประยูร แปลก ทัศนัย ตั้ว แนบ ข้าพเจ้ากลับสยามแล้ว การที่เราได้หนังสือเล่มนี้เข้ามาในสยาม คือ ข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสที่ข้าพเจ้ารับประจำนั้น เห็นแจ้งความขายหนังสือเล่มนี้ ข้าพเจ้าจึงซื้อดราฟธนาคารอินโดจีนส่งเงินไปยังสำนักพิมพ์ตัวแทนข้าพเจ้าให้จัดซื้อหนังสือเล่มที่กล่าวปนมาด้วย เมื่อหนังสือนั้นมาถึง ข้าพเจ้าได้ฉีกปกออกเผาไฟ คงเหลือแต่เรื่องข้างใน ข้าพเจ้าอ่านแล้วก็มอบให้ ร.ท. แปลก ซึ่งมียศและบรรดาศักดิ์เป็นพันตรี หลวงพิบูลสงครามรับไปอ่านต่อ ๆ กันไป (ถ้าหนังสือเล่มนั้นยังอยู่ที่ทายาทท่านผู้นี้ ก็คงจะพบว่า หนังสือนั้นไม่มีปกหน้า เพราะข้าพเจ้าฉีกเผาไฟแล้วเพื่อความปลอดภัย)”
ถ้อยคำของนายปรีดีย่อมแสดงว่า หนังสือ Technique du coup d'État เพิ่งตีพิมพ์ออกมาเป็นภาษาฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1931 (ตรงกับ พ.ศ. 2474) ภายหลังผู้ก่อการคณะราษฎรที่เรียนหนังสือในฝรั่งเศสได้ย้อนกลับคืนสู่เมืองไทยและรับตำแหน่งหน้าที่การงานหลายปีแล้ว
มิหนำซ้ำ นายปรีดีก็คือผู้สั่งซื้อหนังสือเล่มนี้เข้ามาเองก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ไม่กี่เดือน ทั้งยังมอบให้พันตรี หลวงพิบูลสงคราม อ่าน โดยฉีกหน้าปกออก จึงเป็นไปมิได้เลยที่จอมพล ป. จะเคยศึกษายุทธวิธีการยึดอำนาจจากงานเขียนของมาลาปาร์เตห้วงยามที่กำลังเรียนวิชาทหาร ณ โรงเรียนนายทหารปืนใหญ่แห่งฟงแตนโบล (École d'application d'artillerie de Fontainebleau)
คูร์สิโอ มาลาปาร์เต เป็นนามแฝงของควร์ต เอริค ซุกเคอร์ (Kurt Erich Sucker) นักคิดนักเขียนชาวอิตาเลียน เขาเขียนหนังสือ Technique du coup d'État เพื่อศึกษาวิเคราะห์และเปิดเผยยุทธวิธีการทำรัฐประหารในเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่สำคัญของโลก เช่น การปฏิวัติบอลเชวิกในรัสเซีย แนวทางการทำรัฐประหารของเลออน ทร็อตสกี้ (Leon Trotsky) และการพยายามทำรัฐประหารในเยอรมนีช่วงเดือนมีนาคม ค.ศ. 1920 ที่นำโดยนายพลวอลเทอร์ ฟอน ลุตวิตซ์ (Walther von Lüttwitz) แต่ประสบความล้มเหลวจนถูกเรียนขานว่ากบฏกาปป์-ลุตวิตซ์ (Kapp-Lüttwitz Putsch) เป็นต้น
ใน ‘คำปรารภของผู้ประพันธ์’ ซึ่งเขียนไว้คราวที่หนังสือ Technique du coup d'État ตีพิมพ์อีกหนพร้อมแก้ไขเพิ่มเติมให้สมบูรณ์ ช่วงเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1948 ณ กรุงปารีส มาลาปาร์เตกล่าวว่า
“ข้าพเจ้าชังหนังสือเรื่องนี้ ข้าพเจ้าชังมันก็เพราะว่า พร้อม ๆ กับที่มันทำชื่อเสียงให้ข้าพเจ้า มันก็เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความทุกข์ยากทั้งมวลของข้าพเจ้าด้วย หนังสือเล่มนี้เองที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องเสวยตะรางเป็นเวลานานเดือน ต้องถูกเนรเทศไปอยู่เกาะลีปารีเป็นเวลานานปี ทั้งยังถูกตํารวจตามรังควานอย่างทารุณโหดร้าย หนังสือเล่มนี้ทําให้ข้าพเจ้ารู้จักกับความทรยศของมิตร เจตนาร้ายของศัตรู ความเห็นแก่ตัวและความชั่วช้าของคน หนังสือเล่มนี้อีกน่ะแหละที่ทำให้เลื่องลือกันไปอย่างไร้สติว่า ข้าพเจ้าเป็นคนอวดดีและร้ายกาจ ทั้ง ๆ ที่ความจริงข้าพเจ้าเป็นเพียงนักประพันธ์ เป็นศิลปิน เป็นเสรีชนที่รับเคราะห์จากการกระทําของคนอื่นมากกว่าการกระทําของตนเอง”
ตอนที่ Technique du coup d'État ตีพิมพ์เผยแพร่เป็นภาษาอิตาเลียนครั้งแรก เบนิโต มุสโสลินี (Benito Mussolini) ผู้นำเผด็จการของอิตาลี ได้สั่งห้ามโฆษณาหนังสือเล่มนี้โดยเด็ดขาดทั่วประเทศ เพราะในงานของมาลาปาร์เตมีน้ำเสียงวิพากษ์วิจารณ์มุสโสลินีและลัทธิฟาสซิสต์ (Fascism) รวมถึงวิจารณ์การบุกเข้าโจมตีบดขยี้เอธิโอเปียของกองทัพอิตาลี ส่วนหนังสือที่ตีพิมพ์เผยแพร่เป็นภาษาเยอรมันครั้งแรกก็นับว่าได้ช่วยโหมกระพือการวิพากษ์วิจารณ์และต่อต้านอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) มีการคัดเนื้อความจากงานของมาลาปาร์เต้ไปลงไว้บนป้ายโฆษณาของกลุ่มแอนตี้นาซี ครั้นฮิตเลอร์ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำในปี ค.ศ. 1933 จึงสั่งยึดหนังสือเล่มนี้ตามร้านขายหนังสือต่าง ๆ เอาไปเผาไฟต่อหน้าสาธารณชน
มาลาปาร์เตยังถูกจับกุมตัวไปคุมขัง เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติต่อเขาอย่างเลวร้าย บางครั้งถึงกับซ้อมทุบตี ศาลพิพากษาลงโทษให้ส่งเขาไปกักตัวบนเกาะลีปารีด้วยความผิดฐานกระทําการเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบฟาสซิสต์ หลักฐานการกระทำผิดที่ศาลหยิบยกขึ้นอ้าง ก็คือ หนังสือ Technique du coup d'État ซึ่งมุสโซลินีได้ใช้ดินสอแดงขีดเส้นใต้ข้อความบางตอนไว้
มาลาปาร์เตทนทุกข์ทรมานบนเกาะลีปารีจวบจนปี ค.ศ. 1938 จึงได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ แต่มิแคล้วถูกตำรวจฟาสซิสต์คอยตามรังควานอยู่เนือง ๆ ขณะที่ในฝรั่งเศสนั้น พอหนังสือ Technique du coup d'État ตีพิมพ์เผยแพร่ออกมาครั้งแรกก็มีกระแสตอบรับอย่างดียิ่ง ดังมาลาปาร์เตเล่าว่า
“ในประเทศฝรั่งเศส นักการเมืองและนักเขียน นับแต่ฝ่ายนิยมราชาธิปไตยไปจนถึงฝ่ายคอมมิวนิสต์ ต่างนิยมบทประพันธ์เรื่อง “เท็คนิครัฐประหาร” ด้วยกันแทบทั้งสิ้น เฉพาะพวกนิยมราชาธิปไตย ได้หยิบยกบทประพันธ์ของข้าพเจ้าขึ้นอ้างในการเตือนให้ระวังอันตรายแห่งสถานการณ์ในเยอรมนีและในสเปญ ตลอดจนชี้ให้นักพิทักษ์เสรีภาพแลเห็นความอ่อนแอของประเทศที่ใช้ระบอบประชาธิปไตย ส่วนพวกซ้ายสุดคือคอมมิวนิสต์ ก็ใช้หนังสือเรื่องนี้เป็นเครื่องมือโจมตีตร๊อทสกี้ซึ่งเคยมีบทบาทสำคัญยิ่ง ในสมัยปฏิวัติใหญ่รัสเซียใน ค.ศ. 1917 ซึ่งเรียกกันว่าการปฏิวัติในเดือนตุลาคม”
เอกอัครราชทูตโซเวียตประจำประเทศฝรั่งเศสยังมอบสาส์นของรัฐบาลโซเวียตที่จะเชื้อเชิญให้มาลาปาร์เตเดินทางไปสังเกตการณ์และพำนักในสหภาพโซเวียตเป็นเวลา 6 เดือน แต่เขาได้ตอบปฏิเสธไปอย่างสุภาพ
ความที่ Technique du coup d'État ได้รับความนิยมในฝรั่งเศส จึงทำให้นายปรีดี พนมยงค์ผู้คอยติดตามข่าวสารต่าง ๆ จากประเทศฝรั่งเศสเสมอ ๆ ตัดสินใจสั่งซื้อหนังสือเล่มนี้เข้ามาในเมืองไทย และถัดต่อมาราว ๆ 40 กว่าปี นายปรีดียังเอ่ยพาดพิงถึงจินดา จินตนเสรี ในฐานะผู้แปลและเรียบเรียงของมาลาปาร์เตจากภาษาฝรั่งเศสมาเป็นภาษาไทย
จินดา จินตนเสรี เจ้าของนามแฝง ‘จ. พันธุมจินดา’ แปล Technique du coup d'État ออกมาในชื่อ เท็คนิครัฐประหาร จัดพิมพ์ครั้งแรกสุดโดยสำนักพิมพ์เกวียนทอง เมื่อปี พ.ศ. 2500 (ต่อมาจัดพิมพ์อีกหลายครั้ง) โดยเปิดเผยเจตนาของการนำเสนอหนังสือสู่สายตาผู้อ่านไว้ใน ‘คำนำของผู้แปลและเรียบเรียง’ ซึ่งลงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2500 ความว่า
“ในการถอดความเรื่อง “Technique du coup d'État” ของนายมาลาปาร์เต นักประพันธ์อิตาเลียน มาเป็นภาษาไทยนี้ จุดประสงค์ของข้าพเจ้ามิได้เป็นไปเพื่อส่งเสริมการทำรัฐประหาร หากเพื่อให้เป็นเครื่องประดับภูมิรู้และเป็นเครื่องป้องกันขัดขวางมิให้เกิดรัฐประหารขึ้นในบ้านเมือง เพราะรัฐประหารเป็นวิธีการใช้กำลัง ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์แห่งประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง ไม่สมควรจะให้มีขึ้นในเมื่อการปกครองเป็นประชาธิปไตยหรือกำลังวิวัฒน์ไปสู่ประชาธิปไตย รัฐประหารจะเป็นสิ่งที่ให้อภัยกันได้ ก็ต่อเมื่อกระทำขึ้นในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์หรือระบอบเผด็จการ ซึ่งเป็นระบอบที่ไม่เปิดช่องให้มีการเปลี่ยนรัฐบาลได้โดยวิถีทางกฎหมายตามความต้องการของประชาชน แต่ทว่าตราบใดที่การปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย หรือกำลังวิวัฒน์ไปสู่ประชาธิปไตย ซึ่งหมายถึงว่าโอกาสที่จะเปลี่ยนรัฐบาลตามวิถีทางรัฐธรรมนูญยังมีอยู่ ตราบนั้นรัฐประหารก็เป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา เพราะรัฐประหารเป็นแบบแผนที่เลว ไม่เพียงแต่เป็นปฏิปักษ์ต่อหลักประชาธิปไตยเท่านั้น ยังจะเป็นแบบอย่างจูงใจให้คนทะเยอทะยานคิดกระทำรัฐประหารกันไม่มีที่สิ้นสุด ความปลอดภัยและความสงบสุขของประชาชนก็จะไม่มี และประชาธิปไตยก็ยากที่จะบรรลุความสมบูรณ์ได้”
แน่นอนทีเดียว จินดาไม่สนับสนุนให้มีการรัฐประหาร เพราะเป็นสิ่งที่ขัดต่อระบอบประชาธิปไตย แต่ก็ตระหนักดีเกี่ยวกับชื่อหนังสืออันชวนให้เข้าใจไปอีกแบบ
“ชื่อของบทประพันธ์เรื่องนี้อาจชวนให้เข้าใจว่า จะเป็นหนังสือคู่มือในการทำรัฐประหารโดยตรง ความเข้าใจเช่นนั้นว่าที่จริงก็ไม่ผิดทีเดียว แต่ก็ไม่ถูกต้องถ่องแท้ เพราะในหนังสือเรื่องนี้มีทั้งวิธีผูกและวิธีแก้ นายมาลาปาร์เต ผู้ประพันธ์ เป็นนักประชาธิปไตยที่จริงใจคนหนึ่ง ซึ่งไม่นิยมการใช้กำลังโค่นรัฐบาลตามวิธีการรัฐประหาร เขาเพียงแต่นำข้อวิเคราะห์ของเขาในเรื่องเกี่ยวกับการเกี่ยวกับรัฐประหารในบางประเทศมาตีแผ่ไว้ ในจุดประสงค์ที่จะชี้ให้ผู้อ่านเห็นประจักษ์ว่า การรวบอำนาจในแผ่นดินนั้นพวกนักการเมืองหรือนักการทหารเขาใช้วิธีการกันอย่างไร และจะพึงทำประการใดจึงจะป้องกันขัดขวางการรวบอำนาจนั้นได้ หากจะถือกันว่าหนังสือเกี่ยวกับรัฐประหารเป็นหนังสือชั่วร้าย ก็จะต้องถือกันต่อไปว่าวิชาฟิสิคส์นิวเคลียร์ก็เป็นวิชาชั่วร้ายเหมือนกัน เพราะเป็นวิชาที่ช่วยให้มนุษย์ผลิตพลังงานนิวเคลียร์ขึ้นมาได้ ซึ่งพลังงานนั้นมนุษย์จะเอาไปใช้สร้างอาวุธนิวเคลียร์สำหรับประหัตประหารกันก็ได้ หรือจะเอาไปใช้เพื่อประโยชน์ทางสันติ เช่นในการผลิตกำลังไฟฟ้าก็ได้ ทั้งนี้ย่อมแล้วแต่วิธีใช้เป็นสำคัญ การที่วิชาฟิสิคส์นิวเคลียร์ช่วยให้มนุษย์ผลิตพลังงานนิวเคลียร์ขึ้นมาได้ จึงไม่แปลว่าวิชานั้นเลวทราม ไม่ควรเรียนควรรู้ ถึงวิชากฎหมายก็เช่นกัน ใช่ว่าจะนำไปใช้ได้แต่ทางดีเท่านั้นก็หาไม่ คนโกงย่อมจะนำวิชานั้นไปก่อความเดือดร้อนแก่เพื่อนมนุษย์ได้นานัปการ ดังที่ปรากฏพฤติการณ์ให้เห็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแล้ว”
จินดายังอดคำนึงมิได้ว่าหนังสือเล่มนี้อาจ “...มีลักษณะเป็นดาบสองคมซึ่งหากบังเอิญตกอยู่ในมือของคนบางคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวยิ่งกว่าประโยชน์ส่วนรวม มันก็อาจจะนำภัยพิบัติมาสู่ประชาชนและประเทศชาติได้โดยง่าย” กระนั้น “...เมื่อคำนึงต่อไปว่ามันเป็น “ดาบ” ซึ่งใคร ๆ ที่รู้ภาษาอิตาเลียนหรือภาษาฝรั่งเศสก็อาจจะเสาะหาไว้เป็นคู่มือได้ด้วยวิธีสั่งซื้อจากสำนักพิมพ์จำหน่ายในต่างประเทศ ก็ดูเป็นการสมควรที่จะให้บทประพันธ์เรื่องนี้ได้ปรากฏเป็นภาษาไทยอย่างแพร่หลาย เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสทราบแยบยลกลเม็ดแห่งรัฐประหาร ว่ามีเป็นประการใด จะได้ช่วยกันสอดส่องป้องกันมิให้เกิดรัฐประหารขึ้นในบ้านเมืองของเราโดยเฉพาะก็ในสมัยที่การปกครองเป็นประชาธิปไตยหรือกำลังวิวัฒน์ไปสู่ประชาธิปไตยโดยปราศจากการหน่วงเหนี่ยวจากผู้ทรงอำนาจ”
นั่นละ จินดาจึงตัดสินใจถอดความหนังสือของคูร์สิโอ มาลาปาร์เตจากภาษาฝรั่งเศสมาเป็นภาษาไทยให้ประชาชนได้ลองอ่านลองพิจารณากัน
รัฐประหารถือเป็นอุปสรรคขัดขวางระบอบประชาธิปไตยมาทุกยุคสมัย ทว่าการศึกษาเรื่องราวจากหนังสือ Technique du coup d'État เพื่อเรียนรู้เท่าทันยุทธวิธีอย่างแยบยลก็ไม่ควรจะละเลยเช่นกัน แม้จะเป็นกรณีตัวอย่างของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์เมื่อเกือบ ๆ หนึ่งร้อยปีมาแล้วก็ตาม นายปรีดี พนมยงค์ ผู้นับได้ว่าเป็นคนแรก ๆ ที่นำเข้าหนังสือเล่มนี้มาสู่สังคมไทย ท่านก็คงหมายมั่นจะอ่านเพื่อทำความเข้าใจและพิจารณาบทเรียนจากเหตุการณ์รัฐประหารครั้งสำคัญ ๆ ในโลกช่วงเวลานั้นไว้เป็นองค์ความรู้กระมัง
การอ่าน เท็คนิครัฐประหาร จึงมิได้บ่งบอกว่า พวกเราต้องเห็นดีเห็นงามกับการทำรัฐประหาร แต่เป็นการอ่านด้วยเจตนาที่พวกเราจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดรัฐประหารและช่วยกันพิทักษ์รักษาระบอบประชาธิปไตยต่างหาก
เอกสารอ้างอิง
พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พลเรือตรี หลวงสังวรยุทธกิจ ท.ช., ป.ม. (สังวร สุวรรณชีพ) ณ เมรุวัดธาตุทอง ถนนสุขุมวิท วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พุทธศักราช 2516. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชวนพิมพ์, 2516.
มาลาปาร์เต, คูร์สิโอ. เท็คนิครัฐประหาร (Technique du Coup d' Etat). แปลโดย จินดา จินตนเสรี. พระนคร: เกวียนทอง, 2500.
มาลาปาร์เต, คูร์สิโอ. เท็คนิครัฐประหาร (Technique du Coup d' Etat). แปลโดย จินดา จินตนเสรี. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์, 2515.
- จอมพล ป. พิบูลสงคราม
- แปลก ขีตตะสังคะ
- ปรีดี พนมยงค์
- เท็คนิครัฐประหาร
- รัฐประหาร
- การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475
- 24 มิถุนายน 2475
- คณะราษฎร
- Technique du coup d'État
- หลวงสังวรยุทธกิจ
- ประยูร ภมรมนตรี
- คูร์สิโอ มาลาปาร์เต
- จินดา จินตนเสรี
- ทัศนัย มิตรภักดี
- ตั้ว ลพานุกรม
- แนบ พหลโยธิน
- เบนิโต มุสโสลินี
- อดอล์ฟ ฮิตเลอร์
- ประชาธิปไตย
- สมบูรณาญาสิทธิราชย์
- เผด็จการ
- รัฐบาล
- รัฐธรรมนูญ
- อาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ