ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
เกร็ดประวัติศาสตร์

เมื่อจำกัด พลางกูร สวมบทบาทนักเขียนและนักหนังสือพิมพ์

30
ตุลาคม
2566

Focus

  • นายจำกัด พลางกูร จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ปริญญาตรีเกียรตินิยม ทางด้านปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์ เคยเป็นบรรณาธิการหนังสือสามัคคีสารของสมาคมนักเรียนไทยที่อังกฤษ และมีผลงานเขียน เช่น ปรัชญาของสยามใหม่ (2479) ที่เนื้อหาเกี่ยวกับอารยธรรมตะวันตกและไทย ต่อมาทำงานเป็นนักเขียนและนักหนังสือพิมพ์วิพากษ์รัฐบาลเผด็จการ ร่วมสมัยกับนายผี (อัศนี พลจันทร์)
  • นายจำกัด พลางกูร เป็นสมาชิกขบวนการเสรีไทยสมัยสงครามโลกครั้งที่สองที่เดินทางแบบลับ โดยการมอบหมายของนายปรีดี พนมยงค์ เพื่อไปประสานงานกับฝ่ายสัมพันธมิตรที่เมืองจุงกิงประเทศจีนให้ทราบว่าในเมืองไทยมีขบวนการต่อต้านญี่ปุ่น แต่เมื่อไปถึง ทางการจีนไม่รับรองเขา และต่อมาได้เสียชีวิตที่นั่น
  • หนังสือปรัชญาของสยามใหม่ แสดงถึงสาระด้านวัฒนธรรม ปรัชญา และอารยธรรม เป็นต้น มีการวิจารณ์ให้เห็นว่าอารยธรรมไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยาแตกสลายลงไป อารยธรรมใหม่เพิ่งเริ่มในยุคสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ จึงยังขาดการคิดของตนเอง ได้แต่รับมาปรับใช้จากตะวันตก

 

ตุลาคมย่อมเป็นเดือนสำคัญแห่งชีวิตของ จำกัด พลางกูร เพราะมีทั้งวันเกิดและวันตาย

จำกัด ลืมตาดูโลกหนแรกเมื่อวันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2457 โลดแล่นลมหายใจมาได้ราวเกือบ 29 ปีเต็ม เขาก็ถึงแก่กรรมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2486

ย้อนไปหลายปีก่อน เรื่องราวของ จำกัด พลางกูร เป็นที่รับรู้น้อยยิ่งนักจนแทบจะมิค่อยมีคนมักคุ้นเอาเสียเลย หากพอช่วงหลังๆ มา เริ่มมีใครหลายคนสนใจและเอ่ยขานถึงเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

กระนั้น ภาพจำเกี่ยวกับ จำกัด กลับดูเหมือนถูกจำกัดให้ยึดโยงและวกวนอยู่แค่เพียงบทบาทความเป็นสมาชิกขบวนการเสรีไทย ผู้เดินทางแบบลับๆ ไปปฏิบัติภารกิจติดต่อประสานงานกับฝ่ายสัมพันธมิตรที่เมืองจุงกิง ประเทศจีน เพื่อรายงานและแสดงออกให้ทางฝ่ายสัมพันธมิตรทราบว่าในเมืองไทยมีขบวนการต่อต้านพวกญี่ปุ่นเช่นกัน เขาต้องเผชิญอุปสรรคยากเข็ญ กระทั่งท้ายที่สุดสูญสิ้นลมปราณในต่างแดน นับเป็น “เสรีไทย” คนแรกสุดที่พลีชีพขณะปฏิบัติภารกิจ ปรากฏนามจารึกไว้ ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และได้รับการยกย่องสรรเสริญจาก นายปรีดี พนมยงค์ หัวหน้าขบวนการเสรีไทยว่า

 

“ถ้าปราศจากจํากัด พลางกูร งานขององค์กรใต้ดินครั้งนี้อาจจะล้มเหลว หรือหากสำเร็จ ก็คงเป็นไปในรูปที่ผิดแผกกว่าที่ได้ปรากฏแก่ตาโลกภายหลัง”

 

อีกทั้ง นายปรีดี ยังกล่าวถ้อยคำปราศรัยต่อหน้ามวลชน ก่อนประกาศสลายขบวนการกู้ชาติเมื่อวันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2488 ตอนหนึ่งว่า

 

“ขอให้ท่านได้สำนึกถึงวีรกรรมของเพื่อนร่วมตาย ซึ่งต้องเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้           คือ นายจำกัด พลางกูร, นายการะเวก ศรีวิจารณ์ และนายสมพงษ์ ศัลยพงษ์ ชีวิตเขาสิ้นไปเพื่อได้มาซึ่งเอกราชและความคงอยู่ของชาติไทย ซึ่งชาวไทยไม่ควรลืม”

 

ดังเกริ่นมานั้น เราย่อมพบเห็นจากการนำเสนอถึง จำกัด พลางกูร ผ่านสื่อต่างๆ เป็นส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ อาจปรากฏผู้พยายามถ่ายทอดข้อมูลเนื้อหาอื่นๆ เกี่ยวกับตัวเขาบ้าง เฉกเช่น ชีวิตส่วนตัวและครอบครัว ชีวิตรัก แนวคิดและการทำงานก่อตั้งโรงเรียนอนุบาล รวมทั้งแนะนำผลงานการเขียนบางส่วน หากถือว่ายังแจกแจงรายละเอียดค่อนข้างน้อยสักนิด

ผมปรารถนาแนะนำให้คุณผู้อ่านลองสัมผัสกับอีกบทบาทหนึ่งของ จำกัด ซึ่งยังมิค่อยได้รับการนำเสนออย่างแพร่หลายเท่าที่ควร นั่นคือ บทบาทความเป็นนักเขียนและนักหนังสือพิมพ์

ก่อนจะไปว่ากันถึงชีวิตนักเขียนและนักหนังสือพิมพ์ที่ชื่อ จำกัด ผมคงจำเป็นต้องสาธยายภูมิหลังของเขาให้คุณผู้อ่านสดับรับฟังด้วย

พระยาผดุงวิทยาเสริม (กำจัด พลางกูร) เป็นบุคคลผู้สร้างคุณูปการให้แวดวงการศึกษาของไทยในอดีต เคยดำรงตำแหน่งเจ้ากรมตำรา เจ้ากรมสามัญศึกษา และรักษาการอธิบดีกรมศึกษาธิการ ท่านเจ้าคุณมีบุตรชายคนโตกับภริยาคนแรกคือ  คุณหญิงเหรียญ คือ จำกัด ต่อมาทั้งสองยังมีบุตรธิดาร่วมกันอีกหลายคน ได้แก่ กำแหง, ตระหนักจิต, บรรเจิด, ลำเพา (ภรรยาของ วิตต์ สุทธเสถียร นักเขียนเลื่องชื่อ), เกรียงเดช และ สลวย

 

จำกัด พลางกูรในวัยเยาว์ ถ่ายภาพกับพระยาผดุงวิทยาเสริม, คุณหญิงเหรียญ และน้องๆ (จำกัดคือคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าผู้เป็นบิดา)
จำกัด พลางกูรในวัยเยาว์ ถ่ายภาพกับพระยาผดุงวิทยาเสริม, คุณหญิงเหรียญ และน้องๆ
(จำกัดคือคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าผู้เป็นบิดา)

 

ครั้นภายหลังคุณหญิงเหรียญสิ้นบุญ ท่านเจ้าคุณจึงสมรสใหม่กับคุณหญิงจรูญ มีบุตรธิดา ได้แก่ จรวยรส, กัมปนาท และ เสาวรส

จำกัด เริ่มต้นเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดบวรนิเวศ แล้วไปเรียนต่อโรงเรียนเทพศิรินทร์ สำเร็จชั้นมัธยมก็เข้าศึกษาคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พอปี พ.ศ. 2474 เขาสอบชิงทุนกระทรวงธรรมการ (ปัจจุบันคือกระทรวงศึกษาธิการ) ได้ไปศึกษาต่อยังประเทศอังกฤษ โดยเรียนชั้นมัธยมซ้ำที่โรงเรียนบรอมส์โกรฟ (Bromsgrove School) แห่งมณฑลวูร์สเตอร์เชอร์ (Worcestershire) ล่วงถึงปี พ.ศ. 2478 สอบเข้าเรียนวิทยาลัยบอลลิโอล (Balliol College) มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด (University of Oxford) จวบจนสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีเกียรตินิยม (B.A. Hons.) ทางด้านปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์

ห้วงยามที่ จำกัด ร่ำเรียนอยู่ในอังกฤษ เขานิยมชมชอบการถเถียงทางความรู้ พร้อมทั้งรับเป็นบรรณาธิการหนังสือ สามัคคีสาร ของสมาคมนักเรียนไทยที่นั่น

ต้นเดือนตุลาคม พ.ศ. 2479 จำกัด ในวัยเพียง 22 ปี เขียนหนังสือขึ้นเล่มหนึ่งด้วยแรงบันดาลใจจากสถานการณ์ภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 แล้วส่งมาจัดพิมพ์เผยแพร่ในเมืองไทย นั่นคือ ปรัชญาของสยามใหม่ เขาสะท้อนเจตนารมณ์ของตนไว้ผ่าน ‘คำนำ’ ความว่า

 

“ในชั้นต้น ข้าพเจ้าตั้งใจจะหาคุณค่าแห่งวัฒนธรรมของเราใหม่ (Revalue our own culture) พร้อมกับหาคุณค่าแห่งวัฒนธรรมยุโรปตามหลักแห่งชีวิต เพื่อเป็นเครื่องช่วยให้ท่านทั้งหลายเข้าใจถึงความเจริญและวิธีความเจริญแห่งโลก แต่บัดนี้ข้าพเจ้าไม่มีเวลาพอ จึงเขียนเสร็จแต่ภาคปรัชญา เหลือภาครัฐศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์ไว้ ตั้งใจจะเขียนต่อในเมื่อสอบไล่แล้ว ข้าพเจ้าหวังว่าหนังสือ เล่มนี้คงทำให้ท่านคิดบ้างไม่มากก็น้อย

ข้าพเจ้าขอแสดงความขอบใจศาสตราจารย์อมิยา จ. จักรวรรดิ (Prof. Amiya C. Chakravarty), ศาสตราจารย์ ดร. เสฺตน โคโนว (Prof. Dr. Sten Konow), ศาสตราจารย์ภาษาสันสกฤตแห่งมหาวิทยาลัยออสโล (Oslo), ประเทศนอร์เวย, นายวิทย์ ศิวศริยานนท์ และนายประยูร วิลัยรัตน์ ที่ได้ช่วยแนะนำอภิปรายปัญหาต่างๆ ในหนังสือเล่มนี้

ข้าพเจ้าขออุททิศหนังสือเล่มนี้ให้ผู้ที่มีบุญคุณแก่ข้าพเจ้ามากที่สุด คือ คุณพ่อของข้าพเจ้า พระยาผดุงวิทยาเสริม ข้าพเจ้าเชื่อว่าการศึกษาเป็นเครื่องปั้นมนุษย์ ข้าพเจ้าเป็นหนี้วิธีอบรมของบิดาข้าพเจ้าที่ทำให้ข้าพเจ้ามีความคิดทันสมัยอยู่เสมอ.  

จำกัด พลางกูร
10ตุล.79
วิทยาลัยเบลลิโอล -- Balliol,
มหาวิทยาลัยออกสฟอรด
ประเทศอังกฤษ”