ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
ชีวิต-ครอบครัว

“ใครๆ ก็รักปาล” ชีวิตทางการเมืองของปาล พนมยงค์ ในทศวรรษ 2490

9
กันยายน
2565
ปาล พนมยงค์ (12 ธันวาคม พ.ศ. 2474 - 9 กันยายน พ.ศ. 2524)
ปาล พนมยงค์ (12 ธันวาคม พ.ศ. 2474 - 9 กันยายน พ.ศ. 2524)

 

9 กันยายน พ.ศ. 2524 เป็นวันที่ ‘ปาล พนมยงค์’ บุตรชายคนโตของรัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์ และท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์[1] ได้จากไปอย่างสงบ

ชีวิตของปาลมีแง่มุมที่เกี่ยวเนื่องกับประวัติศาสตร์การเมืองไทยให้หวนคะนึงถึงรวมทั้งมีแง่มุมความดี ความงาม ความอยุติธรรมที่ได้รับนับตั้งแต่แรกเกิดและโดยเฉพาะในช่วงทศวรรษ 2490

จากชีวประวัติย่อ ปาลเกิดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2474 ก่อนการอภิวัฒน์สยามเพียงไม่นาน ณ บ้านป้อมเพชร์ของมหาอำมาตย์ตรี พระยาชัยวิชิตวิศิษฎ์ธรรมธาดา (ขำ ณ ป้อมเพชร์) กับคุณหญิงเพ็ง ชัยวิชิตวิศิษฎ์ธรรมธาดา ซึ่งเป็นคุณตากับคุณยาย เดิมชื่อจริงนั้นสะกดว่า ปาน เพราะแรกเกิดมีปานแดงที่หน้าผาก แต่ต่อมาปานได้หายไปจึงเปลี่ยนการสะกดชื่อเป็น “ปาล” ที่มีความหมายว่าการปกครอง พูนศุขผู้เป็นมารดาได้เล่าถึงปาลในวัยเยาว์ที่เกิดในช่วงการอภิวัฒน์ไว้ว่า

 

“พออายุได้ 6 เดือน พ่อก็จากบ้านไปทําการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 จึงเป็นการจากกับลูกครั้งแรก เนื่องจากพ่อได้จากบ้านไปตั้งแต่เย็นวันที่ 23 มิถุนายน

ในวันที่พ่อจากไป ลูกซึ่งเป็นเด็กไม่เคยกวนเลย แต่ในตอนดึกคืนนั้นได้ส่งเสียงร้องไห้เป็นเวลานานโดยไม่มีสาเหตุ จนคุณตาคุณยายซึ่งอยู่บนตึกใหญ่ได้ยินและได้มาถามว่าเป็นอะไร แม่เองใจไม่ดี เป็นห่วงพ่อ เพราะพ่อไม่ได้บอกความจริง เพียงแต่บอกว่าจะไปหาคุณปู่ที่นา อําเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

เมื่อพ่อทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองสำเร็จแล้วไม่ได้กลับบ้าน ทํางานอยู่ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม…”[2]

 

ปาล พนมยงค์ กับ ลลิตา พนมยงค์ พี่สาว ราว พ.ศ. 2475
ปาล พนมยงค์ กับ ลลิตา พนมยงค์ พี่สาว ราว พ.ศ. 2475

 

ปาล พนมยงค์ กับพี่น้อง และบิดา-มารดา ปรีดี-พูนศุข พนมยงค์ พ.ศ. 2523
ปาล พนมยงค์ กับพี่น้อง และบิดา-มารดา ปรีดี-พูนศุข พนมยงค์ พ.ศ. 2523

 

ปาลมีพี่น้องทั้งหมด 6 คน ได้แก่ ลลิตา พนมยงค์, ปาล พนมยงค์,[3] สุดา พนมยงค์, ศุขปรีดา พนมยงค์,[4] ดุษฎี พนมยงค์ บุญทัศนกุล[5] และวาณี พนมยงค์ สายประดิษฐ์[6] โดยเริ่มเรียนระดับชั้นประถมที่โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงต้องไปพำนักที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนเมื่อสงครามสงบลงก็ได้ย้ายกลับมาเรียนที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียลจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้วสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมปริญญาแห่งมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง (ต.ม.ธ.ก.) รุ่นที่ 8 หรือเรียกกันว่ารุ่น 500 ซึ่งเป็นรุ่นสุดท้ายของโรงเรียนเตรียมฯ แห่งนี้[7]

ในระยะนี้เองได้เกิดการรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 ที่ทำให้ปรีดี พนมยงค์ ต้องลี้ภัยการเมืองไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนและเกิดความอยุติธรรมต่อครอบครัวของปรีดี-พูนศุข ซึ่งส่งผลต่อชีวิตของปาลหลายด้านในเวลาต่อมา

ระหว่างนี้ปาลได้เข้าศึกษาต่อยังมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง พร้อมกันนั้นยังได้สอบแข่งขันเข้าทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศด้วย และได้รับการบรรจุเข้ารับราชการในตำแหน่งเสมียนจัตวา อันดับ 7 หากมีผู้ทรงอำนาจสมัยนั้นประท้วงมายังกระทรวงการต่างประเทศว่า “ทำไมรับลูกชายหลวงประดิษฐ์ฯ เข้าทำงาน” ซึ่งทางกระทรวงฯ ต้นสังกัดได้ตอบกลับไปว่าปาลเข้ามาทำงานด้วยการสอบแข่งขันได้[8]

 

ภาพจากซ้าย ปาล พนมยงค์, อารีย์ อิ่มสมบัติ, สิงหชัย บังคดานรา และสัมผัส พึ่งประดิษฐ์
ภาพจากซ้าย ปาล พนมยงค์, อารีย์ อิ่มสมบัติ, สิงหชัย บังคดานรา และสัมผัส พึ่งประดิษฐ์

 

แม้ว่าชีวิตของปาลช่วงแรกรุ่นจะเริ่มต้นด้วยความยากลำบากและความอยุติธรรมที่ได้รับจากสังคมแต่ “ใครๆ ก็รักปาล” เช่นที่โอฬาริก พยัคฆาภรณ์ ประธานนักเรียนเตรียมปริญญามหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองรุ่นที่ 8 เพื่อนสนิทร่วมรุ่นได้เล่าถึงอุปนิสัยของปาลที่ทำให้เพื่อนรักว่า

 

“ปาลเข้ามาเป็นนักเรียนห้องคิงด้วยการสอบแข่งขัน มิใช่ด้วยการฝาก ขณะนั้นท่านบิดาของปาล คือท่านอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ นอกจากจะเป็นผู้ประศาสน์การมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองแล้ว ท่านยังเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยด้วย

นักเรียนรุ่นเดียวกันซึ่งมาจากทุกสารทิศของประเทศต่างเฝ้ามองดูปาล ปรากฏว่าปาลมิได้ทำตัวเหมือนลูกผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย ตรงกันข้าม ปาลประพฤติตนเยี่ยงนักเรียนทั่วๆ ไปคนหนึ่งเท่านั้น แม้ในด้านอาหารการกิน…ปาลก็มาซื้อรับประทานเหมือนนักเรียนทุกคน การกระทำของปาลสร้างความประทับใจให้แก่เพื่อนนักเรียนเตรียมรุ่นเดียวกัน ตลอดครูบาอาจารย์เป็นอย่างยิ่ง…”

 

ปาล พนมยงค์ ขณะขึ้นศาลในข้อหาเป็นขบถภายในและภายนอกราชอาณาจักร พ.ศ. 2495
ปาล พนมยงค์ ขณะขึ้นศาลในข้อหาเป็นขบถภายในและภายนอกราชอาณาจักร พ.ศ. 2495

 

กระทั่งปาลต้องเข้าไปเกี่ยวเนื่องกับการเมืองโดยตรงจากการถูกจับกุมในข้อหาเป็นขบถภายในและนอกราชอาณาจักรในวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2495 ภายหลังการรณรงค์เรียกร้องสันติภาพ หรือ ต่อมารู้จักกันในนามคดี “กบฏสันติภาพ” ซึ่งมีขบวนการสังคมนิยมไทยเป็นแกนหลักและประกอบด้วยขบวนการกู้ชาติทั้งยังมีแนวร่วมนักหนังสือพิมพ์ นักศึกษา และประชาชนจนทำให้รัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม หวาดวิตกการเคลื่อนไหวครั้งนี้อย่างยิ่ง[9] จึงจับกุมทั้งนักศึกษา นักคิดนักเขียน และนักหนังสือพิมพ์ อาทิ สมัคร บุราวาศ, กุหลาบ สายประดิษฐ์, สัมผัส พึ่งประดิษฐ์, ประจวบ อัมพะเศวต และบุคคลที่ใกล้ชิดศรัทธาปรีดี อาทิ สุภัทร สุคนธาภิรมย์ และสุพจน์ ด่านตระกูล[10] รวมถึงได้จับกุมพูนศุข พนมยงค์ ด้วย[11]

พูนศุขเล่าถึงการจับกุมปาลในวันดังกล่าวว่า 

 

“ในวันที่ 13 พฤศจิกายน เวลาเช้าตรู่ ระหว่างที่ลูกลาป่วยพักอยู่ที่บ้าน เจ้าหน้าที่ตํารวจได้มาล้อมบ้านสาธร เข้าค้นบ้านและจับลูกซึ่งกําลังหลับอยู่ นําไปขังไว้ที่สถานีตํารวจสามยอดในข้อหากบฏ ลูกไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวแต่ประการใด”[12]

 

บัตรผู้ต้องหาของปาล พนมยงค์ ในข้อหาขบถภายในและนอกราชอาณาจักร พ.ศ. 2495
บัตรผู้ต้องหาของปาล พนมยงค์ ในข้อหาขบถภายในและนอกราชอาณาจักร พ.ศ. 2495

 

ช่วงเวลา 5 ปีที่ปาลถูกคุมขังอยู่ในคุกบางขวางพร้อมกับเพื่อนสนิทนั้นต้องทำทุกอย่างเช่นนักโทษทั่วไปแม้แต่การเทอุจจาระ โอฬาริกเล่าถึงการสนทนากับปาลในคุกว่า “ปาลกล่าวว่า ปาลถูกจับเข้าคุกเพราะปาลเป็นลูกของพ่อ”[13] ส่วนพูนศุขนั้นถูกคุมขังอยู่สามเดือนแล้วได้รับการปล่อยตัวเพราะอัยการไม่สั่งฟ้องและแทบจะไม่มีการสอบสวน นอกจากถามว่าปรีดีอยู่ที่ใดเป็นคำถามสำคัญ[14]

 

ภาพจากซ้าย ปาล พนมยงค์ สวมกอดพูนศุข พนมยงค์ มารดาซึ่งเดินทางกลับจากประเทศจีน ณ สนามบินดอนเมือง เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2500
ภาพจากซ้าย ปาล พนมยงค์ สวมกอดพูนศุข พนมยงค์ มารดาซึ่งเดินทางกลับจากประเทศจีน ณ สนามบินดอนเมือง เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2500

 

จนในที่สุดภายใต้รัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ก็ได้ออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมนักโทษการเมืองเนื่องในวาระ 25 พุทธศตวรรษ ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2500[15] จำเลยทุกคนในคดีกบฏสันติภาพจึงถูกปล่อยตัว และปาลได้กลับมาเรียนต่อจนสำเร็จการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อ พ.ศ. 2506

 

ปริญญาบัตรนิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ของปาล พนมยงค์
ปริญญาบัตรนิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ของปาล พนมยงค์

 

บทบาททางการเมืองของปาล พนมยงค์ ในการเลือกตั้ง 15 ธันวาคม พ.ศ. 2500

 

ภาพจากขวา ท่านเจ้าคุณพระพิมลธรรม, ปาล พนมยงค์ และพูนศุข พนมยงค์ ในวันอุปสมบท 24 มิถุนายน พ.ศ. 2500
ภาพจากขวา ท่านเจ้าคุณพระพิมลธรรม, ปาล พนมยงค์ และพูนศุข พนมยงค์ ในวันอุปสมบท 24 มิถุนายน พ.ศ. 2500

 

ชีวิตทางการเมืองในระบบรัฐสภาของปาลนั้นน้อยคนนักที่จะทราบว่าปาลเคยลงสมัครรับเลือกตั้ง ครั้งที่ 8 เมื่อ พ.ศ. 2500 ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายหลังการอุปสมบทเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2500 ณ พัทธสีมา วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ซึ่งมีท่านเจ้าคุณพระพิมลธรรมรับเป็นอุปัชฌาย์และกรุณาจัดให้อยู่กุฏิเดียวกับท่าน[16]

 

ปาล พนมยงค์ และ ท่านเจ้าคุณพระพิมลธรรม
ปาล พนมยงค์ และ ท่านเจ้าคุณพระพิมลธรรม

 

ช่วงก่อนบวชนั้น ปาลให้สัมภาษณ์กับ ประจวบ อัมพะเศวต ว่าได้เข้าพบจอมพล ป. พิบูลสงคราม เพื่อลาบวชและจอมพล ป. ได้อนุโมทนาแล้วกล่าวกับปาลก่อนกลับว่า

 

“บอกคุณพ่อของหลานด้วยนะว่า ลุงอยากจะให้กลับมาช่วยลุงทำงานให้ชาติ ลุงคนเดียวสู้ศักดินาไม่ไหวแล้ว”[17]

 

ปาล พนมยงค์ และ ท่านเจ้าคุณพระพิมลธรรม
ปาล พนมยงค์ และ ท่านเจ้าคุณพระพิมลธรรม

 

ปาลบวชในช่วงบริบททางการเมืองที่ขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้นหลังการเลือกตั้ง วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 ซึ่งทางพรรคเสรีมนังคศิลาของจอมพล ป. ได้รับชัยชนะอย่างไม่โปร่งใสจนถูกนักหนังสือพิมพ์เรียกกันว่า “การเลือกตั้งสกปรก พ.ศ. 2500” ส่วนจอมพล ป. เรียกว่า “การเลือกตั้งที่ไม่เรียบร้อย” ต่อมาชีวิตการเมืองของจอมพล ป. ก็จบลงอย่างเรียบร้อยอันเนื่องมาจากเกิดการรัฐประหารในวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500 โดยกลุ่มของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่ระยะแรกได้แต่งตั้งพจน์ สารสิน ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีพลเรือนแล้วลงมติให้จัดการเลือกตั้ง ในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2500

ก่อนจะเล่าเรื่องปาลลงสมัครผู้แทนนั้นต้องทราบปูมหลังบางประการว่า เนื่องจากปรีดี พนมยงค์ มีบ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงไม่น่าแปลกใจที่ปาลบุตรชายจะถูกทาบทามให้ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดนี้ ส่วนปรีดีเองก็เคยเป็นนักการเมืองท้องถิ่นหรือได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 ของบ้านเกิดในการเลือกตั้ง ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2489 มาแล้ว

 

จดหมายของประสิทธิ์ ใจอุ่น ชักชวนปาล พนมยงค์ ลงสมัคร ส.ส. พระนครศรีอยุธยา พ.ศ. 2500

 

จดหมายของประสิทธิ์ ใจอุ่น ชักชวนปาล พนมยงค์ ลงสมัคร ส.ส. พระนครศรีอยุธยา พ.ศ. 2500
จดหมายของประสิทธิ์ ใจอุ่น ชักชวนปาล พนมยงค์ ลงสมัคร ส.ส. พระนครศรีอยุธยา พ.ศ. 2500

 

5 วันหลังการรัฐประหาร พ.ศ. 2500 ได้มีจดหมายจาก ประสิทธิ์ อุ่นใจ ชาวพระนครศรีอยุธยา ส่งมาถึงปาล ลงวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2500 โดยขึ้นต้นจดหมายอย่างไม่อ้อมค้อมว่า อยากจะให้ปาลลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และยินดีสนับสนุนปาลให้ได้เป็นผู้แทนฯ ด้วยมีความศรัทธาในตัวปาลและมั่นใจในความสามารถ

 

“...ผมก็มั่นใจอย่างมากว่า คุณปาลจะต้องเป็นผู้มีความสามารถดีกว่าผู้อื่นทุกๆ คน ตลอดทั้งอุดมคติของคุณปาลผมก็ศรัทธามาก อีกประการหนึ่ง ขณะนี้ผมก็ได้เริ่มทำการหาเสียงให้คุณปาลไว้มากแล้วและก็มั่นใจว่าคุณปาลต้องได้…”

 

ในจดหมายของประสิทธิ์ ชี้ชัดว่าไม่ได้สนิทสนมกับปาลมากนักและบริบททางการเมืองช่วงรัฐประหารหมาดๆ นั้นทำให้ยังไม่ควรหาเสียงอย่างครึกโครม หากประสิทธิ์ก็ยินดีที่จะสนับสนุนปาลและขอนัดเพื่อพบปะพูดคุยรวมทั้งได้กล่าวว่าตนเองได้ป่าวประกาศให้แก่ชาวบ้านที่อำเภอหัวรอ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ทราบแล้วว่าปาลจะมาสมัครเป็นผู้แทนที่นี่

ท้ายจดหมายประสิทธิ์ยังสะท้อนให้เห็นความนิยมในตัวปาลโดยกล่าวว่า “เมื่อสภาถูกยุบครั้งนี้ก็เป็นธรรมดาจะต้องนึกถึงปาลเป็นคนแรก”

 

บัตรหาเสียงเลือกตั้งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาของปาล พนมยงค์
บัตรหาเสียงเลือกตั้งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาของปาล พนมยงค์

 

เมื่อปาลตัดสินใจลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ปรากฏว่ามีผู้สนับสนุนเพิ่มมากขึ้นทั้งสอบถามความคืบหน้าในการหาเสียง และรายงานคะแนนความนิยมของปาลในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้ทราบอย่างละเอียด

 

จดหมายจากพระภิกษุสุพันธ์ วายุภาพ ถึงปาล พนมยงค์ ลงวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2500

 

จดหมายจากพระภิกษุสุพันธ์ วายุภาพ ถึงปาล พนมยงค์ ลงวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2500
จดหมายจากพระภิกษุสุพันธ์ วายุภาพ ถึงปาล พนมยงค์ ลงวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2500

 

ราว 1 เดือน นับจากจดหมายของประสิทธิ์ ก็มีจดหมายจาก พระภิกษุสุพันธ์ วายุภาพ จากวัดพนมยงค์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่งมาถึงปาล พนมยงค์ ลงวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2500 พระภิกษุสุพันธ์แสดงความยินดีและแจ้งแก่ปาลว่า การหยั่งเสียงคะแนนของปาล ณ เวลานั้นพบว่ามีถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ที่จะเลือกปาล

ท่านยังชี้ด้วยว่ามีข้อที่น่าวิตกคือ ปาลยังเข้าไม่ถึงชนชั้นตาสีตาสาเพื่ออธิบายข้อเท็จจริงกรณีสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 8 ที่เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลของปรีดีแต่ยังไม่คลี่คลายความสงสัย ผนวกกับการที่ปรีดีถูกโจมตีเรื่องดังกล่าวมาอย่างยาวนาน ปาลจึงควรมาอธิบายแก่ชาวบ้านให้กระจ่าง ส่วนตัวท่านเองเป็นพระจึงไม่อาจอธิบายแทนได้เพราะขัดต่อพระวินัย จดหมายของพระภิกษุสุพันธ์นี้มีความสำคัญต่อการหาเสียงของปาลเพื่อให้ทราบถึงจิตใจของประชาชนซึ่งเป็นข้อชี้ขาดคะแนนเสียงในท้ายที่สุด

 

ข่าวโฆษณาหาเสียงให้แก่ปาล พนมยงค์ ของชาวบ้านแพรก อยุธยา
ข่าวโฆษณาหาเสียงให้แก่ปาล พนมยงค์ ของชาวบ้านแพรก อยุธยา

 

การหาเสียงในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาดำเนินไปอย่างเข้มข้น ประชาชนตื่นตัวและผู้สนับสนุนฝ่ายของปาลก็ไม่ย่นย่อที่จะหากลยุทธ์ในการหาเสียงหลากหลายรูปแบบทั้งจัดทำโปสเตอร์ บัตรหาเสียง ใบปลิวโฆษณา และบทกลอนที่ซุกซ่อนอยู่ในหนังสือพิมพ์และวารสารฉบับต่างๆ

ดังตัวอย่างบทกวีที่สะท้อนความสนใจการเมืองและความคมคายของชาวบ้านแพรก จังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่พิมพ์ช่วยหาเสียงให้แก่ฝ่ายของปาลว่า

 

“อยุธยาฤาจะไร้ซึ่งศักดิ์ศรี
คนดีดีซ่อนตนอยู่หนไหน
ประชาราษฎร์ทั่วนครร้อนเป็นไฟ
ใครจะดับเข็ญได้ยังไม่มี
มวลมนุษย์อธรรมครอบงำจิต
แสวงอามิสใส่ตนชาติป่นปี้
ราษฎร์ทุกข์ทนทรมานมานานปี
จงตื่นเถิดคนดีศรีอยุธยา

เราจะสุขหรือทุกข์อยู่ที่ราษฎร์
เลือกผู้แทนตามราษฎร์ปรารถนา
เลือกคนดีราษฎร์จะสุขทุกเวลา
เลือกคนชั่วชาวประชาจะรำคาญ
เลือกผู้แทนคนดีมีประโยชน์
เลือกวิโรจน์ ปาล เยื้อน เป็นเพื่อนท่าน
จะช่วยทุกข์ บำรุงสุขตลอดกาล
เป็นปากเสียงแทนท่าน ทุกวันเอย”

 

จดหมายผู้ที่ช่วยหาเสียงให้แก่ปาล พนมยงค์ ลงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2500

 

จดหมายผู้ที่ช่วยหาเสียงให้แก่ปาล พนมยงค์ ลงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2500
จดหมายผู้ที่ช่วยหาเสียงให้แก่ปาล พนมยงค์ ลงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2500

 

โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งเพียง 5 วัน ในวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2500 ยังมีผู้สนับสนุนปาลส่งจดหมายมารายงานการเลือกตั้งและแสดงให้เห็นทั้งกลยุทธ์ในการหาเสียงว่ามีการพิมพ์โปสเตอร์เพิ่มและทำบัตรแบบเข้าหาทุกโอกาสให้ตัวแทนหาเสียงแจกจ่ายไปตามชนบทโดยเฉพาะผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และผู้มีชื่อเสียงในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สะท้อนความมั่นใจว่าปาลน่าจะได้รับเลือกตั้ง

และยิ่งใกล้วันลงคะแนนยังมีการซื้อตัวหัวคะแนนด้วยดังในจดหมายระบุว่ามีผู้ให้เขาหาคะแนนเสียง 100 เสียง ต่อเงิน 2,000 บาท แต่ผู้สนับสนุนที่ศรัทธาปาลกลับไม่รับ และแจ้งว่าตนเองไม่ได้รับจ้างหาคะแนนเสียง จากกรณีนี้จะเห็นว่าการซื้อเสียงและหัวคะแนนยังมีอยู่ในการเลือกตั้งครั้งนี้แต่มีข่าวการทุจริตน้อยกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนมากนัก

 

จดหมายของพิชิต ศรีวุฒิพงศ์ ถึงปาล พนมยงค์ ลงวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2500
จดหมายของพิชิต ศรีวุฒิพงศ์ ถึงปาล พนมยงค์ ลงวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2500

 

ท้ายที่สุดเมื่อการเลือกตั้งวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2500 จบลงก็พบบทสรุปผลการเลือกตั้งของปาลในจดหมายของ พิชิต ศรีวุฒิพงศ์ ที่แสดงให้เห็นว่าปาลไม่ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้รับเลือกตั้งครั้งนี้มี 3 คน คือ

  1. นายนิคม สุขพัฒน์ธี พรรคสหภูมิ
  2. นายสมศักดิ์ ชมจันทร์ ไม่สังกัดพรรค
  3. นายประเสริฐ บุญสม พรรคเสรีมนังคศิลา[18]

พิชิตกล่าวว่าตนและพรรคพวกที่สนับสนุนปาลล้วนเสียใจอย่างยิ่ง และชี้ให้เห็นถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้ปาลพลาดหวัง คือ การที่ประชาชนยังเคลือบแคลงใจในกรณีสวรรคตของรัชกาลที่ 8 และจากกระแสข่าวที่โจมตีปรีดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งในจดหมายของพิชิตยังระบุชัดว่า “การถูกลอบปลงพระชนม์ของรัชกาลที่ 8 ราษฎรในเขตต่างๆ ของอยุธยายังไม่เข้าใจเรื่องนี้เท่าที่ควรจึงพากันเกลียดกลัวและไม่ยอมลงคะแนนให้คุณทั้งที่เขาชอบในบุคลิกและลักษณะ และอัธยาศัยของคุณเป็นอันมาก…”

จากหลักฐานประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญข้างต้นชี้ให้เห็นว่า ชีวิตทางสังคมและการเมือง 49 ปีของปาล พนมยงค์ ถูกผูกโยงด้วยเงื่อนปมทางประวัติศาสตร์ ความอยุติธรรมทางการเมือง และกระแสโจมตีที่มุ่งลิดรอนอำนาจทางการเมืองของปรีดี พนมยงค์ หากส่งผลต่อชีวิตของปาล บุตรชายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบทบาททางการเมืองช่วงการเลือกตั้ง 15 ธันวาคม พ.ศ. 2500

 

ที่มาของภาพ : สถาบันปรีดี พนมยงค์ และ อนุสรณ์ นายปาล พนมยงค์

หมายเหตุ : ขอขอบคุณคุณปรีดิวิชญ์ พนมยงค์ อย่างยิ่ง สำหรับการตั้งต้นประเด็นเรื่องการเลือกตั้ง 15 ธันวาคม พ.ศ. 2500 การอนุญาตให้ใช้จดหมาย และหลักฐานประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญของคุณปาล พนมยงค์ และ ขอขอบคุณกองบรรณาธิการสถาบันปรีดี พนมยงค์ ในการประสานงานและแนะนำประเด็นสำคัญจนเกิดเป็นบทความชิ้นนี้ขึ้น

 

บรรณานุกรม

เอกสารชั้นต้น :

  • จดหมายจากพิชิต ศรีวุฒิพงศ์ ถึงคุณปาล พนมยงค์
  • ประสิทธิ์ ใจอุ่น ถึงคุณปาล พนมยงค์
  • พระภิกษุ สุพันธ์ วายุภาพ ถึงคุณปาล พนมยงค์
  • จดหมายถึงคุณปาล พนมยงค์
  • เอกสารหาเสียงการเลือกตั้งของคุณปาล พนมยงค์

หนังสืออนุสรณ์งานศพ :

  • ปรีดี พนมยงค์, คำไว้อาลัย กับประวัติ และสังคมปรัชญาเบื้องต้น ใน อนุสรณ์ นายปาล พนมยงค์. กรุงเทพฯ: อมรินทร์การพิมพ์, 2525.

หนังสือภาษาไทย :

  • ดุษฎี พนมยงค์, ปรีดี พนมยงค์ กับชีวิต 21 ปี ในจีน, (กรุงเทพฯ: มติชน, 2555)
  • ประจวบ อัมพะเศวต, พลิกแผ่นดิน : ประวัติศาสตร์การเมืองไทย 24 มิถุนายน 2475 - 14 ตุลาคม 2516, (กรุงเทพฯ: สุภาพใจ, 2543)
  • ปรีดี พนมยงค์, ชีวประวัติย่อของนายปรีดี พนมยงค์, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิปรีดี พนมยงค์, 2526)
  • พูนศุข พนมยงค์, ไม่ขอรับเกียรติยศใดๆ ทั้งสิ้น 95 ปี 4 เดือน 9 วัน พูนศุข พนมยงค์, (กรุงเทพฯ: บริษัท ตถาตา พับลิเคชั่น จำกัด, 2551)
  • วิชชุกร นาคธน, นักการเมืองถิ่นจังหวัดพระนครศรีอยุธยา, (กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า, 2555)
  • สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ, แผนชิงชาติไทย ว่าด้วยรัฐและการต่อต้านรัฐสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ครั้งที่สอง (พ.ศ. 2491-2500) พิมพ์ครั้งที่ 3, (กรุงเทพฯ: 6 ตุลารำลึก, 2553)

บทความในนิตยสาร :

  • วิชชุกร นาคธน, “นักการเมืองถิ่นจังหวัดพระนครศรีอยุธยา”, วารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ฯ 5, 2 (พฤษภาคม - สิงหาคม 2561): หน้า 1-15.

วิทยานิพนธ์ :

  • วิวัฒน์ คติธรรมนิตย์, (2532). กบฏสันติภาพ. วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สื่ออิเล็กทรอนิกส์ :

  • พูนศุข พนมยงค์. (9 กันยายน 2563). ชีวิตของปาล พนมยงค์. สืบค้นจาก https://pridi.or.th/th/content/2020/09/411
  • เพื่อนร่วมคุกในคดีสันติภาพ. (26 กันยายน 2563). พลทหาร ปาล พนมยงค์: ผู้เป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้ว. สืบค้นจาก https://pridi.or.th/th/content/2020/09/432
  • สถาบันปรีดี พนมยงค์. (12 พฤษภาคม 2563). ครอบครัวนายปรีดี พนมยงค์ กับความประทับใจจากแผ่นดินจีน. สืบค้นจาก https://pridi.or.th/th/content/2020/05/260
  • โอฬาริก พยัคฆาภรณ์. (9 กันยายน 2564). ใครๆ ก็รักปาล ในนามเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมปริญญา ม.ธ.ก.. สืบค้นจาก https://pridi.or.th/th/content/2021/09/826
 

[1] สกุลเดิมคือ ณ ป้อมเพชร์

[2] ปรีดี พนมยงค์, คำไว้อาลัย กับประวัติ และสังคมปรัชญาเบื้องต้น ใน อนุสรณ์ นายปาล พนมยงค์. กรุงเทพฯ: อมรินทร์การพิมพ์, 2525. หน้า 65-66.

[3] สมรสครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2507 กับงามชื่น นีลวัฒนานนท์ มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ ชัยวัฒน์ พนมยงค์ และตุลยา พนมยงค์ ต่อมาสมรสครั้งที่สองเมื่อ พ.ศ. 2519 กับเลิศศรี จตุรพฤกษ์ มีบุตร 1 คน คือ ปรีดิวิชญ์ พนมยงค์

[4] สมรสกับจีรวรรณ พนมยงค์ วรดิลก ซึ่งเป็นน้องสาวของสุวัฒน์ และทวีป วรดิลก

[5] สมรสกับชาญ บุญทัศนกุล

[6] สมรสกับสุรพันธ์ สายประดิษฐ์ บุตรชายของกุหลาบ สายประดิษฐ์

[7] พูนศุข พนมยงค์. (9 กันยายน 2563). ชีวิตของปาล พนมยงค์. สืบค้นจาก https://pridi.or.th/th/content/2020/09/411 

[8] ปรีดี พนมยงค์, คำไว้อาลัย กับประวัติ และสังคมปรัชญาเบื้องต้น ใน อนุสรณ์ นายปาล พนมยงค์. กรุงเทพฯ: อมรินทร์การพิมพ์, 2525. หน้า 67.

[9] สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ, แผนชิงชาติไทย ว่าด้วยรัฐและการต่อต้านรัฐสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ครั้งที่สอง (พ.ศ. 2491-2500) พิมพ์ครั้งที่ 3, (กรุงเทพฯ: 6 ตุลารำลึก, 2553), หน้า 289-295.

[10] เรื่องเดียวกัน, หน้า 300.

[11] วิวัฒน์ คติธรรมนิตย์, (2532). กบฏสันติภาพ. วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. หน้า 165-166.

[12] พูนศุข พนมยงค์. (9 กันยายน 2563). ชีวิตของปาล พนมยงค์. สืบค้นจาก https://pridi.or.th/th/content/2020/09/411 

[13] ปรีดี พนมยงค์, คำไว้อาลัย กับประวัติ และสังคมปรัชญาเบื้องต้น ใน อนุสรณ์ นายปาล พนมยงค์. กรุงเทพฯ: อมรินทร์การพิมพ์, 2525. หน้า 53.

[14] เรื่องเดียวกัน, หน้า 58.

[15] วิวัฒน์ คติธรรมนิตย์, (2532). กบฏสันติภาพ. วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. หน้า 264.

[16] พูนศุข พนมยงค์. (9 กันยายน 2563). ชีวิตของปาล พนมยงค์. สืบค้นจาก https://pridi.or.th/th/content/2020/09/411 

[17] ประจวบ อัมพะเศวต, พลิกแผ่นดิน : ประวัติศาสตร์การเมืองไทย 24 มิถุนายน 2475-14 ตุลาคม 2516, (กรุงเทพฯ: สุภาพใจ, 2543), หน้า 410.

[18] วิชชุกร นาคธน, นักการเมืองถิ่นจังหวัดพระนครศรีอยุธยา, (กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า, 2555), หน้า 56.