ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
เกร็ดประวัติศาสตร์

ศุขปรีดาเล่าเรื่อง : หวอเหงียนย้าป จอมทัพคู่บารมีโฮจิมินห์ : ผู้อาวุโสแห่งกองทัพ

27
พฤศจิกายน
2565

ความเดิมตอนที่แล้ว : ตอนที่ 15
ศุขปรีดาเล่าเรื่อง : หวอเหงียนย้าป จอมทัพคู่บารมีโฮจิมินห์ : ศึกแตกหัก

 

จากปี ค.ศ. 1911 ถึงปัจจุบันคือ ค.ศ. 2009 นับเป็นเวลา 98 ปีแล้วที่ นายพลหวอเหงียนย้าป ถือกำเนิดเกิดมา ท่านรับใช้ชาติและประชาชนชาวเวียดนามมาตั้งแต่เยาว์วัย ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านความทุกข์ยากลำบากอย่างแสนสาหัส ผ่านคุกตารางของเจ้าอาฌานิคมฝรั่งเศสที่มีไว้คุมขังผู้รักชาติ

การเคลื่อนไหวอภิวัฒน์ของท่านก่อนทำหน้าที่รับผิดชอบทางทหารตามที่ประธานโฮจิมินห์มอบภาระหน้าที่ให้ด้วยความเชื่อมั่นนั้น นายพลหวอเหงียนย้าปผ่านงานมาอย่างโชกโชน นับตั้งแต่การเคลื่อนไหวมวลชนต่อต้านการยึดครองของต่างชาติ เป็นครูสอนวิชาประวัติศาสตร์ในโรงเรียนมัธยม เป็นนักหนังสือพิมพ์ เป็นนักศึกษาวิชากฎหมาย ถึงแม้จะถูกจับกุมคุมขัง ก็ไม่เคยละทิ้งการต่อสู้ที่เป็นธรรมอันสูงส่ง มีแต่เพิ่มพลัง

ความตั้งใจเพื่อบรรลูสู่จุดหมายปลายทาง

การมีโอกาสพบกับประธานโฮจิมินห์ครั้งแรก ณ ชายแดนมณฑลยูนนาน ทำให้ท่านมองเห็นหนทางไปสู่ความสำเร็จ ด้วยการนำอันถูกต้องเห็นการณ์ไกลของโฮจิมินห์ ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ทั้งๆ ที่ไม่เคยผ่านการเรียนหรืออบรมฝึกฝนด้านการทหารมาเลย แต่ก็มีความมั่นใจมานะบากบั่นเข้ารับภาระทางทหารตามที่ได้รับมอบหมาย

ด้วยความรู้และการศึกษาประวัติศาสตร์ของชาติ โดยเฉพาะในด้านยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีของบรรพชนเวียดนาม ในการต่อสู้กับผู้รุกรานอย่างละเอียดถี่ถ้วน ประกอบด้วยแนวความคิดแห่งการนำของโฮจิมินห์และพรรคในการเคลื่อนไหวปลูกฝังความรักชาติ ทำให้มีการวางยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องเป็นระบบ และประยุกต์ยุทธวิธีเข้ากับสภาพการณ์แต่ละสภาพได้อย่างเหมาะสมจึงนำไปสู่ชัยชนะ จากเล็กน้อยสู่ชัยชนะที่ใหญ่ขึ้น จากปริมาณสะสมสู่คุณภาพ

จากกองกำลังโฆษณาประกอบอาวุธเพียงประมาณหนึ่งหมวด ด้วยอาวุธตามมีตามเกิด ไปสู่ชัยชนะในการยึดคืนอำนาจจากเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส เมื่อเดือนสิงหาคม 1945 และการสถาปนาสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม ในเดือนกันยายนปีเดียวกัน ทั้งต้องผ่านระยะแห่งความยากลำบากอีก เมื่อฝรั่งเศสพยายามกลับเข้ามายึดครองภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ต้องเคลื่อนย้ายกำลังไปยังฐานที่มั่นเดิมทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ต้องสะสมกำลังขึ้นใหม่ ตราบจนกระทั่งเปิดยุทธการชายแดนในปี ค.ศ. 1950 และชนะศึกใหญ่เป็นครั้งแรกที่ทำให้ท่านมีชื่อเสียงก้องโลกในศึก “เดียนเบียนฟู” อันยังความปราชัยอย่างย่อยยับแก่กองทัพฝรั่งเศสและชาติมหาอำนาจตะวันตก

ตามมาด้วยชัยชนะในสงครามปลดปล่อยเวียดนามภาคใต้ ที่ทำให้อเมริกากับเหล่าลูกสมุนเวียดนามใต้ ต้องประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับฝรั่งเศสที่ผ่านมา

ในระยะแรกของการเคลื่อนไหวอภิวัฒน์ หวอเหงียนย้าปพบรักและแต่งงานกับ เหวียนธิกวางถาย (NGUYEN THI QUANG THAI) มีบุตรสาวด้วยกัน 1 คน

 

หวอเหงียนย้าปเจริญสัมพันธไมตรีกับสหภาพโซเวียต
หวอเหงียนย้าปเจริญสัมพันธไมตรีกับสหภาพโซเวียต

 

เหวียนธิกวางถาย ถูกทางการตำรวจฝรั่งเศสจับกุม ต้องทนทุกข์ทรมานในที่คุมขังจนเสียชีวิต ขณะที่หวอเหงียนย้าปไปเคลื่อนไหวในเขตที่มั่นทางทิศตะวันตก

เหวียนธิกวางถายถือเป็นวีรสตรีนักอภิวัตน์ของเวียดนามอีกท่านหนึ่งเธอเป็นน้องสาวของเหวียนธิมินห์ถาย ภรรยาของสหายเลห่งฟอง สามีภรรยานักอภิวัฒน์คู่นี้ถูกฝรั่งเศสประหารชีวิต และเป็นวีรชนในหัวใจชาวเวียดนามตลอดมา

หวอเหงียนย้าป แต่งงานอีกครั้งกับ มาดามดั่งบิ๊กฮ่า บุตรสาวของ ดั่งถายมาย นักอภิวัฒน์อาวุโส ทั้งคู่มีบุตรชาย 2 คน คนแรกชื่อว่า หวอเดียนเบียน เกิดในสมัยรบชนะศึกเดียนเบียนฟู ส่วนคนที่สองชื่อว่า หวอห่งนาม (เวียดนามใต้แดง) อันบ่งบอกถึงการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยเวียดนามภาคใต้บุตรชายทั้งสองมิได้เจริญรอยตามบิดาเข้าเป็นทหาร เพราะสงครามสิ้นสุดลงแล้ว ยุคนี้เป็นยุคแห่งสันติภาพ หากเกิดสงครามรุกรานเวียดนามอีกเมื่อใด ทั้งหวอเดียนเบียน และหวอห่งนาม ก็จะเป็นเช่นประชาชนเวียดนามทั้งปวง ที่ต้องเข้าร่วมในสงครามที่เป็นธรรม แต่ทว่าบุตรทั้งสองก็มีอายุเลย 50 ปีแล้ว คงยากที่จะรับราชการทหารแบบเดียวกับคนในวัยหนุ่ม ปัจจุบันบุตรของท่านประกอบกิจการด้านคอมพิวเตอร์ อันเป็นอาชีพของคนยุคสมัยนี้

 

ต้อนรับผู้เข้าเยี่ยมผู้คารวะ
ต้อนรับผู้เข้าเยี่ยมผู้คารวะ

 

นายพลหวอเหงียนย้าป เกษียณจากตำแหน่งสมาชิกประจำกรมการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ในการประชุมสมัชชาพรรคครั้งที่ 5 ปี ค.ศ. 1982 ขณะท่านมีอายุ 71 ปี เพื่อเปิดทางให้คนหนุ่มผู้มีกำลังวังชาเข้ารับหน้าที่แทน ซึ่งเป็นไปตามธรรมเนียมการปฏิบัติของพรรค แต่ก็ยังทำหน้าที่ที่ปรึกษาให้องค์กรทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และองค์กรต่างๆ อีกหลายแห่ง รับใช้ชาติบ้านเมืองต่อมาตามโอกาสและสุขภาพที่อำนวย

ทุกวันนี้ ณ บ้านพักของท่านกลางนครฮานอย ภายในเขตกระทรวงป้องกันประเทศ เป็นตึกสร้างสมัยฝรั่งเศสขนาดไม่ใหญ่โต สมบัติพัสถานอื่นอันเป็นส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน บ้านพักตากอากาศ เงินลงทุนในกิจการต่างๆ ไม่เคยมี รายได้ท่านนอกจากเงินบำนาญเลี้ยงชีพของทางการแล้ว ก็มีรายได้จากการเขียนหนังสือ บันทึกประสบการณ์ ในฐานะผู้บัญชาการกองทัพประชาชนเวียดนามคนแรก ที่ก่อตั้งกองทัพขึ้นมาและรวมถึงถ่ายทอดการศึกในแต่ละครั้งให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา เพราะท่านเป็นนักประวัติศาสตร์ที่จดจารบันทึกเรื่องราวได้รอบด้านที่สุด

ท่านไม่มีความจำเป็นต้องใช้สอยอะไร ในชีวิตเป็นพิเศษ อยู่ร่วมกับภรรยาและลูกชาย อย่างเรียบง่ายสมถะ ทางกองทัพจัดนายพันเอกพิเศษหนึ่งท่านให้มาทำหน้าที่เลขานุการ มีทหารอารักขาเพียงไม่กี่คน รวมทหารยามเฝ้าประตูบ้านอีกหนึ่งคน นอกจากนี้จัดรถเมอร์เซเดสเบนซ์ ลีมูซีน สีดำ ไว้ประจำตำแหน่งหนึ่งคัน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งชาวเวียดนาม และชาวต่างประเทศผู้เป็นมิตรของประชาชนเวียดนาม ต่างต้องการเข้าเยี่ยมคารวะนายพลอาวุโสผู้นี้ แต่หลายคนอาจผิดหวัง เพราะวัยเกือบร้อยปีของท่านย่อมทำให้สังขารร่วงโรยและเหน็ดเหนื่อยกว่าคนทั้งหลาย บางคนบางคณะจึงไม่สบโอกาสเข้าพบท่านได้

ในด้านการสั่งงานของสมอง และความทรงจำนั้นเรียกได้ว่าเกือบเต็มร้อย ถึงแม้ว่าเวลาเดินเหินอาจเป็นไปในลักษณะคนชรา

เมื่อ 5 ปีที่แล้วคณะผู้ถ่ายทำสารคดีเรื่อง “50 ปี เดียนเบียนฟู” ของไอทีวี มีโอกาสเยี่ยมคารวะท่านนายพล และได้เรียนถามถึงวิธีดูแลรักษาสุขภาพ ก็ได้รับคำตอบว่า ท่านมิได้คิดเรื่องอะไรจุกจิกรกสมอง คิดแต่เรื่องที่ปรารถนาให้ประเทศชาติพัฒนาต่อไป และท่านออกกำลังกายด้วยการรำมวยจีนตามสมควร ทำให้มีชีวิตที่ยืนยาวจนทุกวันนี้

 

หวอเหงียนย้าปกับญาติพี่น้องคารวะบรรพบุรุษที่สุสานบ้านเกิด
หวอเหงียนย้าปกับญาติพี่น้องคารวะบรรพบุรุษที่สุสานบ้านเกิด

 

ต่อมิตรสหายชาวไทยที่ได้ไปเยี่ยมคารวะ ท่านหวอเหงียนย้าปฝากความปรารถนาดีมายังประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะเวลาที่เวียดนามตกอยู่ในภาวะยากลำบากที่สุด ประชาชนไทยและรัฐบาลไทยในยุคนั้นได้ให้การดูแลช่วยเหลือ และสนับสนุนการต่อสู้ของเวียดนาม สิ่งที่ท่านต้องการให้เกิดขึ้น คือ ทั้งไทยและเวียดนามร่วมกันก้าวไปสู่เส้นทางสันติภาพและการพัฒนา

อาจจะมีคำถามที่ว่า ทำไมพลเอกพิเศษหวอเหงียนย้าป จึงไม่ได้รับยศเป็นจอมพล ดังเช่นในสหภาพโซเวียต จีน หรือในประเทศตะวันตกบางประเทศ อันที่จริงแล้ว ยศพลเอกพิเศษของหวอเหงียนย้าปนั้น ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ทหารในระดับจอมพลของหลายประเทศ หรืออาจยิ่งใหญ่กว่าจอมพลอีกหลายคน เพราะชื่อเสียงของท่านดังกึกก้องไปทั่วโลก แล้วจะมียศถาบรรดาศักดิ์ใดยิ่งใหญ่ไปกว่านี้

...ทหารอาวุโสผู้เป็นอมตะนิรันดร์กาล

 

ที่มา : ศุขปรีดา พนมยงค์. ปรีดา ข้าวบ่อ (บรรณาธิการ), ผู้อาวุโสแห่งกองทัพ, ใน, หวอเหงียนย้าป จอมทัพคู่บารมีโฮจิมินห์, (กรุงเทพฯ: มิ่งมิตร, 2553), น. 140 - 145.

บทความที่เกี่ยวข้อง :