ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
ชีวิต-ครอบครัว

วาณีเล่าเรื่อง : วันวานในโลกกว้าง : “สวนสนามวันเมย์เดย์” (ตอนที่ 16)

22
ตุลาคม
2566

 

เดือนเมษายน ทางโรงเรียนคัดเลือกนักกีฬาจากทีมกีฬาต่างๆ เป็นตัวแทนนักกีฬาไปร่วมสวนสนามวันเมย์เดย์ ตรงกับวันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันผู้ใช้แรงงานสากล ปลายพยายามยืดตัวให้สูงขึ้นเผื่อจะเข้ามาตรฐานความสูงของนักกีฬาที่กำหนดไว้

“เหลียนเหลียน ผิงผิง ปู้หวา...” เสียงเรียกชื่อตัวแทนนักกีฬา

ทุกวันหลังเลิกเรียน ปลายฝึกเดินสวนสนาม เสียงนกหวีดดัง “ปริ๊ด ปรี้ ปริ๊ด” แขนขวาพับงอเป็นมุมฉากสูงระดับอก แขนซ้ายเหวี่ยงไปข้างหลังพร้อมๆ กับขาซ้ายยกสูงไปข้างหน้า แล้วจึงวางราบบนพื้น สลับไปสลับมา

“ซ้าย ขวา ซ้าย” ครูจ๊างเป็นผู้ฝึกให้จังหวะ ครูจ๊างจงใจหยุดอยู่กับคำว่า “ซ้าย” นักกีฬาเหมือนหุ่นยนต์ที่ได้รับคำสั่งจากเครื่องรีโมทคอนโทรล ชะงักนิ่งอยู่กับที่ในท่าก้าวขาซ้าย ครูจ๊างค่อยๆ เดินตรวจดูทีละแถว ถ้ามีไม้บรรทัดวัดมุมฉากครูจ๊างคงจะใช้วัดมุมฉากขาซ้ายของทุกคนให้เท่ากัน

ก่อนหน้าวันเมย์เดย์ 2 วัน ในคืนวันที่ 29 เมษายน มีการฝึกซ้อมใหญ่ ณ บริเวณถนนฉางอ๊าน หน้าจัตุรัสเทียนอันเหมิน ทุกๆ หน่วยงานและสถาบันฝึกซ้อมกันมาอย่างดี กองทัพนักกีฬาเดินพร้อมเพรียงกัน

เช้าวันที่ 1 พฤษภาคม ท้องฟ้ายังมืดสลัวอยู่ ปลายลุกจากเตียง พับผ้าห่มนวมวางไว้ปลายเตียง ดึงผ้าปูที่นอนจนเรียบตึง จากนั้นคว้ากะละมังเคลือบลายดอกโบตั๋นสีแดง ใส่สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ไม่ลืมที่จะหยิบผ้าขนหนูพาดบ่า ตรงไปยังห้องน้ำรวม

กลับเข้ามาสวมชุดนักกีฬาผ้ายืดสีแดงเลือดหมู แขนเสื้อและขากางเกงสั้นกุด คอกลมคว้านลึก แบบเดียวกับชุดนักกีฬายิมนาสติก พิเศษหน่อยเดียวตรงเอวคาดด้วยเกลียวเชือกสีเดียวกับเสื้อ

อากาศข้างนอกหนาวเย็น ปลายคว้าเสื้อโค้ตนวมมาสวมทับ

รถโรงเรียนพาเหล่านักกีฬามาตั้งแถวรอที่ถนนเป่ยฉือจือ ตามกำหนดการขบวนนักกีฬาเริ่มออกเดินขบวนในเวลา 11 นาฬิกา แต่นี่ยังไม่ทัน 7 โมงเช้า หน่วยพลาธิการเอาขนมปังกับผลไม้มาแจก ปลายรีบกินให้อิ่มท้อง เวลายังเหลือเฟือ กำลังเซ็งอยู่ไม่รู้จะทำอะไรดี ผิงผิงทำท่าคลำหาของในกระเป๋าเสื้อโค้ต

“ดูนี่สิ” ผิงผิงชู เจี้ยนจือ ให้ดู

เงินอีแปะ 3-4 อัน ร้อยเข้าด้วยกัน ตรงปลายมีแผ่นยางรองอยู่ ตรงหัวผูกด้วยขนไก่ 3 ก้าน ให้เกิดความสมดุล เจี้ยนจือเป็นของเล่นที่ไม่ต้องไปซื้อหา ใครๆ ก็ทำเป็น

ผิงผิงโยนเจี้ยนจือขึ้นไป เมื่อมันตกลงมาก็ใช้สันเท้าขวารองรับเจี้ยนจือกระเด้งขึ้นลงตามจังหวะ

ใครสามารถเดาะเจี้ยนจือได้มากครั้ง คนนั้นก็ชนะ

ผิงผิงเดาะเจี้ยนจือเก่งกว่าใคร เดี๋ยวใช้สันเท้าขวารองรับ เดี๋ยวกระโดดขึ้นไปใช้สันเท้าซ้ายรองรับ

“หนึ่งร้อย” ปลายช่วยนับจำนวนครั้งที่เจี้ยนจือกระเด้งขึ้นลง

ผิงผิงเองชักจะเหนื่อยแล้ว เลยชวนให้เดาะเจี้ยนจือแบบล้อมวง เด็กผู้หญิงล้อมวงกันเดาะเจี้ยนจือ คนละทีสองที เป็นที่สนุกสนาน จนได้เวลาตั้งแถว

ปลายถอดเสื้อโค้ตฝากไว้กับหน่วยพลาธิการ แสงแดดแหวกม่านเมฆออกมา แม้แขนขาเปลือยเปล่าก็ไม่ถึงกับหนาว เพียงแต่รู้สึกเย็นนิดๆ เมื่อลมโชยมากระทบผิวหนัง

ปลายเป็นคนที่ 3 จากขวาของแถวแรก แต่ละแถวเรียงหน้ากระดาน 50 คน จากแถวแรกถึงแถวสุดท้ายนับได้ 60 แถว

“อกผาย ไหล่ผึ่ง น่องตรง เข่าชิด” เสียงครูจ๊างกำชับอีกครั้งก่อนออกเดินนับตั้งแต่สถาปนาสาธารณรัฐราษฎรจีน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พุทธศักราช 2492 เป็นต้นมา วันผู้ใช้แรงงานสากลซึ่งตรงกับวันที่ 1 พฤษภาคม และวันชาติจีนในวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนและผู้นำรัฐบาลจีนจะปรากฏตัวบนประตูเทียนอันเหมิน การปรากฏตัวนี้ทำให้รู้ว่า ใครคือผู้มีอำนาจในแผ่นดิน ประชาชนเรือนแสนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบในบริเวณจัตุรัสเทียนอันเหมิน วันชาติจีนปีกลาย ปลายก็อยู่ในฝูงชนนี้ คอยชูช่อดอกไม้กระดาษสีสดโบกไหวไปมา สลับกับการเปล่งคำขวัญสรรเสริญผู้นำ และพรรคคอมมิวนิสต์จีน

วันนี้เฉกเช่นเคย ชายหนุ่มหญิงสาวเชิญธงชาติจีนสีแดง มุมซ้ายด้านบนมีดาว 5 ดวง ด้วยท่วงท่าสง่างาม นำริ้วขบวนเข้าสู่บริเวณสวนสนาม ตามด้วยขบวนของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน อาวุธยุทโธปกรณ์ครบครัน เสียงเครื่องบินขับไล่ดังกระหึ่มเหนือน่านฟ้า จากนั้นเป็นขบวนของผู้ใช้แรงงาน ชาวไร่ ชาวนา ประชาชน นักกีฬา นักแสดง

...

เมื่อกองทัพนักกีฬาเดินผ่านอัฒจันทร์ด้านตะวันออกหน้าสวนวัฒนธรรมประชาชนผู้ใช้แรงงาน ปลายใช้หางตาชำเลืองมองหาพ่อกับแม่ ปลายทราบว่าวันชาติจีนและวันเมย์เดย์ทุกปี พ่อกับแม่ได้รับเชิญมาชมการสวนสนามด้วย

นักกีฬาเดินด้วยฝีเท้าฉับไว ฉับๆ ไม่กี่ก้าวก็เดินมาถึงหน้าประตูเทียนอันเหมิน ประธานเหมาเจ๋อตุ๊งกับผู้นำ ของจีนยืนตรวจพลอยู่บนเชิงเทิน

“เหมาจู่สีว่านสุ้ย” เสียงเปล่งคำขวัญให้ “ประธานเหมาจงเจริญ” ดังกึกก้องทั่วจตุรัส

ไกลลิบๆ เกินกว่าที่ปลายจะเห็นหน้าตาท่าทางของประธานเหมาเจ๋อตุ๊งหลังจากขบวนแถวเลิกแล้ว ผิงผิงบอกกับปลายด้วยความลิงโลดว่า “ประธานเหมาโบกมือทักฉันด้วยละ”

“ตั้งไกลโข ประธานเหมามองเห็นเธอได้ยังไงกัน” ปลายขัดคอผิงผิง

คืนวันนั้นปลายกลับมาที่จัตุรัสเทียนอันเหมินอีกครั้งกับเพื่อนๆ ลานกว้างใหญ่พลันเล็กลงถนัดตา ผู้คนเบียดเสียดกันจับมือร้องรำทำเพลง ฝูงชนโห่ร้องด้วยความลิงโลดเมื่อม่านฟ้าสว่างไสวด้วยดอกไม้ไฟเบญจมาศดอกใหญ่แตกกระจายเป็นดอกเล็กๆ หลากสีระยิบระยับกลางอากาศ ประตูเทียนอันเหมินสูงลิ่วพลอยสว่างไสวไปด้วย วันเวลาผ่านไปหลายร้อยปี ประตูสู่สรวงสวรรค์ของพระจักรพรรดิได้แลเห็นความเปลี่ยนแปลงของสังคมจีน จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์สู่ระบอบสาธารณรัฐ จากระบอบสาธารณรัฐสู่ระบอบสังคมนิยมและจะเป็นประจักษ์พยานทุกๆ ลมหายใจของประชาชนจนตราบนานเท่านาน

 

ที่มา : ว.ณ. พนมยงค์, “สวนสนามวันเมย์เดย์,” ใน “วันวานในโลกกว้าง,” ใน อนุสรณ์ วาณี พนมยงค์ สายประดิษฐ์. (กรุงเทพฯ : แสงดาว, 2562), น. 278-281.

บทความที่เกี่ยวข้อง :