จากใจผู้เขียน
นับแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลกจนถึงวันที่ก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัย เส้นทางชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งขนานคู่ไปกับเรื่องราวผันผวนและแปรเปลี่ยนของสังคม ในช่วง พ.ศ. ๒๔๘๔ - พ.ศ. ๒๕๐๓ ทั้งในบ้านเกิดและต่างแดนและในที่สุดสู่อ้อมกอดแผ่นดินแม่เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๑ หลากรสหลากอารมณ์ที่แผ้วผ่านเข้ามาในชีวิต ได้หลอมเป็นประสบการณ์ชีวิตอันทรงคุณค่าและยากที่จะลืมเลือน
ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นสักขีพยานชีวิตของเธอผู้นี้ จึงได้เรียงร้อยวันวานในโลกกว้างฝากไว้ในบรรณพิภพ ด้วยหวังให้บันทึกนี้เป็นเพื่อนเดินทางของนักอ่านรุ่นเยาว์ท่องไปในโลกกว้างและย้อนรอยสู่อดีต
ผู้เขียนระลึกด้วยความขอบคุณทุกท่านที่อยู่เบื้องหลังการนำวันวานในโลกกว้างสู่สายตาของผู้อ่าน โดยเฉพาะคู่ชีวิตที่เป็นกำลังใจ ให้คำติชม ตั้งแต่ต้นร่างจนถึงฉบับสมบูรณ์
ว.ณ. พนมยงค์
พฤษภาคม ๒๕๔๓
![](/sites/default/files/2024/2024-03/2024-03-02-001-01.jpg)
“ขบวนการก้าวกระโดดครั้งใหญ่” ใน พ.ศ. 2501 ทรัพยากรธรรมชาติถูกนำมาใช้อย่างฟุ่มเฟือย ขอเพียงอย่างเดียว ภายใน 10 ปี อุตสาหกรรมจีนต้องก้าวให้ทันมหาอำนาจอย่างอังกฤษ
เหมือนผีซ้ำด้ำพลอย ภัยธรรมชาติมาเยือนทั่วประเทศจีน บางภาคแห้งแล้ง บางภาคประสบอุทกภัย
ข้าวปลาธัญญาหารขาดแคลน รัฐบาลออกบัตรปันส่วนข้าวสาร แป้งสาลี ธัญพืชต่างๆ น้ำมันพืช เนื้อสัตว์ หรือแม้กระทั่งผ้าฝ้ายสำหรับตัดเย็บเสื้อผ้า ล้วนต้องใช้บัตรปันส่วนทั้งนั้น ใช่ว่าใครมีเงินแล้วจะซื้อสิ่งเหล่านี้ได้ตามใจก็หาไม่ เสมอภาคเท่าเทียมกันทุกคน
ก่อนการปลดแอกในปีพุทธศักราช 2492 ภายในกองทัพประชาชนจีนและหลังจากนั้นอีกหลายปี หน่วยงานกองทัพและรัฐบาลรับประทานอาหารที่เรียกว่า ต้ากว๋อฝ้าน (กระทะใหญ่) ยกเว้นผู้บริหารระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐบาลจีนแล้ว ทุกคนรับประทานอาหารเหมือนกันหมด มีบ้างเช่นกันว่า ในวันหยุดเทศกาลหรือวันนักขัตฤกษ์ ครอบครัวเล็กๆ นั่งล้อมวงทำเจี๊ยวจือรับประทานกัน แทบจะหาเนื้อสัตว์ในไส้ผักกาดขาวไม่พบเลย
เศรษฐกิจแสนเข็ญที่กระหน่ำครั้งนี้ เป็นความเคยชินของคนจีนกระทั่งเป็นประเพณีแล้ว
นักศึกษารวมทั้งอาจารย์กลับมากินอาหาร “กระทะใบใหญ่” อีก
ธัญญาหารประเภทแป้งสาลี ข้าวเจ้า มีน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์จากข้าวโพด ข้าวฟ่าง ที่คนจีนเรียกว่า “ธัญญาหารหยาบ”
เวลาผันเปลี่ยนไป วิทยาศาสตร์โภชนาการก็พัฒนาไปไกล “ธัญญาหารหยาบ” กลายเป็นธัญญาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของมนุษย์เสียยิ่งกว่าข้าวเจ้าข้าวสาลีที่ขัดขาว
บัตรปันส่วนอาหารชายและหญิงไม่เท่ากัน ประมาณคนละ 25–30 ชั่ง[1] กับข้าวมีแต่ผัดผักกับซีอิ๊ว ผู้คนบริโภคธัญญาหารเป็นหลัก ถึงกระนั้นก็ไม่เพียงพอสำหรับกระเพาะนักศึกษาชายในวัยหนุ่มแน่น พวกเขามักจะขอบัตรปันส่วนของนักศึกษาหญิงที่มีปริมาณบริโภคน้อยกว่าเสมอ
นักศึกษาต่างชาติได้สิทธิพิเศษ ไม่จำกัดทั้งชนิดและปริมาณของอาหาร รวมทั้งโปรตีนประเภทเนื้อสัตว์ ทำเอาน้ำหนักปลายขึ้นถึง 70 กิโล(กรัม) กว่าๆ!
ปลายออกกำลังกายด้วยการวิ่งรอบๆ สนามฟุตบอล ส่วนเพื่อนๆ ต้องงดการออกกำลังกายและเคลื่อนไหวให้น้อยลง จะได้ไม่ให้ร่างกายเผาผลาญพลังงาน เหมือน “กบจำศีล” อย่างไรอย่างนั้น
ยุคนี้ โรคตับอักเสบ ตัวเหลือง ตาเหลือง ขาดสารอาหาร เป็นกันในหมู่ชาวจีนอย่างแพร่หลาย
ความอัตคัดขัดสนในประเทศจีน ยังมีสาเหตุที่สำคัญมากๆ อีกประการหนึ่ง ค่ายสังคมนิยมแต่เดิมที่มีสหภาพโซเวียตเป็นพี่เบิ้มได้แตกเป็นสองฝักสองฝ่าย สหภาพโซเวียตและเหล่าประเทศยุโรปตะวันออก ประกอบด้วย บัลกาเรีย โปแลนด์ เชโกสโลวะเกีย ฮังการี เยอรมนีตะวันออก และโรมาเนีย เป็นพวกหนึ่ง อีกพวกหนึ่งนำโดยประเทศจีน มีเกาหลีเหนือ และอัลบาเนียซึ่งเป็นหนึ่งเดียวในประเทศยุโรปที่เข้าร่วมส่วนเวียดนามเหนือต้องวางตัวเป็นกลางระหว่างพี่เบิ้มทั้งสอง สงครามเวียดนามโดยการรุกรานของจักรวรรดินิยมอเมริกาใกล้จะระเบิด เวียดนามเหนือมีความจำเป็นต้องพึ่งพาพี่เบิ้ม
ยูโกสลาเวีย อีกประเทศหนึ่งในยุโรปตะวันออก นำโดยนายพลตีโต้ไม่สังกัดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จึงถูกวิจารณ์ว่าเป็น “ลัทธิแก้ไขฯ” บ้าง ผู้ทรยศอุดมการณ์สังคมนิยมบ้าง ฯลฯ
ระหว่างนั้น สงครามด้านโฆษณาชวนเชื่อของสองฝ่ายมีให้เห็นทางหนังสือพิมพ์และวิทยุ จีนเรียกฝ่ายสหภาพโซเวียตว่า “ลัทธิแก้” ซึ่งย่อมาจาก “ลัทธิที่ดัดแปลงแก้ไขหลักการของลัทธิมาร์กซ-เลนิน” มีเป้าหมายฟื้นคืนชีพระบอบทุนนิยม จีนนั้นถือว่าตนยืนหยัดในคัมภีร์ลัทธิมาร์กซ-เลนินและความคิดเหมาเจ๋อตุ๊ง ยึดถือหลักการสากลนิยมแห่งชนชั้นกรรมาชีพ สนับสนุนการต่อสู้เพื่อเอกราชของประเทศในโลกที่ 3 ที่ด้อยพัฒนาและตกเป็นอาณานิคมของมหาประเทศ ซึ่งเป็นที่มาที่สหภาโซเวียตเรียกจีนว่าเป็น “ลัทธิคัมภีร์”
ต่างฝ่ายยึดเอาผลประโยชน์ของชาติตนเป็นที่ตั้ง อุดมการณ์สังคมนิยม เหลือเพียงเป็นคำขวัญที่เป็นนามธรรม
ปลายก็เหมือนชาวจีนทั่วไปที่ติดตามข่าวสารด้านเดียว
สหภาพโซเวียตกับประเทศจีนมีพรมแดนติดต่อกันหลายพันกิโลเมตร การปักเขตชายแดนระหว่างสองประเทศมีปัญหามาตั้งแต่สมัยพระเจ้าซาร์แห่งจักรวรรดิรัสเซียกับจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ชิ้ง ความขัดแย้งทวีความรุนแรงถึงขั้นปะทะด้วยอาวุธจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มหามิตรกลายเป็นศัตรู
ปลายจำได้ว่ามาเมืองจีนใหม่ๆ ชาวโซเวียตได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี คนจีนมีพรสวรรค์ด้านการเรียนภาษาต่างประเทศอยู่แล้ว การเรียนภาษารัสเซียเป็นกระแสยอดนิยม แม้พนักงานขายของร้านมิตรภาพก็พูดภาษารัสเซียได้คล่องแคล่ว ทว่าสถานการณ์เปลี่ยนไป มิตรที่ชาวจีนยกย่องเปลี่ยนจากคนโซเวียตเป็นชาอัลบาเนีย ด้วยผู้นำอัลบาเนียรวมหัวจมท้ายกับจีนคัดค้านลัทธิแก้ไขฯ นักศึกษาอัลบาเนียในจีนได้สิทธิพิเศษต่างๆ นานาเหนือนักศึกษาต่างชาติอื่นๆ
ต้นคริสต์ทศวรรษที่ 1950 สงครามในคาบสมุทรเกาหลี สหภาพโซเวียต เคยสนับสนุนเกาหลีเหนือด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ เข้าต่อกรกับจักรวรรดินิยมอเมริกาและพันธมิตรในนามกองทหารสหประชาชาติรวมทั้งกองทหารจากประเทศไทยด้วย ส่วนประเทศจีนส่งกำลังพลที่เป็นทหารอาสาสมัครเคียงข้างเกาหลีเหนือ บุตรชายคนหนึ่งของประธานเหมาเจ๋อตุ๊ง ที่สำเร็จการศึกษาจากสหภาพโซเวียตได้พลีชีพในสมรภูมิเกาหลีนี้
สงครามยุติลง ได้แบ่งเกาหลีออกเป็นสองประเทศ เหนือเส้นรุ้งที่ 38 เป็นเกาหลีเหนือ ใต้เส้นรุ่งที่ 38 เป็นเกาหลีใต้
สหภาพโซเวียตเรียกร้องให้จีนชดใช้เงินหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นค่ายุทธปัจจัยในสงครามเกาหลี
จีนกำลังประสบภัยพิบัติธรรมชาติ เศรษฐกิจสู่ขาลง จะเอาเงินจากที่ไหนมาใช้ “หนี้” จำนวนมหาศาล ทางเดียวเท่านั้น ก็คือดำเนินนโยบายรัดเข็มขัด นำทรัพย์ในดินสินในน้ำและพืชผลการเกษตรมาเป็นเงินชดใช้หนี้สินที่มิใช่จีนเป็นผู้ก่อแต่ฝ่ายเดียวให้สหภาพโซเวียต
ด้วยความรักชาติ เพื่อนๆ ปลายไม่เคยปริปากบ่นถึงความยากลำบาก ทุกคนต้องเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อประเทศชาติ
ที่มา : ว.ณ. พนมยงค์, “ยุคเศรษฐกิจจีน ต้องรัดเข็มขัด,” ใน “วันวานในโลกกว้าง,” ใน อนุสรณ์ วาณี พนมยงค์ สายประดิษฐ์. (กรุงเทพฯ : แสดงดาว, 2562), น. 340 - 343.
บทความที่เกี่ยวข้อง :
- ตอนที่ 1 - ปลายแถว
- ตอนที่ 2 - เด็กหญิงกล้วยน้ำว้า
- ตอนที่ 3 - ไปโรงเรียน
- ตอนที่ 4 - จุดหักเห
- ตอนที่ 5 - นกน้อยในกรงเหล็ก
- ตอนที่ 6 - สู่โลกกว้าง
- ตอนที่ 7 - ฉันเป็นชาวสยาม
- ตอนที่ 8 - การเดินทาง 15,000 กิโลเมตร
- ตอนที่ 9 - บ้านหลังใหม่
- ตอนที่ 10 - ปู้หวา
- ตอนที่ 11 - พระราชวังต้องห้าม
- ตอนที่ 12 - ตามล่าหาสายลับ
- ตอนที่ 13 - น้ำพริกแอปเปิ้ล
- ตอนที่ 14 - กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ
- ตอนที่ 15 - ยามดอกเหมยบาน
- ตอนที่ 16 - สวนสนามวันเมย์เดย์
- ตอนที่ 17 - กำแพงสีเขียว
- ตอนที่ 18 - ลาก่อนเพื่อนรัก
- ตอนที่ 19 - จดหมายจากกว่างโจ๊ว
- ตอนที่ 20 - โรบินสัน ครูโซ
- ตอนที่ 21 - สัตว์รัก สัตว์เลี้ยง
- ตอนที่ 22 - เสียงกลองรบลั่น นกกระจอกเข้ารัง
- ตอนที่ 23 - ทองคำสีดำ
- ตอนที่ 24 - ถลุงเหล็กกล้า
- ตอนที่ 25 - สุ. จิ. ปุ. ลิ.
- ตอนที่ 26 - ปณิธานของเทียนไขเล่มน้อย
- ตอนที่ 27 - มวลหมู่นักศึกษา
[1] ชั่ง มาตราวัดแบบจีน 2 ชั่ง = 1 กิโลกรัม.