เนื่องในวาระ 90 ปี แห่งการอภิวัฒน์สยามของคณะราษฎร ที่ได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ โดยมีธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามฉบับแรกเป็นผลงานสำคัญ หากแทบจะไม่มีการเล่าถึงในวันที่ปรีดี พนมยงค์ และคณะราษฎร ถวายธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 แด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวอย่างแพร่หลายนัก ดังนั้นบทความนี้จึงขอเสนอแง่มุมเล็กๆ ของการกำเนิดรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยที่ถูกละเลย จากในหนังสือพิมพ์ ศรีกรุง[1] ฉบับวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2475 จดหมายเหตุของคณะราษฎร และหนังสืออนุสรณ์งานศพที่รวบรวมเหตุการณ์ไว้อย่างละเอียด และสดใหม่ภายหลังเหตุการณ์เพียงไม่นาน
เอกสารเกี่ยวกับแนวคิดรัฐธรรมนูญในสมัยรัชกาลที่ 7
เอกสารแสดงความคิดรัฐธรรมนูญในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์สยามที่สำคัญในสมัยรัชกาลที่ 7 มีจำนวน 3 ฉบับ ได้แก่
- พระราชบันทึกของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเรื่อง Problem of Siam, 23rd July, 1926
- พระราชบันทึกของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเรื่อง Democracy in Siam, 8th June, 1927
- เค้าโครงการเปลี่ยนรูปการปกครอง เรื่อง An Outline of Changes in the form of Government, 9th March, 1927
เอกสารข้างต้นได้สร้างข้อถกเถียงทางประวัติศาสตร์รัฐธรรมนูญของสยามไว้ว่า พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์จะพระราชทานรัฐธรรมนูญอยู่ก่อนแล้ว แต่จากงานศึกษาของเบนจามิน เอ. บัทสัน[3] และนครินทร์ เมฆไตรรัตน์[4] ชี้ให้เห็นโดยเฉพาะในเอกสารสำคัญชิ้นที่ 3 An Outline of Changes in the form of Government, 9th March, 1927 ที่ทรงให้พระยาศรีวิสารวาจา[5] และเรมอนด์ บี. สตีเวนส์ (Raymond B. Stevens)[6] จัดทำขึ้นว่า แม้เค้าโครงการเปลี่ยนรูปการปกครองชิ้นนี้จะมีลักษณะคล้ายกับธรรมนูญการปกครอง แต่ก็เป็นธรรมนูญที่ให้อำนาจการปกครองทางสถาบันการเมืองและในระบบรัฐสภาแก่พระมหากษัตริย์เป็นหลัก
ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2475 หรือหนึ่งเดือนก่อนการอภิวัฒน์สยาม ยังมีเอกสารการปกครองที่สำคัญอีกชิ้นคือ เรื่อง นโยบายและอุปสรรคแห่งการศึกษาของอิตาลีโดยมุสโสลินี ผู้นำชาวอิตาเลียน ที่พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัต เสนาบดีกระทรวงธรรมการขณะนั้น ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ซึ่งพระองค์ทรงอภิปรายและสรุปว่า
“บางทีจะดีและจะเป็น Way out ที่ดีที่สุด แต่จะทำได้หรือ?
ถ้าทำไม่ได้ก็ควรเตรียมการที่จะเปลี่ยนเป็น Constitutional Monarchy โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และต้องให้การศึกษาไปในทางนั้นละกระมัง”[7]
ความตื่นตัวทางแนวคิดธรรมนูญการปกครองยังปรากฏในราษฎรสยามยุคนั้น เช่น จดหมายของนายภักดีกับนายไทยที่ขอพระราชทานคอนสติตูชั่นต่อพระปกเกล้า เมื่อ พ.ศ. 2468 ซึ่งเป็นจดหมายที่ถูกกล่าวถึงในวงกว้างจึงขอคัดข้อความสำคัญซึ่งสะกดตามต้นฉบับไว้ ดังนี้
“จังหวัดพระนคร
วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๘
ขอเดชะฝ่าลอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้าได้ทราบข่าวเล่าลือกันทั่วไปว่า ในรัชกาลของใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท เมื่อแรกขึ้นครองแผ่นดินนี้ จะทรงตั้งกฎหมายคอนสติตูชั่น เปนปฐมราชกิจอันสำคัญยิ่ง เพื่อให้ราชการแผ่นดำเนินในแบบแผนดียิ่งขึ้น แลให้นานาประเทศทั้งหลายไว้ใจนับถือยิ่งขึ้น ให้นานาประเทศรู้สึกว่า ประเทศสยามก็มิได้นิ่งนอนใจ มีหูตากว้างพอที่จะแลดูโลก ได้พยายามก้าวหน้าไปในทางเจริญโดยเต็มกำลัง อย่างประเทศเอกราชทั้งหลายในโลก มิได้งมงายอยู่ในสิ่งที่พ้นสมัยแล้ว
ปฐมราชกิจนี้เปนกิจสำคัญจำเปนต้องมีตามแบบของพระเจ้าแผ่นดินแต่ก่อนฯ ซึ่งเมื่อแรกขึ้นครอง ก็ได้กระทำมาแล้ว เช่นพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงปิยมหาราชรัชกาลที่ 5 แรกขึ้นครองแผ่นดินได้ทรงตั้งกฎหมายเลิกทาษ เปนปฐมราชกิจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกษฐ์รัชกาลที่ 6 ก็ได้ทรงตั้งกองลูกเสืออันนานาประเทศนิยมกันทั่วโลก ยกจรรยาของชาติให้สูงขึ้น เปนปฐมราชกิจสำคัญ เหตุฉะนั้นมาในรัชกาลของใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท จึงสมควรยิ่งนักที่จะทรงตั้งกฎหมายคอนสติตูชั่นเปนปฐมราชกิจ เพราะจะหากิจการอย่างอื่นดียิ่งกว่าหรือเท่ากับกฎหมายชนิดนี้ก็ไม่มี แลเปนชิ้นอันสำคัญที่อวดนานาประเทศได้เต็มที่ แลเป็นความปรารถนาของทวยนาครทั่วไปที่เล่าลือกันเซงแซ่ในบัดนี้…
…
อนึ่ง กฎหมายคอนสติตูชั่นนี้ จะไม่ตัดทอนอำนาจพระเจ้าแผ่นดินแต่อย่างหนึ่งอย่างใดเลย กิจการทุกอย่างคงดำเนินเปนกระแสพระบรมราชาโองการนั้นเองแปลกแต่มีหลักถานมั่นคงยิ่งขึ้น และมีพลาดน้อยเข้า เพราะทำด้วยความเห็นชอบของคนส่วนมากซึ่งมีความสามารถทั้งนั้น และทั้งต้องผ่านสภาอภิรัฐมนตรีอีกชั้น ๑ ในที่สุดจึงเป็นพระบรมราชโองการ ใช้ได้ทีเดียว
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า นายภักดี ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า นายไทย ขอเดชะ”[8]
จากเอกสารการปกครอง และจดหมายของราษฎรสามัญ สะท้อนว่าชนชั้นนำสยามได้ตระหนักถึงการปรับตัวจากระบอบเก่ามาตั้งแต่ช่วงต้นของทศวรรษ 2470 หากก็ไม่ทันกาลเพราะอวสานสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในสยามได้มาถึงโดยคณะราษฎรที่ดำเนินการคิดเปลี่ยนแปลงการปกครองมาตั้งแต่ พ.ศ. 2469 (ตามปฏิทินเก่า) และยึดอำนาจสำเร็จในตอนเช้าของวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475
พระปกเกล้าฯ ปรีดี พนมยงค์ และคณะราษฎร ในวันถวายธรรมนูญการปกครองฯ
“ปฐมรัฐธรรมนูญ” ฉบับที่นำมาถวายพระปกเกล้านี้มีหลวงประดิษฐ์มนูธรรมเป็นผู้ร่างฯ ขึ้น[9] ซึ่งเป็นเอกสารการปกครองประเทศฉบับสำคัญของคณะราษฎร และเป็นธรรมนูญการปกครองที่มีหลักการประชาธิปไตยโดยมอบอำนาจอธิปไตยให้แก่ราษฎรดังประกาศเจตนารมณ์ไว้ตั้งแต่มาตราแรกว่า “อำนาจสูงสุดของประเทศนั้นเป็นของราษฎรทั้งหลาย”
บันทึกในวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2475 เวลา 9.00 นาฬิกา เล่าไว้ว่า มหาเสวกเอก เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ เสนาบดีกระทรวงวัง รับพระบรมราชโองการฯ ให้เชิญคณะราษฎรเข้าเฝ้าฯ ถวายพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม พุทธศักราช 2475[10] และพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมในคราวเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินสยาม[11] ณ วังศุโขทัย[12] ดังรายนามได้แก่ นายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ผู้รักษาการพระนครฝ่ายทหาร นายพลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี นายพันโท พระประศาสน์พิทยายุทธ นายพันตรี หลวงวีระโยธา หลวงประดิษฐ์มนูธรรม[13] ร.อ. ประยูร ภมรมนตรี นายจรูญ ณ บางช้าง นายสงวน ตุลารักษ์[14]
บรรยากาศในวันนั้นยังถูกบันทึกไว้ในหนังสือพิมพ์ ศรีกรุง ฉบับวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2475 และจดหมายเหตุบันทึกเหตุการณ์ของคณะราษฎรปกครองแผ่นดินว่า
“นอกจากคณะราษฎรที่มาเข้าเฝ้าฯ รัชกาลที่ 7 ยังมีนักเรียนนายร้อย 2 หมวด และรถหุ้มเกราะ 2 คัน เคลื่อนขะบวนจากพระที่นั่งอนันตสมาคมสู่พระราชวังสุโขทัย[15] โดยพระยาสุรวงศ์วิวัฒน์ สมุหพระราชมณเฑียร ได้เชื้อเชิญคณะราษฎรให้พัก ณ ท้องพระโรงก่อน
ครั้งได้เวลา 11.15 น. พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็เสด็จออกเสด็จออก พระยาสุริยวงศ์วิวัฒน์นำนายพลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี หลวงประดิษฐ์มนูธรรม พร้อมด้วยคณะทั้งมวล…เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท”[16]
และในหนังสือพิมพ์ ศรีกรุง[17] หนังสือพิมพ์ที่นำเสนอความคิดประชาธิปไตยมาตั้งแต่ช่วงต้นรัชกาลที่ 7 ได้เสนอข่าวสนับสนุนคณะราษฎรโดยลงรายละเอียดในการเข้าเฝ้าฯ เริ่มตั้งแต่หลวงประดิษฐ์มนูธรรมกราบบังคมทูลขอพระราชทานกำหนดนิรโทษกรรมฯ ครั้งนี้ว่า
“หลวงประดิษฐ์มนูธรรมได้อ่านพระราชกำหนดนิรโทษกรรมถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพยักพระพักตร์บ้างเล็กน้อย แล้วหลวงประดิษฐ์มนูธรรมจึงทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มิได้ท้วงติง ทรงรับมาลงพระบรมนามาภิธัยด้วยดี…”[18]
เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงคืนพระราชกำหนดนิรโทษกรรมมาแล้ว หลวงประดิษฐ์มนูธรรมจึงได้อ่านพระราชบัญญัติธรรมนูญกรปกครองแผ่นดิน พุทธศักราช 2475 ถวาย ครั้นอ่านจบแล้วพระปกเกล้าฯ ทรงมีพระราชดำรัสว่า
“ข้อความในพระราชบัญญัตินั้นมาก พระองค์ยังไม่สู้จะเข้าพระทัยดี ใคร่จะขอร่างพระธรรมนูญนี้ไว้ดูก่อน”
แล้วพระองค์ก็เสด็จขึ้น ต่อมาพระยาสุริยวงศ์วิวัฒน์ได้ให้เจ้าหน้าที่นำสมุดลงนามเฝ้ามาให้ผู้แทนคณะราษฎรเซ็นทุกคน ราว 30 นาที พระยาอิศราฯ ได้นำร่างธรรมนูญการปกครองกลับมาหาคณะราษฎรซึ่งคอยอยู่และแจ้งว่า
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งมาว่า พระราชบัญญัติพระธรรมนูญการปกครองนี้ยาวมาก บางตอนยังไม่เข้าพระทัยดี ครั้นจะประทานพระบรมนามาภิธัยลงทันทีก็ดูไม่งามนัก
ขอผลัดว่าจะส่งคืนไปตามทางการในวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 เวลา 17.00 น. คณะราษฎรจะยอมตามได้หรือประการใด”
คณะราษฎรตอบกลับว่า
“พระราชบัญญัติพระธรรมนูญการปกครองนี้ยืดยาวอยู่ ทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงอิดโรยมาก เป็นการสมควรที่จะผ่อนตามพระราชประสงค์ตามที่พระองค์แจ้งมา”
จากนั้น พระยาอิศราฯ จึงลงบันทึกพระบรมราชโองการขอผัดลงนามมอบให้แก่คณะราษฎรไว้เป็นหลักฐาน และคณะราษฎรก็ได้กลับไปยังพระที่นั่งอนันตสมาคม[19]
ณ เวลา 17.00 น. ของวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธยและได้พระราชทานร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม พุทธศักราช 2475 ที่มี 39 มาตรา คืนมายังคณะราษฎร โดยทรงพระอักษรกำกับต่อท้ายชื่อพระราชบัญญัติฯ ว่า “ชั่วคราว” โดยทรงมีพระประสงค์หมายถึงว่า การจัดรูปการปกครองของระบอบใหม่นี้จะต้องดำเนินด้วยการร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร ที่มีข้อตกลงร่วมกันของหลายฝ่ายต่อไป[20]
ต่อมานักกฎหมายรัฐธรรมนูญ เช่น หลวงประเจิดอักษรลักษณ์ ไพโรจน์ ชัยนาม รวมถึงข้อเขียนของปรีดี พนมยงค์ เสนอไว้สอดรับกันว่า ธรรมนูญการปกครองฉบับแรกนี้เป็นการตกลงร่วมกันระหว่างพระมหากษัตริย์กับคณะราษฎร[21]
ขณะที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงมีพระราชบันทึกต่อมาว่า
“ครั้งเมื่อข้าพเจ้ากลับขึ้นไปกรุงเทพฯ และได้เห็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่หลวงประดิษฐ์นำมาให้ข้าพเจ้าลงนาม ข้าพเจ้ารู้สึกทันทีว่า หลักการของผู้ก่อการกับหลักการของข้าพเจ้านั้นไม่พ้องต้องกันเสียแล้ว
…ข้าพเจ้าเห็นว่าเวลานั้นเป็นเวลาฉุกเฉิน และสมควรจะพยายามรักษาความสงบไว้ก่อน เพื่อหาโอกาสผ่อนผันภายหลัง และเพื่อสำเหนียกฟังความเห็นของประชาชนก่อน ข้าพเจ้าจึงได้ยอมผ่อนพันไปตามความประสงค์ของคณะผู้ก่อการในครั้งนั้น ทั้งนี้ข้าพเจ้าไม่ได้เห็นด้วยกับหลักการเหล่านั้นเลย…”[22]
อีกประเด็นหนึ่งที่ไม่ค่อยมีการกล่าวถึงมากนัก คือ อำนาจการสถาปนารัฐธรรมนูญฉบับแรกของสยามที่คณะราษฎรมีเจตนาให้ธรรมนูญการปกครองฯ เป็นฉบับถาวร ปรีดี พนมยงค์ กล่าวไว้ว่าธรรมนูญฯ ที่ตนยกร่างขึ้นมานั้นเพื่อให้คณะราษฎรใช้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรก
“ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามฉบับ 27 มิถุนายน 2475 นั้น ผมในนามคณะราษฎรเป็นผู้ยกร่างขึ้น เดิมไม่มีคำว่า “ชั่วคราว”
ครั้นเมื่อผมนำไปทูลเกล้าถวายพระปกเกล้าฯ ที่วังศุโขทัย พระองค์ได้ขอให้เติมคำว่า “ชั่วคราว” แล้วก็ทรงเขียนลายพระหัตถ์เองเติมคำว่า “ชั่วคราว” ไว้ โดยรับสั่งว่าให้ใช้ไปพลางก่อนแล้วจึงตั้งกรรมการและให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้เป็นรัฐธรรมนูญถาวรขึ้น”[24]
ดังนั้น การที่ปฐมรัฐธรรมนูญมีสถานะชั่วคราวจึงเป็นเป็นไปตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ มิใช่ตามเจตจำนงแรกเริ่มของคณะราษฎร[25]
ส่วนข้ออ้างว่าธรรมนูญการปกครองฯ ร่างกันด้วยความเร่งรีบนั้น ปรากฏว่าในปัจจุบันมีหลักฐานประวัติศาสตร์ทั้งบันทึกความทรงจำและปากคำประวัติศาสตร์ชี้ว่า ปรีดีร่างธรรมนูญฯ ไว้ล่วงหน้าก่อนการอภิวัฒน์สยามแล้วจึงนำมาให้ชุบ ศาลยาชีวิน เป็นผู้พิมพ์ดีดในเรือจ้างกลางแม่น้ำเจ้าพระยา[26]
พระยาศรยุทธเสนี ผู้พาปรีดี และคณะราษฎร ถวายธรรมนูญการปกครองฯ
พลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี หรือ กระแส ประวาหะนาวิน เป็นนายทหารเรือที่รับราชการในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่ภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองได้เข้าร่วมกับคณะราษฎรในวันที่อภิวัฒน์สยามโดยการชักชวนของปรีดี พนมยงค์ และต่อมาได้เป็นหนึ่งในผู้แทนราษฎรชั่วคราว 70 คนแรก ของรัฐบาลคณะราษฎร ในหนังสืออนุสรณ์งานศพของพลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี เล่าถึงวันที่อภิวัฒน์สยาม การได้สนทนากับปรีดี พนมยงค์ เรื่องปฐมรัฐธรรมนูญอย่างตรงไปตรงมา ละเอียดทั้งในแง่วันเวลา ฤกษ์ยาม และมีชีวิตชีวา ที่สำคัญ คือ ท่านเป็นผู้นัดวัน และเวลาให้คณะราษฎรได้เข้าเฝ้าพระปกเกล้าเพื่อถวายธรรมนูญการปกครองฯ
พระยาศรยุทธเสนี เล่าตั้งแต่เวลาเช้ามืดของวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ว่าตนเองได้ออกเดินทางไปทำงานตั้งแต่ 5.00 น. พอย่ำรุ่งเศษก็มีวนิช ปานะนนท์ ขับรถตามมาบอกว่ามีการยึดอำนาจการปกครอง จนกระทั่งสายได้ไปทำงานตามปกติที่กรมเสนาธิการ แต่ยังไม่ทันถึงที่ทำงานก็มี ร.อ. หลวงศุภชลาสัย และวนิช ปานะนนท์ เชิญไปพบพระยาพหลพลพยุหเสนา ที่ชั้นล่างของพระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งได้ไปพบกับปรีดี พนมยงค์ ที่นั่น ต่อมาปรีดีส่งประกาศคณะราษฎรให้อ่าน และได้สนทนากัน
“ข้าพเจ้าพยายามอ่านอย่างพินิจพิเคราะห์เสร็จแล้ว หลวงประดิษฐ์มนูธรรมถามข้าพเจ้าว่า ถ้าเจ้าคุณเห็นด้วยใคร่จะขอเชิญให้นำคณะผู้ก่อการจำนวนหนึ่งไปเฝ้าในหลวงเพื่อขอพระราชทานรัฐธรรมนูญ พวกผมไม่ใคร่เคยเข้าเฝ้า ส่วนเจ้าคุณเคยเป็นราชองครักษ์เคยเข้าเฝ้าอยู่เสมอ
ข้าพเจ้าขออ่านรัฐธรรมนูญชั่วคราวก่อน…”
สาเหตุของการเข้าร่วมอภิวัฒน์ของพระยาศรยุทธเสนี น่าสนใจว่ามาจากการอ่านปฐมรัฐธรรมนูญสยาม และความรู้เรื่องหลักปกครองจากสังคมตะวันตกจากประสบการณ์ประกอบกัน
“...อ่านเฉพาะคำปรารภและหัวข้ออื่นๆ พอเลาๆ ก็เห็นว่าเป็นปกครองบางประเทศส่วนมากเขามีอยู่ เพราะข้าพเจ้าเคยไปต่างประเทศหลายครั้ง เคยสนใจซื้อหลักปกครองบางประเทศมาอ่าน
เมื่ออ่านพอสมควรแล้วก็ตอบว่าจะให้ไปเฝ้าเมื่อใดและมีใครบ้าง เมื่อทราบชื่อผู้ที่จะไปแล้วก็นัดวันเวลาจะไปเฝ้า…”
บันทึกฉบับนี้เล่าถึงวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ที่ได้พาปรีดี พนมยงค์ และคณะราษฎรไปเฝ้าพระปกเกล้า ซึ่งมีรายละเอียดแตกต่างจากการรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ในเวลานั้นโดยเฉพาะการย้ำความสำคัญของปฐมรัฐธรรมนูญว่า
“ราววันที่ 26 มิถุนายน เวลาประมาณ 10 นาฬิกา พวกที่จะไปมารวมกันที่ลานหลังพระบรมรูปทรงม้า มีรถยนต์หุ้มเกราะตามไปด้วย มุ่งหน้าไปยังวังสุโขทัย [28]ซึ่งทราบว่าคณะราษฎรได้เชิญ…รัชกาลที่ 7 มาประทับอยู่ ณ ที่นั้นด้วย ผู้ที่ไปด้วยราว 10 คน เท่าที่จำได้ขณะเขียนนี้ 1. หลวงประดิษฐ์มนูธรรม 2. นายจรูญ ณ บางช้าง 3. นายสงวน ตุลารักษ์ 4. นายจรูญ สืบแสง คนอื่นๆ อีกจำไม่ได้
เมื่อรถเข้าไปจอดหน้าพระราชวังที่ทรงประทับอยู่ ซึ่งมีสมุหราชองครักษ์ พลเอกเจ้าพระยาวิชิตวงศ์วุุฒิไกรยืนรอรับอยู่ พอลงจากรถ ท่านเจ้าคุณกระซิบว่า เจ้าคุณเข้าร่วมกับเขาด้วยหรือ ก็กระซิบตอบว่า ไม่ได้ร่วมก่อการกับเขา แต่เขาขอร้องให้นำพวกที่มาด้วยเข้าเฝ้าขอพระราชทานรัฐธรรมนูญปกครองปกครองประเทศเยี่ยงประเทศที่เจริญแล้วทั้งหลาย…”
พระยาศรยุทธเสนีเป็นผู้กราบทูลต่อพระปกเกล้าฯ ถึงความประสงค์ที่มาเข้าเฝ้า และยังเล่าขั้นตอนต่างๆ จากภาพจำในมุมมองของตนว่า
“...หลวงประดิษฐ์ฯ เป็นผู้นำร่างรัฐธรรมนูญนั้นถวาย ทรงพลิกๆ อยู่สักครู่แล้วรับสั่งว่า ขอเวลาฉันอ่านสักอาทิตย์สองอาทิตย์ หลวงประดิษฐ์ฯ กราบทูลว่า ทรงอ่านแล้วทรงตอบให้ทราบเร็วที่สุดได้จะเป็นพระเดชพระคุณล้นเกล้าฯ อย่างยิ่ง แล้วจึงได้ถวายหนังสืออีกฉบับหนึ่งเป็นหนังสือขอพระราชทานนิรโทษกรรมแก่ผู้ที่ร่วมก่อการครั้งนี้ทุกคนที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง และขอร้องให้ทรงลงพระปรมาภิไธยเดี๋ยวนี้ด้วย เมื่อทรงอ่านเสร็จแล้ว ทรงอึ้งอยู่สักครู่จึงทรงลงพระปรมาภิไธยให้แล้วทรงยื่นคืนให้หลวงประดิษฐ์มนูธรรม แล้วพวกข้าพเจ้าก็ถวายบังคมลากลับ
พอรถกลับถึงหน้าพระที่นั่ง และผ่านประตูออกไป พวกเราได้ชูหนังสือนิรโทษกรรมอวดพวกที่รอรับแล้วต่างก็ไชโยโห่ร้องกันด้วยความดีใจ”
ภายหลังการประกาศใช้พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองชั่วคราว พุทธศักราช 2475 โดยบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญการปกครองฉบับนี้ให้มีสภาผู้แทนราษฎร และในวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2475 คณะผู้รักษาพระนครฝ่ายทหารจึงได้จัดตั้งผู้แทนราษฎรชั่วคราวขึ้นจำนวน 70 คน และพลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี ได้เป็นผู้แทนราษฎรชั่วคราว ลำดับที่ 15[29]
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ และบันทึกความทรงจำข้างต้น แสดงให้เห็นว่าระหว่างวันที่ 24 - 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 หรือเพียง 4 วัน หลังการอภิวัฒน์สยาม มีความผันผวนทางการเมืองสูงอย่างยิ่งซึ่งเป็นผลมาจากที่คณะราษฎรเดินเกมประนีประนอมกับกลุ่มต่างๆ มีการประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองสยามฉบับชั่วคราว มีการตั้งผู้แทนราษฎรชั่วคราว 70 คน และมีการเลือกพระยามโนปกรณ์นิติธาดา นักกฎหมายของกลุ่มอนุรักษนิยมเป็นประธานกรรมการราษฎร หรือนายกรัฐมนตรีคนแรก
จากก้าวแรกประชาธิปไตยจนถึงปีที่ 90 ความผันผวนทางการเมืองไทยยังคงสูง และอำนาจสูงสุดของประเทศนั้นยังไม่เป็นของราษฎรทั้งหลาย หรืออาจจะต้องมีการอภิวัฒน์เพื่อนำไปสู่ประชาธิปไตยสมบูรณ์ตามเจตนารมณ์ของคณะราษฎร
...อีกครั้ง?
บรรณานุกรม
เอกสารชั้นต้น :
- ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475, ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 27 มิถุนายน 2475, เล่ม 49, หน้า 166-179.
- ราชกิจจานุเบกษา,พระราชกำหนดนิรโทษกรรมในคราวเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดิน พุทธศักราช 2475, ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 26 มิถุนายน 2475, เล่ม 49, หน้า 163.
- หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. มร.7 บ./10 เอกสารรัชกาลที่ 7 เรื่อง นายภักดี, นายไทย, เห็นควรตั้งกฎหมายคอนสติตูชั่น (2468)
หนังสือพิมพ์ :
- เดลิเมล์, 28 มิถุนายน 2475
- ไทยใหม่, 24 มิถุนายน 2475
- ศรีกรุง, 28 มิถุนายน 2475
- ศรีกรุง, 9 กรกฎาคม 2475
หนังสืออนุสรณ์งานศพ :
- ศรยุทธเสนี, พลเรือตรี พระยา, อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี (กระแส ประวาหะนาวิน) ณ วัดตรีทศเทพ กรุงเทพฯ วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2526. (พระนคร : โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย, 2526)
วิทยานิพนธ์ :
- ทิพวรรณ บุญทวี, “ความคิดทางการเมืองของปรีดี พนมยงค์ : ระยะเริ่มแรก (พ.ศ. 2443-2477),” (วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บัณฑิตวิทยาลัย, 2528)
หนังสือภาษาไทย :
- จดหมายเหตุบันทึกเหตุการณ์ของคณะราษฎรปกครองแผ่นดิน และพระราชบัญญัติพระธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม พ.ศ. 2475, (พระนคร: โรงพิมพ์เจตนาผล, 2475)
- จักรปาณีศรีศีลวิสุทธิ์ (วิสุทธิ์), หลวง, อธิบายธรรมนูญปกครองแผ่นดินสยามเปรียบเทียบกับประเทศต่าง ๆ, (พระนคร : โรงพิมพ์สยามบรรณกิจ, 2475)
- นครินทร์ เมฆไตรรัตน์, การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475, (กรุงเทพฯ: ฟ้าเดียวกัน, 2553)
- เบนจามิน เอ. บัทสัน, อวสานสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในสยาม, บรรณาธิการแปลโดย พรรณงาม เง่าธรรมสาร, สดใส ขันติวรพงศ์, ศศิธร รัชนี ณ อยุธยา, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, 2560)
- ปิยบุตร แสงกนกกุล, จนกว่าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิคณะก้าวหน้า, 2565)
- ปั้น บุณยเกียรติ และเฮง เล้ากระจ่าง, สยามรัฐเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินอย่างมีพระราชาธิบดีอยู่ใต้พระธรรมนูญการปกครอง ภาค 1, (พระนคร : โรงพิมพ์เดลิเมล์, 2475)
- สุจิตต์ วงษ์เทศ บรรณาธิการ, สยามพิมพการ ประวัติศาสตร์การพิมพ์ในประเทศไทย พิมพ์ครั้งที่ 2, (กรุงเทพฯ: มติชน, 2565)
- สุพจน์ ด่านตระกูล, ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ และพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว ฉบับ 27 มิถุนายน 2475, (กรุงเทพฯ: สถาบันปรีดี พนมยงค์, 2550)
- สันติสุข โสภณสิริ, สถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาธิปไตย ในทัศนะพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 รัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์ และ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช, (กรุงเทพฯ: โครงการสรรพสาส์น สำนักพิมพ์มูลนิธิเด็ก, 2555)
- เฮง สถิตถาวร, 150 ปี วิธีดำเนิรการของคณะราษฎร เล่ม 2, (พระนคร : โรงพิมพ์สิริชัย, 2475)
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ :
- กษิดิศ อนันทนาธร. (4 มีนาคม 2565). ‘ชุบ ศาลยาชีวิน’ มือพิมพ์ดีด ‘ปฐมรัฐธรรมนูญ’ สยาม. สืบค้นจาก https://www.the101.world/first-constitution/
- พรทิพย์ เดชทิพย์ประภาพ. (22 มิถุนายน 2552). วังสุโขทัย หรือ วังศุโขทัย. สืบค้นจาก http://legacy.orst.go.th/?knowledges=วังสุโขทัย-หรือ-วังศุโขท
- วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์. (27 มีนาคม 2563). 24 มิถุนายน 2475 ยุทธการพลิกแผ่นดินสยาม. สืบค้นจาก https://pridi.or.th/th/content/2020/03/37
[1] สุจิตต์ วงษ์เทศ บรรณาธิการ, สยามพิมพการ ประวัติศาสตร์การพิมพ์ในประเทศไทย พิมพ์ครั้งที่ 2, (กรุงเทพฯ: มติชน, 2565), หน้า 192-193.
[2] สันติสุข โสภณสิริ, สถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาธิปไตย ในทัศนะพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 รัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์ และ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช, (กรุงเทพฯ: โครงการสรรพสาส์น สำนักพิมพ์มูลนิธิเด็ก, 2555), หน้า 107.
[3] เบนจามิน เอ. บัทสัน, อวสานสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในสยาม พิมพ์ครั้งที่ 4, บรรณาธิการแปลโดย พรรณงาม เง่าธรรมสาร, สดใส ขันติวรพงศ์, ศศิธร รัชนี ณ อยุธยา, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, 2560), หน้า 190-199.
[4] นครินทร์ เมฆไตรรัตน์, การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475, (กรุงเทพฯ: ฟ้าเดียวกัน, 2553), หน้า 286-292. และ สันติสุข โสภณสิริ, สถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาธิปไตย ในทัศนะพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 รัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์ และ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช, (กรุงเทพฯ: โครงการสรรพสาส์น สำนักพิมพ์มูลนิธิเด็ก, 2555), หน้า 115-117.
[5] ปลัดทูลฉลองกระทรวงการต่างประเทศ ผู้สำเร็จเนติบัณฑิตจากประเทศอังกฤษ
[6] ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ
[7] เบนจามิน เอ. บัทสัน, อวสานสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในสยาม พิมพ์ครั้งที่ 4, บรรณาธิการแปลโดย พรรณงาม เง่าธรรมสาร, สดใส ขันติวรพงศ์, ศศิธร รัชนี ณ อยุธยา, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, 2560), หน้า 200.
[8] สะกดตามต้นฉบับจากเอกสารไมโครฟิล์ม ใน หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. มร.7 บ./10 เอกสารรัชกาลที่ 7 เรื่อง นายภักดี, นายไทย, เห็นควรตั้งกฎหมายคอนสติตูชั่น (2468)
[9] กษิดิศ อนันทนาธร. (4 มีนาคม 2565). ‘ชุบ ศาลยาชีวิน’ มือพิมพ์ดีด ‘ปฐมรัฐธรรมนูญ’ สยาม. สืบค้นจาก https://www.the101.world/first-constitution/
[10] ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475, ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 27 มิถุนายน 2475, เล่ม 49, หน้า 166-179.
[11] ราชกิจจานุเบกษา,พระราชกำหนดนิรโทษกรรมในคราวเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดิน พุทธศักราช 2475, ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 26 มิถุนายน 2475, เล่ม 49, หน้า 163.
[12] วังศุโขทัยเป็นวังที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ กรมขุนสุโขทัยธรรมราชา ใน พ.ศ. 2461 สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง โปรดเกล้าฯ ให้สร้างตำหนักหอพระราชทานแก่สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสุโขทัยธรรมราชาและหม่อมเจ้าหญิงรำไพพรรณี สวัสดิวัตน์ เพื่อพระราชทานเป็นของขวัญในการอภิเษกสมรส และพระราชทานเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ จนกระทั่งเสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีได้เสด็จไปประทับที่พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต และเสด็จกลับมาประทับที่วังศุโขทัยอีกครั้งเมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 โปรดดูเพิ่มเติม พรทิพย์ เดชทิพย์ประภาพ. (22 มิถุนายน 2552). วังสุโขทัย หรือ วังศุโขทัย. สืบค้นจาก http://legacy.orst.go.th/?knowledges=วังสุโขทัย-หรือ-วังศุโขท
[13] บรรดาศักดิ์ของปรีดี พนมยงค์ ในขณะนั้น
[14] ปั้น บุณยเกียรติ และเฮง เล้ากระจ่าง, สยามรัฐเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินอย่างมีพระราชาธิบดีอยู่ใต้พระธรรมนูญการปกครอง ภาค 1, (พระนคร : โรงพิมพ์เดลิเมล์, 2475), หน้า 37-38.
[15] สะกดตามต้นฉบับ ชื่อพระราชวังที่ถูกต้องคือ วังศุโขทัย
[16] ปั้น บุณยเกียรติ และเฮง เล้ากระจ่าง, สยามรัฐเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินอย่างมีพระราชาธิบดีอยู่ใต้พระธรรมนูญการปกครอง ภาค 1, (พระนคร : โรงพิมพ์เดลิเมล์, 2475), หน้า 37-38.
[17] สุจิตต์ วงษ์เทศ บรรณาธิการ, สยามพิมพการ ประวัติศาสตร์การพิมพ์ในประเทศไทย พิมพ์ครั้งที่ 2, (กรุงเทพฯ: มติชน, 2565), หน้า 193.
[18]ศรีกรุง, 28 มิถุนายน 2475, หน้า 9.
[19] ศรีกรุง, 28 มิถุนายน 2475, หน้า 9.
[20] วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์. (27 มีนาคม 2563). 24 มิถุนายน 2475 ยุทธการพลิกแผ่นดินสยาม. สืบค้นจาก https://pridi.or.th/th/content/2020/03/37
[21] ปิยบุตร แสงกนกกุล, จนกว่าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิคณะก้าวหน้า, 2565), หน้า 163.
[22] วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์. (27 มีนาคม 2563). 24 มิถุนายน 2475 ยุทธการพลิกแผ่นดินสยาม. สืบค้นจาก https://pridi.or.th/th/content/2020/03/37
[23] ศรีกรุง, 9 กรกฎาคม 2475
[24] ทิพวรรณ บุญทวี, “ความคิดทางการเมืองของปรีดี พนมยงค์ : ระยะเริ่มแรก (พ.ศ. 2443-2477),” (วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บัณฑิตวิทยาลัย, 2528), หน้า 33-34.
[25] ปิยบุตร แสงกนกกุล, จนกว่าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิคณะก้าวหน้า, 2565), หน้า 165.
[26] กษิดิศ อนันทนาธร. (4 มีนาคม 2565). ‘ชุบ ศาลยาชีวิน’ มือพิมพ์ดีด ‘ปฐมรัฐธรรมนูญ’ สยาม. สืบค้นจาก https://www.the101.world/first-constitution/
[27] กษิดิศ อนันทนาธร. (4 มีนาคม 2565). ‘ชุบ ศาลยาชีวิน’ มือพิมพ์ดีด ‘ปฐมรัฐธรรมนูญ’ สยาม. สืบค้นจาก https://www.the101.world/first-constitution/
[28] สะกดตามต้นฉบับ ชื่อพระราชวังที่ถูกต้องคือ วังศุโขทัย
[29] ศรยุทธเสนี, พลเรือตรี พระยา, อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี (กระแส ประวาหะนาวิน) ณ วัดตรีทศเทพ กรุงเทพฯ วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2526. (พระนคร : โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย, 2526), หน้า ด-บ.
- การอภิวัฒน์สยาม 2475
- วัลยา
- หลัก 6 ประการของคณะราษฎร
- ระบอบประชาธิปไตย
- ปรีดี พนมยงค์
- คณะราษฎร
- 24 มิถุนายน 2475
- การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475
- ปฐมรัฐธรรมนูญ
- หนังสือพิมพ์ศรีกรุง
- พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
- รัชกาลที่ 7
- มุสโสลินี
- วังศุโขทัย
- พระยาพหลพลพยุหเสนา
- พระยาศรยุทธเสนีพระประศาสน์พิทยายุทธ
- หลวงวีระโยธา
- หลวงประดิษฐ์มนูธรรม
- ประยูร ภมรมนตรี
- จรูญ ณ บางช้าง
- สงวน ตุลารักษ์
- หลวงประเจิดอักษรลักษณ์
- ไพโรจน์ ชัยนาม
- ชุบ ศาลยาชีวิน
- หลวงศุภชลาสัย
- วนิช ปานะนนท์
- จรูญ สืบแสง
- ทิพวรรณ บุญทวี
- นครินทร์ เมฆไตรรัตน์
- ปิยบุตร แสงกนกกุล
- ปั้น บุณยเกียรติ
- เฮง เล้ากระจ่าง
- สุจิตต์ วงษ์เทศ
- สุพจน์ ด่านตระกูล
- สันติสุข โสภณสิริ
- กษิดิศ อนันทนาธร
- พรทิพย์ เดชทิพย์ประภาพ
- วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์