ข้าพเจ้ากลับมารับหน้าที่เดิม เป็นหัวหน้ากองการเมืองในกรมการเมืองตะวันตก ซึ่งมีคุณทวี ตะเวทิกุล เป็นอธิบดี การปฏิบัติงานปกปิดยังคงดำเนินต่อไปโดยระดมหนักยิ่งขึ้น ข้าพเจ้ารับงานพิเศษตามแต่ที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จะมอบหมายให้ ส่วนใหญ่ได้แก่การร่างโทรเลขติดต่อกับฝ่าย โอ.เอส.เอส. ที่แคนดี และท่านทูตเสนีย์ที่กรุงวอชิงตัน โดยผ่านสายของ โอ.เอส.เอส. ที่ประจำอยู่ในกรุงเทพฯ ติดต่อกันอยู่ทุกวันทุกคืนตามความจำเป็นของสถานการณ์ พระยาศรีเสนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตอนนั้น เคยปรารภว่า ประเทศไทยมีกระทรวงการต่างประเทศสองกระทรวง กระทรวงหนึ่งที่วังสราญรมย์ซึ่งท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการ อีกกระทรวงหนึ่งที่ท่าช้างภายใต้ความอำนวยการของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ รัฐบาลควง อภัยวงศ์ ทำหน้าที่ติดต่อเล่นละครกับญี่ปุ่น และหลับหูหลับตาปล่อยให้การติดต่อระหว่างคณะต่อต้านญี่ปุ่นกับฝ่ายสหประชาชาติรุดหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง งานลับของเราไม่แพร่งพรายให้ฝ่ายรัฐบาลทราบเลย แม้แต่พวกดำเนินงานใต้ดินด้วยกันเองต่างทำงานที่ได้รับมอบหมายโดยไม่ทราบว่า ผู้อื่นในขบวนการเดียวกันมีใครบ้าง และมีภาระหน้าที่อย่างไร สำหรับข้าพเจ้าซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์พอทราบบ้าง แต่ไม่ทั้งหมดทุกอย่างที่กระทำกันต้องห้ามไม่ให้มีหลักฐานต้องอาศัยความทรงจำเอาเอง

A graphic from the OSS War Report showing distribution of personnel and total number of distributed intelligence reports.
ที่มา: OSS and Free Thai Operations in World War II
นอกจากเป็นเจ้าหน้าที่ติดต่อประจำกับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อยู่แล้ว ข้าพเจ้ายังต้องประจำกับหน่วย โอ.เอส.เอส. ที่กรุงเทพฯ ซึ่งในชั้นนั้นมีพันตรี กรีนลี ร้อยเอก ปาลเมอร์เป็นเจ้าหน้าที่ (ร้อยเอก เวสตันที่ถูกส่งเข้ามาพร้อมกับพันตรี กรีนลีคราวแรก เกิดความหวั่นกลัวทางจิตใจเกินกว่าจะทนทานกับงานได้ ถึงเพ้อคลั่งจะกระโดดตึกตาย เลยต้องจัดการส่งตัวกลับแคนดี) ในระยะแรกเราจัดให้ผู้แทน
โอ.เอส.เอส. อยู่ในบ้านเดิมของเจ้าพระยาพิชเยนทรโยธินที่ถนนพระอาทิตย์ (ปัจจุบันเป็นที่ทำการสำนักงานส่วนภูมิภาคขององค์การอาหารและเกษตรของสหประชาชาติ) เราต้องมีคนไปจ่ายตลาดซื้อหาอาหารสดมาปรุงให้เขารับประทานเป็นประจำวันหนึ่งมีข่าวว่า คนขายผลไม้ที่ตลาดบางลำภูเกิดถามคนซื้อของเราว่า นายฝรั่งรับประทานกล้วยมากเช่นนั้นเชียวหรือ พอข่าวทราบถึงผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ท่านเกรงว่า ความลับชะรอยจะปิดไม่ได้เสียแล้ว เพราะคนฝรั่งส่วนใหญ่ต้องกักกันอยู่ในค่ายที่มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองทั้งสิ้น เหตุใดจึงจะมีคนฝรั่งนอกค่ายอีก ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตัดสินใจว่า ต้องหาสถานที่พำนักให้เจ้าหน้าที่ โอ.เอส.เอส. ใหม่ และเลือกเอาวังสวนกุหลาบ ซึ่งอยู่ในเขตทหาร ห้อมล้อมไปด้วยยามฝ่ายทหาร คงไม่มีใครเข้าใกล้ได้ ปัญหาอยู่ที่จะต้องหาคนรับใช้ให้ใหม่ด้วย คุณบุญล้อม พึ่งสุนทร ขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ และทำหน้าที่บริการสายลับของ โอ.เอส.เอส. ที่กรุงเทพฯ ได้รับมอบหมายให้ไปคิดหาคนที่ไว้วางใจได้จริง ๆ และต้องเป็นผู้ที่ไม่ชอบพูดอวดรู้ คุณบุญล้อมรับไปสอดแสวงหาอยู่สองวันกลับมาเรียนผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ว่า เขาหาคนรับใช้ที่ต้องการได้แล้ว เป็นเด็กหนุ่มที่ทำงานเข้มแข็ง คุณบุญล้อมรู้จักมานานแล้ว เชื่อว่าจะเก็บความลับได้เด็ดขาด เพราะเป็นใบ้มาแต่กำเนิดผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อนุมัติให้รับได้ นายใบ้คนนี้ทำงานแข็งจริง ๆ เฝ้ารับใช้นายทหารอเมริกาทุกคน จัดหาอาหารให้ ซักรีดเสื้อผ้า รับใช้ทุกอย่างทุกประการ เท่าที่แกเข้าใจความประสงค์ของเขา คุณทวี ตะเวทิกุล และข้าพเจ้าอยู่ประจำค่ายอเมริกาทำหน้าที่เป็นล่ามให้แก่นายใบ้ตามที่จำเป็นเจ้าหน้าที่ของ โอ.เอส.เอส. ที่ผ่านไปมาและพำนักอยู่ที่วังสวนกุหลาบ ทุกคนชมชอบนายใบ้มาก พันตรี นิโคล สมิธ ถึงกับนำเรื่องของนายใบ้ไปเขียนไว้ในหนังสือ Into Siam: Underground Kingdom ที่พิมพ์ออกจำหน่ายภายหลังสงคราม มีภาพนายใบ้กำลังตั้งตัว ศีรษะลงล่าง เท้าทั้งสองชี้ฟ้า นํ้าหนักตัวทั้งหมดอยู่บนนิ้วสองนิ้วของนายใบ้เท่านั้น
ในระยะแรกผู้แทน โอ.เอส.เอส. ปฏิบัติการโดยลำพัง พันตรี กรีนลีซึ่งเข้ามาประจำอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๔๘๘ มีโอกาสติดต่ออย่างใกล้ชิดกับ “รู้ธ” เดินทางกลับออกไปอินเดียเมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พร้อมด้วยแผนปฏิบัติการตามความดำริของขบวนการต่อต้าน ซึ่งได้นำไปรายงานให้คณะเสนาธิการร่วมทางกรุงวอชิงตันพิจารณาเมื่อวันที่ ๒๑ เดือนเดียวกัน ตามแผนการนั้น ท่านปรีดีเสนอให้
ฝ่ายอเมริกันยกพลขึ้นบกสองแห่งในบริเวณอ่าวไทย คือที่หัวหินและสัตหีบ โดยฝ่ายไทยจะลุกฮือขึ้นต่อต้านญี่ปุ่นพร้อมกันไป ใช้กองพลที่ ๑ เข้าโจมตีกำลังทหารญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ กองพลไทยภาคเหนือจะตัดทางลำเลียงของกองกำลังทหารญี่ปุ่น และกองพลไทยภาคใต้ที่จังหวัดเพชรบุรีและราชบุรีจะร่วมกับกำลังทหารอเมริกาตัดทางลำเลียงของกำลังทหารญี่ปุ่นด้านนั้น ตลอดจนเข้ายึดเส้นทางรถไฟสายไทย-พม่า กำลังพรรคนาวิกโยธินไทยจากสัตหีบจะมุ่งเข้ากรุงเทพฯ อีกทางหนึ่ง ส่วนทางการเมือง ในทันทีที่ฝ่ายอเมริกันยกพลขึ้นบกในประเทศไทย รัฐบาลควง อภัยวงศ์ จะลาออกจากตำแหน่ง ท่านปรีดีในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จะประกาศตั้งรัฐบาลใหม่ ดำเนินการต่อต้านญี่ปุ่นอย่างเปิดเผยถูกต้องตามรัฐธรรมนูญทุกประการ แผนการนี้ ทางคณะของเสนาธิการร่วมอเมริกาไม่อาจจะรับได้ เนื่องจากไม่สอดคล้องกับแผนยุทธการส่วนรวมของฝ่ายสัมพันธมิตร ฝ่ายอเมริกันไม่สามารถปฏิบัติการอย่างใดโดยลำพัง
พันตรี กรีนลีกลับมากรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม พร้อมด้วยร้อยเอก ปาลเมอร์ ซึ่งจะมาทำการแทนร้อยเอก เวสตัน พันตรี กรีนลีนำข้อยุติของคณะเสนาธิการร่วมอเมริกามาแจ้งให้ “รู้ธ” ทราบเมื่อวันที่ ๒ เมษายน “รู้ธ” แย้งว่า ถ้าฝ่ายอเมริกันไม่อยู่ในฐานจะปฏิบัติตามแผนของท่านโดยลำพัง ก็ควรจะมอบหมายให้อังกฤษกระทำในนามของฝ่ายสัมพันธมิตร พันตรี กรีนลียืนยันตามคำสั่งของวอชิงตันว่า ฝ่ายสัมพันธมิตรยังไม่พร้อมที่จะยกทหารขึ้นบกในประเทศไทยในช่วงนั้น จึงอยากจะให้มีการติดต่ออย่างลับ ๆ ระหว่างกระบวนการต่อต้านและ โอ.เอส.เอส. ไปก่อนอย่างที่ปฏิบัติอยู่ ความจำเป็นเร่งด่วนอยู่ที่จะต้องจัดให้มีการประสานงานระหว่างกลุ่มต่อต้านซึ่งมีอยู่หลายกลุ่มทั่วราชอาณาจักรให้รวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันภายใต้การควบคุมบังคับบัญชาของท่านปรีดี ต่อมาทาง โอ.เอส.เอส. ได้รับอนุญาตจากคณะเสนาธิการร่วมอเมริกา ให้ส่งอาวุธที่มีอยู่แล้วให้แก่กระบวนการต่อต้านใต้ดินของไทย ทางกระทรวงการต่างประเทศอเมริกันก็สนับสนุนให้ โอ.เอส.เอส. ขยายแผนงานช่วยให้กว้างขวางยิ่งขึ้นได้
เมื่อทราบว่า ฝ่าย โอ.เอส.เอส. มีผู้แทนประจำอยู่ทางกองบัญชาการคณะต่อต้านในประเทศไทยที่กรุงเทพฯ ฝ่าย เอส.โอ.อี. ของอังกฤษจึงคิดอยากจะมีผู้แทนประจำอยู่ที่กรุงเทพฯ บ้าง เพื่อการนี้ได้คัดเลือกพันเอก เจ๊กส์ ซึ่งเคยเป็นทนายความในกรุงเทพฯ ขึ้นกับสำนักติลลิกีและกิบบินส์ รู้จักประเทศไทยดีและเป็นผู้กว้างขวางในวงสังคมไทย เฉพาะอย่างยิ่งบุคคลชั้นนำของประเทศไทย ก่อนจะออกเดินทาง
มาประเทศไทย ทาง เอส.โอ.อี. ได้พาตัวพันเอก เจ๊กส์ไปทำความรู้จักกับนายสเตอร์นเดล เบ็นเน็ทท์ อธิบดีกรมการตะวันออกไกล กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอรับทราบนโยบายทางการเมืองของอังกฤษต่อไทย เพราะทราบว่าเมื่อท่านปรีดีส่งคณะผู้แทนออกไปแคนดีเพื่อปรึกษาหารือในเรื่องการทหาร ท่านสั่งให้นายดิเรก ชัยนาม ไปด้วยในฐานะหัวหน้าคณะ ด้วยความประสงค์จะให้ติดต่อกับ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช หรือนายมณี สาณะเสน ทาง เอส.โอ.อี. เห็นว่าอาจจะจัดให้นายมณีออกมาพบที่อินเดียได้ นายเบ็นเน็ทท์ชี้แจงว่า ในด้านนโยบายแล้ว รัฐบาลอังกฤษยึดมั่นจะหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการพูดจาทางการเมืองกับฝ่ายไทย นายดิเรกเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาก่อน ท่านปรีดีคงมุ่งหมายจะให้มีการพูดจาทางการเมืองกันด้วย ไม่จำกัดเฉพาะการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านการทหารกับ
กองบัญชาการทหารสูงสุดที่แคนดีเท่านั้น อังกฤษก็ไม่กล้าจะปฏิเสธไม่ยอมให้นายดิเรกร่วมเดินทางออกไป เกรงจะทำความไม่พอใจให้แก่นายปรีดี จึงต้องยอมให้นายดิเรกออกมาในคณะผู้แทนจากประเทศไทย
เมื่อไปพบนายเบ็นเน็ทท์ พันเอก เจ๊กส์แสดงความเห็นว่า เมื่อมีคณะของนายดิเรกออกไปที่แคนดีแล้ว ก็ดูจะไม่สู้จำเป็นที่เขาจะต้องไปกรุงเทพฯ แต่ถ้าเป็นความประสงค์ของ เอส.โอ.อี. จะส่งเข้าไปกรุงเทพฯ ให้ได้ เขาย่อมต้องปฏิบัติตามคำสั่งที่มีอยู่ ทาง เอส.โอ.อี. ต้องการให้หลีกเลี่ยงปัญหาการเมืองทั้งหมด แต่เขาอาจจะพบกับคำถามบางข้อซึ่งมีนัยการเมือง เขาใคร่ขอทราบว่าจะควรให้เขาตอบได้เพียง
ใด เช่น อาจมีผู้ถามว่า รัฐบาลอังกฤษยึดมั่นตามกฎบัตรแอตแลนติก ซึ่งมีข้อกำหนดไม่ให้มีการขยายตัวทางดินแดนเพียงไรหรือไม่ นายเบ็นเน็ทท์ตอบว่า พึงหลีกเลี่ยงปัญหาเช่นนั้น พันเอก เจ๊กส์กล่าวว่า ถ้าเขาไม่ตอบอย่างใดอย่างหนึ่ง อาจจะทำให้ฝ่ายไทยเกิดระแวงในท่าทีของอังกฤษที่เกี่ยวกับประเทศไทยได้ นายเบ็นเน็ทท์ตอบว่า การจะใช้กฎบัตรแอตแลนติกแก่กรณีหนึ่งกรณีใดหรือไม่ เป็นเรื่องต้องพิจารณาเป็นราย ๆ ไป ถ้าถูกถามเช่นนั้น ก็ควรจะย้อนถามผู้ถามว่า มีเหตุอย่างไรหรือที่ทำให้ผู้ถามคิดว่าฝ่ายอังกฤษจะเลี่ยงกฎบัตรแอตแลนติก
พันเอก เจ๊กส์ถามอีกว่า ถ้าเขาถูกถามว่า อังกฤษรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับบูรณภาพทางดินแดนของไทยภายหลังสงคราม ถ้าเขาให้คำตอบอย่างตรงไปตรงมาไม่ได้ อาจจะเกิดข้อสงสัยในเจตนาของอังกฤษที่มีอยู่ต่อประเทศไทย นายเบ็นเน็ทท์ตัดบทว่า การติดต่อกับฝ่ายไทยต้องเป็นไปตามคำสั่งของรัฐบาลอังกฤษซึ่งมีอยู่ว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดจาเรื่องการเมืองกับประเทศไทย นโยบายนี้ ผู้ใดแม้แต่กระทรวงการต่างประเทศเองไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงอย่างใดได้ ถ้ามีปัญหาใหม่เกิดขึ้น ก็ต้องขอให้รัฐบาลวินิจฉัย นายเบ็นเน็ทท์เองไม่อาจจะอนุญาตให้พันเอก เจ๊กส์ทำนอกเหนือไปจากข้อตกลงใจของรัฐบาล จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงปัญหาการเมืองโดยเด็ดขาด จะลดหย่อนผ่อนผันเพื่อเอาใจไทยไม่ได้ เพราะไทยทำผิดด้วยการไปร่วมมือกับญี่ปุ่น ไทยจะต้องแก้ไขสิ่งผิดให้ถูกต้องเสียก่อน กล่าวคือต้องร่วมมือทำการขับไล่ญี่ปุ่นให้พ้นจากประเทศไทย นายเบ็นเน็ทท์ยํ้าด้วยว่า หลักยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไขใช้กับประเทศไทยเช่นเดียวกับประเทศศัตรูอื่น ฉะนั้นถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญกับปัญหาใด ๆ พันเอก เจ๊กส์จึงจำกัดหน้าที่เฉพาะในวงงานด้านทหารเท่านั้น
พันเอก เจ๊กส์รับว่า ตระหนักในหน้าที่ดี และจะทำทุกวิถีทางที่จะเลี่ยงปัญหาการเมืองทั้งสิ้น เพียงแต่เกรงว่า ฝ่ายอเมริกันอาจจะพูดจาเรื่องการเมืองกับไทย ซึ่งจะสร้างความสนิทสนมเพิ่มขึ้นกับฝ่ายไทย นายเบ็นเน็ทท์ว่าอาจจะเป็นเช่นนั้น แต่ไทยควรจะสำนึกว่า มีเรื่องจะต้องทำความเข้าใจกับอังกฤษหลังสงครามยิ่งกว่ากับอเมริกา
พันเอก เจ๊กส์ได้รับเลื่อนยศทางทหารขึ้นเป็นพลจัตวาในการจะเดินทางเข้าประเทศไทยเข้ามากรุงเทพฯ ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๔๘๘ ได้พบกับท่านปรีดีและคณะของท่านทำแผนปฏิบัติการร่วมกับกำลัง ๑๓๖ ซึ่งขึ้นต่อ เอส.โอ.อี. รวมทั้งข้อเสนอของฝ่ายไทยที่จะให้กำลัง ๑๓๖ ส่งเจ้าหน้าที่ติดต่อไปประจำขบวนการต่อต้านทางกรุงเทพฯ พลจัตวา เจ๊กส์อยู่กรุงเทพฯ ตอนนั้นเพียง ๔ วัน ก็เดินทางกลับแคนดีพร้อมกับพาพันเอก เนตร เขมะโยธิน ออกไปด้วยในฐานะเป็นนายทหารติดต่อของไทยประจำที่แคนดี
พลจัตวา เจ๊กส์กลับมากรุงเทพฯ ครั้งที่ ๒ เมื่อเดือนมิถุนายน คราวนี้อยู่ในลักษณะประจำ โดยขบวนการต่อต้านจัดให้พำนักอยู่ที่มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ที่ใช้เป็นค่ายของผู้ถูกกักกันพลเรือน ผู้แทนของอเมริกาและอังกฤษเกิดมีความประสงค์จะปรึกษาหารือกันเป็นการประสานงาน ข้าพเจ้ารับหน้าที่ขับรถยนต์รับส่งผู้แทน โอ.เอส.เอส. ไปประชุมกับผู้แทนกำลัง ๑๓๖ ในการไปนี้ ต้องมีการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารของเราล่วงหน้าก่อน และมีคำสัญญาณขานรับโต้ตอบตามที่ตกลงกันไว้ ข้าพเจ้าใช้รถยนต์เก่าที่ได้รับมอบหมายจากคณะต่อต้านญี่ปุ่น เครื่องยนต์อยู่ในสภาพดีพอใช้ แต่ยางยามสงครามหาใหม่ยาก ต้องใช้ยางหล่อดอกแทน ซึ่งไม่สู้ให้ความมั่นใจเท่าใดนัก การประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายอเมริกันและอังกฤษที่กรุงเทพฯ เป็นธรรมดาอยู่เองต้องจัดให้เวลากลางคืน การกำหนดนัดหมายกับเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ต้องเป็นไปตามที่ตกลงแน่ชัด ทั้งในกำหนดเวลาและเส้นทางผ่าน
ในการปฏิบัติหน้าที่นี้ ผู้แทน โอ.เอส.เอส. สังเกตเห็นว่า ข้าพเจ้าไม่มีอาวุธปืนประจำตัว เขาว่าทำงานอย่างนี้ไม่มีอาวุธติดตัวได้อย่างไร เขาหาปืนพกซองลูกโม่ของทหารอเมริกามามอบให้ข้าพเจ้ากระบอกหนึ่ง ข้าพเจ้ารับไว้ตามอัธยาศัย ข้าพเจ้าไม่เคยใช้อาวุธปืนเลย แต่จะมีไว้ก็คงเป็นประโยชน์ ถ้าคับขันเข้าจริง ๆ ปืนนั้นคงจะช่วยไม่ให้ข้าพเจ้าถูกญี่ปุ่นจับตัวไปทรมาน
ภาระหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สายลับของอเมริกาและอังกฤษในประเทศไทยมีอยู่ไม่น้อย ติดต่อกับหน่วยบังคับบัญชาที่เมืองแคนดี ส่งข่าวสารการเคลื่อนไหวของทหารญี่ปุ่นภายในประเทศไทยทุกจุดทุกระยะ เตรียมฝึกกำลังกองโจรไทยที่จะใช้ทำการต่อสู้ทหารญี่ปุ่นเมื่อถึงเวลา การขอความช่วยเหลือจากฝ่ายสหประชาชาติ การนัดหมายให้ความสะดวกในการรับส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายอเมริกันและอังกฤษที่จะเดินทางเข้ามาปฏิบัติการในประเทศ ทั้งนี้โดยเราได้จัดตั้งเป็นหน่วยปฏิบัติการลับใต้ดินตามจุดสำคัญต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักร แต่ละหน่วยมีเจ้าหน้าที่ทำการรับส่งวิทยุซึ่งใช้พวกเสรีไทยนอกประเทศที่ได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดีมาแล้ว หน่วยในต่างจังหวัดส่งวิทยุผ่านเข้ามายังศูนย์กลางที่กรุงเทพฯ เพื่อจัดส่งต่อไปยังเมืองแคนดี วิทยุรับส่งทางสถานีกรุงเทพฯ จึงต้องทำงานหนัก เพราะต้องคอยรับและส่งโทรเลขของหน่วยไปยังเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องที่เมืองแคนด
ตามแผนปฏิบัติการของฝ่ายสหประชาชาติ ประเทศไทยจัดอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้บัญชาการทหารสูงสุดฝ่ายสหประชาชาติในเอเชียตะวันตกออกเฉียงใต้ที่เมืองแคนดี เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๔๘๘ คณะเสนาธิการร่วมอเมริกาโดยความยินยอมของกระทรวงการต่างประเทศได้ตกลงอนุญาต โอ.เอส.เอส. ให้ความช่วยเหลือแก่กำลังฝ่ายต่อต้านในประเทศไทยได้ ภายใต้ความควบคุมของกองบัญชาการทหารสูงสุดที่แคนดี กระทรวงการต่างประเทศแจ้งความตกลงใจนี้ให้ทูตเสนีย์ทราบเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ซึ่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้ตอบขอบใจเมื่อวันที่ ๙ พร้อมทั้งขอให้เร่งส่งอาวุธให้ไทยเร็วที่สุด เนื่องจากอาจจะเกิดวิกฤติกาลกับญี่ปุ่น เมื่อใดก็ได้ โอ.เอส.เอส. เข้ารับหน้าที่ช่วยฝึกกำลังพลพรรคไทยในการทำสงครามแบบกองโจร
ฝ่ายอังกฤษยังคงไม่ยอมส่งอาวุธให้ขบวนการ วันที่ ๑๒ มิถุนายน นายแลนดอน เจ้าหน้าที่โต๊ะไทยในกระทรวงการต่างประเทศอเมริกัน เชิญนายเอเวอร์ซัน แห่งสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษไปพบ แจ้งให้ทราบว่า ฝ่ายอเมริกันมองเห็นความจำเป็นที่จะต้องสนับสนุนให้อาวุธแก่ขบวนการต่อต้านในประเทศไทย หากการดำเนินงานของลอร์ดหลุยส์ เมานต์แบตตัน ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดฝ่ายสัมพันธมิตรต้องประสบอุปสรรคในด้านนี้ เนื่องจากปัญหาที่อังกฤษมีสถานะสงครามกับประเทศไทยแล้ว ลอร์ดหลุยส์อาจจะใช้ โอ.เอส.เอส. ซึ่งอยู่ใต้บังคับของกองบัญชาการทหารสูงสุดเหมือนกันให้ดำเนินงานก็ได้ นายเอเวอร์ซันรีบปฏิเสธว่าไม่มีข้อขัดข้องอย่างใดที่อังกฤษจะให้ความช่วยเหลือทางใต้ดินแก่ขบวนการต่อต้านในประเทศไทย เช่นเดียวกับที่อังกฤษเคยส่งอาวุธและวัสดุอื่น ๆ ให้แก่ขบวนการต่อต้านในยุโรปโดยไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาล
ประเทศไทยยามสงครามขาดการติดต่อกับโลกภายนอก สิ่งจำเป็นมากที่สุดก็คือยาและเวชภัณฑ์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์คิดว่า หากฝ่ายสัมพันธมิตรจะช่วยส่งยาและเวชภัณฑ์ที่ขาดแคลนให้ ก็คงจะเป็นประโยชน์ในทางจิตใจ จึงเสนอแนะไปทางแคนดีให้คิดทิ้งยาลงมาให้บ้างโดยทางเครื่องบิน เขาตอบเห็นด้วยในหลักการ จึงได้ตกลงนัดหมายจัดให้เครื่องบินฝ่ายสหประชาชาตินำเครื่องยาและเวชภัณฑ์มาิ้งให้ที่สนามหลวงเวลากลางวันแสก ๆ เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๔๘๘ เมื่อถึงเวลาที่กำหนด สัญญาณภัยทางอากาศเริ่มดังขึ้น แต่แทนที่จะเป็นเครื่องบินบี ๕๒ บินเข้าทิ้งระเบิดจุดยุทธศาสตร์ที่มีทหารญี่ปุ่น กลายเป็นเครื่องบินบี ๒๔ สามลาพร้อมด้วย ํเครื่องบินขับไล่พี ๓๘ บินเข้าสู่ประเทศถึงบริเวณสนามหลวงหน้าพระบรมมหาราชวังลดระดับลงตํ่าจนเห็นมือผู้โยนถุงเครื่องเวชภัณฑ์ติดร่มรวม ๒๖ ร่มสีหลากหลาย ญี่ปุ่นงงงวยมาก เพราะคิดไม่ถึงว่าจะมีการทิ้งสิ่งที่มิใช่ลูกระเบิดลงหน้าพระบรมมหาราชวัง ถุงอะไรก็ไม่ทราบที่ลอยติดร่มลงมา ฝ่ายญี่ปุ่นที่อยู่ในบริเวณใช้ปืนกลยิงขึ้นไปจากภาคพื้นดิน เครื่องบินหวนกลับมายิงตอบตามควรแก่กรณี การติดต่อกับสหประชาชาติในเรื่องนี้ดูจะวางแผนเตรียมการรับที่มีประสิทธิภาพมากเกินไป เพราะในเวลาไม่กี่นาทีภายหลังการบินผ่านของเครื่องบินก็มีรถกุดังของตำรวจแล่นเข้าไปเก็บถุงยาเหล่านั้นเรียบร้อย ท่ามกลางความฉงนสนเท่ห์ของคนทั่วไป เครื่องบินลำหนึ่ง เมื่อทิ้งของลงที่สนามหลวงแล้ว บ่ายหน้ากลับฐานทัพ บินผ่านแม่นํ้าเจ้าพระยาบริเวณมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง โฉบเหนือเรือรบไทยที่จอดอยู่กลางลำนํ้า ทางเรือเข้าใจว่า เป็นเครื่องบินข้าศึกเข้ามาทำการทิ้งระเบิดอย่างที่เคยมีอยู่ทุกวัน ใช้ปืนเรือยิงตามขึ้นไป เครื่องบินวนกลับมายิ่งโต้ด้วยปืนกล กระสุนปืนกลพลาดจุดหมาย ผ่านเข้าไปในอาคารของมหาวิทยาลัยเจาะกำแพงห้องหนึ่งซึ่งใช้เป็นที่พำนักของพลจัตวา เจ๊กส์ ผู้แทนของฝ่ายอังกฤษ ก่อให้เกิดความตระหนกตกใจพอสมควร เดชะบุญไม่มีผู้รับอันตราย ข้าพเจ้าไปรอสังเกตการณ์ในมหาวิทยาลัย จึงขึ้นไปพบกับพลจัตวา เจ๊กส์ ขออภัยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พลจัตวาไม่ทราบจะโทษใครดี เพราะลูกกระสุนปืนมาจากเครื่องบินอังกฤษแน่ชัด เมื่อเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ทำให้จำต้องย้ายค่ายไปอยู่ที่วชิราวุธวิทยาลัย โดยอ้างว่า มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองอยู่ใกล้สถานีรถไฟบางกอกน้อยซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เครื่องบินฝ่ายสหประชาชาติมุ่งโจมตี เพื่อความปลอดภัยของผู้ถูกกันกันพลเรือน ควรจะย้ายไปอยู่ให้ห่างไกลจากจุดยุทธศาสตร์ แต่ความจริงนั้น วชิราวุธวิทยาลัยอยู่ในเขตทหารไทย ฝ่ายญี่ปุ่นจะเข้าไปตรวจตราไม่ได้ง่าย ฝ่ายไทยมีทหารยามรักษาการอยู่ตลอดเวลา ตอนนั้นฝ่ายทหารบกมีส่วนเข้าร่วมในงานของขบวนการต่อต้านแล้ว
การติดต่อให้เครื่องบินพันธมิตรบินเข้าออกประเทศไทยบ่อยครั้งเช่นนั้น ย่อมก่อให้เกิดความระแวงทางฝ่ายญี่ปุ่นเป็นธรรมดา ฝ่ายญี่ปุ่นออกทำการตรวจตราสอบสวนและสืบสวนดู มีการใช้เครื่องจับกระแสวิทยุใกล้บริเวณที่ตั้งทำการของผู้แทนฝ่ายอังกฤษและอเมริกาเข้ามาทุกที ในต่างจังหวัด ญี่ปุ่นได้ภาพถ่ายสนามบินลับที่ฝ่ายต่อต้านได้จัดทำขึ้น มีเครื่องบินขนาดเล็กจอดอยู่ด้วย เขายกเรื่องประท้วง ไทยปฏิเสธแข็งขันว่าไม่มีสนามบินเช่นว่านั้น อาจเป็นเพียงพื้นที่ราบตากมันก็ได้ ตกลงส่งเจ้าหน้าที่ร่วมสองฝ่ายบินไปตรวจสอบ กว่าจะบินถึง ก็พบแต่พื้นที่ราบ ที่ชาวไร่ใช้ตากมันจริง ๆ เครื่องบินอันตรธานหายไปเสียแล้ว
บางครั้ง ญี่ปุ่นสามารถยิงเครื่องบินของฝ่ายสัมพันธมิตรตก เขาได้แต่ซากเครื่องบินที่ปรักหักพัง เจ้าหน้าที่ประจำเครื่องบินไม่เคยจับได้ ซากศพสักนิดหนึ่งก็ไม่มี ครั้นแล้วเจ้าหน้าที่ประจำเครื่องบินลำนั้นมาโผล่ที่วังสวนกุหลาบ เพื่อรับการพยาบาลรักษาจากนายแพทย์พวกเขาเองที่ประจำอยู่ ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจนถึงเวลาส่งกลับไปยังฐานทัพที่เกาะลังกา
บางครั้ง ญี่ปุ่นสามารถยิงเครื่องบินของฝ่ายสัมพันธมิตรตก เขาได้แต่ซากเครื่องบินที่ปรักหักพัง เจ้าหน้าที่ประจำเครื่องบินไม่เคยจับได้ ซากศพสักนิดหนึ่งก็ไม่มี ครั้นแล้วเจ้าหน้าที่ประจำเครื่องบินลำนั้นมาโผล่ที่วังสวนกุหลาบ เพื่อรับการพยาบาลรักษาจากนายแพทย์พวกเขาเองที่ประจำอยู่ ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจนถึงเวลาส่งกลับไปยังฐานทัพที่เกาะลังกา
ในระยะแรก ภายหลังที่สามารถมีการติดต่อทางวิทยุระหว่างคณะต่อต้านญี่ปุ่นกับฝ่ายอังกฤษและอเมริกาที่เกาะลังกา ไทยเริ่มส่งหนุ่มอาสาสมัครออกไปรับการฝึกอาวุธในต่างประเทศเป็นรุ่น ๆ ไป นักเรียนสารวัตรทหาร นักศึกษามหาวิทยาลัย ข้าราชการหนุ่ม ๆ ในกระทรวงทบวงกรมต่าง ๆ พากันหายหน้าไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง เมื่อสำเร็จตามหลักสูตรอบรมฝึกฝนสั้น ๆ ไม่ต้องรอรับประกาศนียบัตรก็พากันกลับ แล้วถูกส่งต่อไปประจำหน่วยใต้ดินทั่วราชอาณาจักร
ต่อมาการส่งผู้คนจำนวนมากออกไปฝึกในต่างประเทศต้องเตรียมการมากและสิ้นเปลือง สู้ให้อังกฤษอเมริกาส่งนายทหารเข้ามาทำการฝึกใช้อาวุธสมัยใหม่ การรบแบบกองโจร การใช้วิทยุสื่อสาร ฯลฯ ภายในประเทศไทยเองไม่ได้ นายทหารทั้งชั้นประทวนและสัญญาบัตรของอังกฤษและอเมริกาเสี่ยงภัยเข้ามา รวบรวมจัดตั้งเป็นหน่วยฝึกพลพรรคปฏิบัติการขึ้นถึง ๒๔ หน่วยด้วยกัน แยกแยะไปตามส่วนต่าง ๆ ของประเทศไทยตามแต่ความปลอดภัยจะอำนวยให้ที่สำคัญอยู่ที่กรุงเทพฯ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา นครปฐม กาญจนบุรี ชัยนาท อุทัยธานี สุโขทัย อุบลราชธานี สกลนคร เป็นหน่วยภายใต้การฝึกของอเมริกา ๑๓ หน่วย ของอังกฤษ ๑๑ แห่ง แต่ละหน่วยมีพลพรรคประมาณ ๕๐๐ คน อาวุธยุทธภัณฑ์ เครื่องมือสัมภาระสงคราม ประเภทปืนสั้น ปืนยาว ปืนยิงรถถังหุ้มเกราะ ปืนครก ลูกระเบิด ดินระเบิด เครื่องวิทยุสนาม ต่างหลั่งไหลเข้าไปสู่หน่วยพลพรรคไม่ขาดสาย เขาขอแต่อย่างเดียวว่า ต้องเก็บวัตถุเหล่านี้ไว้ให้พลพรรคใช้เท่านั้น ไม่ให้ส่งต่อแก่ทหารหรือตำรวจ เพราะเขาต้องการสนับสนุนแต่พวกใต้ดินที่จะผุดขึ้นสู้ญี่ปุ่นเมื่อถึงเวลา
นอกจากเตรียมการฝึกพลพรรคแล้ว คณะต่อต้านยังต้องทำหน้าที่ซึ่งทาง โอ.เอส.เอส. ก็ดี เอส.โอ.อี. ก็ดี เห็นเป็นของสำคัญอย่างยิ่งยวด คือการสืบราชการลับเพื่อให้ทราบเบาะแสการเคลื่อนไหวของกองกำลังทหารญี่ปุ่นในประเทศไทย ตลอดจนที่ตั้งคลังสรรพาวุธญี่ปุ่น คลังสัมภาระอื่น กองบัญชาการสนามของทหารญี่ปุ่น ตลอดจนจุดยุทธศาสตร์ เฉพาะอย่างยิ่งที่เก็บนํ้ามันเชื้อเพลิงอันขาดไม่ได้สำหรับการศึกสมัยใหม่ ทุกวันเมื่อข้าพเจ้าประจำอยู่ที่วังสวนกุหลาบ พันโท สำเริง เนตรายน จะต้องนำข้อสนเทศที่รวบรวมได้จากฝ่ายท้องที่มาประมวลแจ้งให้ผู้แทน โอ.เอส.เอส. ทราบเพื่อรายงานต่อไปยังเมืองแคนดี เมื่อฝ่ายสหประชาชาติต้องการข้อเท็จจริงในเรื่องใด หรือขอให้ขบวนการต่อต้านช่วยเหลือแก่ทหารของเขาที่ถูกญี่ปุ่นจับ หรือหายไปโดยไม่มีข่าวคราว ฝ่ายต่อต้านก็พยายามสอดแสวงหาให้อย่างดีที่สุดที่จะกระทำได้ การทิ้งระเบิดโดยทางเครื่องบินดูถูกต้องจุดหมายที่ต้องการดีขึ้นมาก มิต้องสุ่มสี่สุ่มห้าไปอย่างที่เคยมาก่อน แล้วเขายังทราบผลแน่นอนของการทิ้งระเบิดด้วย
รัฐบาลควง อภัยวงศ์ เป็นรัฐบาลบังหน้าที่มีประสิทธิภาพเต็มที่ในการแสดงออกว่ายังร่วมมือกับญี่ปุ่นอยู่ เปิดโอกาสให้ขบวนการต่อต้านแผ่ขยายตัวออกไปอย่างกว้างขวาง รวมบรรดาผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายตำรวจและทหาร มีการประชุมร่วมกันวางแผนปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด ทางฝ่ายญี่ปุ่นก็มีเหตุที่พอจะระแวงสงสัยไม่น้อย เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พลโท ชิต มั่นศิลป์ สินาดโยธารักษ์ รองแม่ทัพใหญ่ ออกคำสั่งลับสุดยอดถึงนายทหารภายใต้บังคับของกองทัพบกให้เตรียมพร้อมที่จะรักษาอธิปไตยและเอกราชของประเทศไทยจากการโจมตีของฝ่ายญี่ปุ่นทุกโอกาสและทุกวิธี ให้ทุกคนพร้อมสละชีพรักษาเกียรติศักดิ์ของชาติ ให้ผู้ที่หลบหนีทหารกลับเข้าประจำกรมที่สังกัด ให้ตรวจซ่อมอาวุธยุทธภัณฑ์ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยพร้อมที่จะใช้การได้เต็มอัตราศึก และให้ทำการฝึกซ้อมการสู้รบอย่างหนัก ผู้แทนกำลัง ๑๓๖ รายงานไปยังกองบัญชาการทหารสูงสุดฝ่ายสหประชาชาติที่แคนดีว่า มาตรการเหล่านี้ล้วนแต่เป็นปฏิปักษ์ต่อญี่ปุ่นทั้งนั้น และสืบเนื่องมาจากความพยายามของญี่ปุ่นที่จะบีบบังคับเข้าควบคุมกองทัพบกไทย
วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๔๘๘ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ส่งสาส์นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอเมริกันมีใจความสำคัญว่า ขบวนการต่อต้านญี่ปุ่นในประเทศไทย พยายามปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้แทนอเมริกาที่มิให้เร่งดำเนินการต่อศัตรูและในขณะเดียวกัน ไทยจะต้องขัดขวางการขอความช่วยเหลือของฝ่ายญี่ปุ่น ผู้สำเร็จราชการได้รับแจ้งจากรัฐบาลควง อภัยวงศ์ ว่าญี่ปุ่นขอสินเชื่ออีก ๑๐๐ ล้านบาท ซึ่งถ้าญี่ปุ่นจะยืนยันเอาให้ได้ รัฐบาลควงฯ จะลาออกจากตำแหน่งจำต้องมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะถือโอกาสประกาศยกเลิกความผูกพันต่าง ๆ ที่รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงครามทำไว้กับญี่ปุ่น รวมทั้งสนธิสัญญามอบดินแดนในมลายูและพม่าให้แก่ประเทศไทย รัฐบาลใหม่จะประกาศฟื้นความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ อย่างที่เป็นอยู่ก่อนการโจมตีเพิร์ลฮาเบอร์ ก่อนที่จะดำเนินงานตามแผนนี้ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ใคร่จะแจ้งให้รัฐบาลอเมริกาทราบล่วงหน้า และใคร่ขอให้รัฐบาลอเมริกาแถลงในวันที่เริ่มแผนดำเนินงานใหม่ว่า สหรัฐอเมริกาเคารพเอกราชของประเทศไทย และถือประเทศไทยเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ มิใช่ศัตรู ซึ่งจะเป็นกำลังนํ้าใจให้แก่ประชาชนชาวไทยที่พร้อมจะเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อการนี้ ผู้สำเร็จราชการแจ้งด้วยว่าได้มีสาส์นทำนองเดียวกันถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุดฝ่ายสัมพันธมิตรที่แคนดีแล้ว
นายกรูว์ ผู้รักษาการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอเมริกัน มีสาส์นตอบ ลงวันที่ ๒๘ เดือนเดียวกันว่า รัฐบาลอเมริกาตระหนักเป็นอย่างดีในความประสงค์ของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ที่จะลุกขึ้นสู้ศัตรู แต่เชื่อว่า ผู้สำเร็จราชการคงเห็นด้วยกับความจำเป็นที่จะต้องประสานการดำเนินงานต่อต้านญี่ปุ่นให้สมานเข้าด้วยกัน ไม่ควรที่ไทยจะปฏิบัติการเปิดเผยโดยลำพัง รัฐบาลอเมริกาหวังว่า ผู้สำเร็จราชการจะพยายามป้องกันมิให้เกิดการแตกหักขึ้น ซึ่งจะทำให้ญี่ปุ่นเข้ายึดอำนาจของรัฐบาลไทยอย่างสิ้นเชิง

นายปรีดี พนมยงค์ ในทศวรรษ 2480
นายกรูว์กล่าวต่อไปว่า ความประสงค์ของผู้สำเร็จราชการและของประชาชนไทยที่จะปฏิเสธการประกาศสงครามของจอมพล ป. พิบูลสงครามนั้นเป็นที่รับทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ยังมองไม่เห็นกระจ่างแจ้งว่า เหตุใดรัฐบาลควงจะต้องลาออกในขณะนี้ และมีสิ่งใดที่จะดลบันดาลให้รัฐบาลใหม่ต้องเริ่มงานด้วยการปฏิเสธการกระทำของรัฐบาลพิบูลสงคราม ขบวนการต่อต้านน่าจะปฏิบัติการให้ได้ผลดีกว่าตามเป้าหมาย ด้วยการโผล่ขึ้นจู่โจมตีการส่งกำลังบำรุงเส้นทางคมนาคมและกองกำลังของศัตรู และเข้ายึดตัวเจ้าหน้าที่ฝ่ายศัตรู ตลอดจนเอกสารและจุดที่สำคัญ ๆ การดำเนินทางการเมืองอาจจะตามทีหลังก็ได้ รัฐบาลอเมริกาให้ความสำคัญแก่การจะต้องมีรัฐบาลไทยโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญบนแผ่นดินไทยที่จะร่วมงานกับฝ่ายสัมพันธมิตร และหวังว่าคงจะมีการเตรียมการจัดให้มีรัฐบาลนิยมสัมพันธมิตรในเขตที่อิสระพ้นจากการควบคุมของญี่ปุ่นเพื่อปฏิบัติการทางทหารร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร สามารถทำการปกครองทางพลเรือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลอเมริกาไม่สามารถที่จะประกาศโดยลำพังให้ถือประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นสมาชิกสหประชาชาติได้ แต่ยินดีที่จะประกาศในเวลาอันสมควร ว่าเคารพเอกราชของประเทศไทยและไม่เคยถือไทยเป็นศัตรผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ส่งสาส์นตอบนายกรูว์เมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ชี้แจงว่า เหตุที่คิดว่าจำต้องมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ก็เพราะจะเปลี่ยนนโยบายสำคัญจากการร่วมมือกับญี่ปุ่นไปเป็นต่อต้านญี่ปุ่น ซึ่งหมายถึงการแตกหักกับญี่ปุ่น เป็นธรรมดาอยู่เองที่จะต้องจัดตั้งรัฐบาลนิยมสัมพันธมิตรขึ้นในแผ่นดินไทยเมื่อมีการสู้รบกับญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม เมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรยังไม่ประสงค์จะให้เกิดการแตกหักในตอนนั้น ผู้สำเร็จราชการจะพยายามสนองเจตจำนงของสัมพันธมิตร แต่ก็ไม่ใช่ง่ายนักเนื่องด้วยเหตุการณ์รัดตัวเข้ามาทุกที
วันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๔๘๘ นายบัลเลนไทน์ อธิบดีกรมตะวันออกไกล กระทรวงการต่างประเทศอเมริกัน เชิญลอร์ดแฮลิแฟ็กซ์ เอกอัครราชทูตอังกฤษ ไปพบเพื่อมอบบันทึกลงวันเดียวกัน สรุปท่าทีของทั้งสองประเทศเกี่ยวกับประเทศไทย โดยเริ่มกล่าวว่า นโยบายพื้นฐานและเป้าหมายของรัฐบาลอังกฤษและอเมริกาสำหรับประเทศไทย ละม้ายคล้ายคลึงกันในสาระสำคัญ ทั้งสองประเทศสนับสนุนให้ประเทศไทยกลับได้อิสรภาพ เอกราช และอธิปไตย เห็นพ้องกันว่า ไทยพึงคืนดินแดนที่ได้จากมลายู พม่า และอินโดจีน ทั้งสองประเทศไม่ต้องการดินแดนไทย และเชื่อในความจริงใจของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของไทยที่จะเข้าข้างสัมพันธมิตร ขับไล่ญี่ปุ่นออกจากประเทศไทย และช่วยในการจะเอาชนะญี่ปุ่นอย่างเด็ดขาด ทั้งสองประเทศเห็นว่ายังไม่ควรรับนับถือรัฐบาลนอกประเทศของไทยในขณะนั้น แล้วบันทึกได้กล่าวถึงปัญหาที่ทั้งสองประเทศยังไม่ประสานนโยบายให้สอดคล้องกันจำต้องมีการเร่งพิจารณาโดยด่วน เมื่อคำนึงถึงสภาวการณ์ทางทหารในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ
(๑) ความตกลงระหว่างประเทศหลังสงครามเกี่ยวกับประเทศไทย
นายอีเดนกล่าวในหนังสือลงวันที่ ๔ กันยายน และวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๔๘๗ ว่า ประเทศไทยจะต้องยอมรับความตกลงระหว่างประเทศหลังสงคราม ในข้อนี้ รัฐบาลอเมริกาเห็นว่า เมื่อถึงเวลาอันควร ประเทศไทยจะเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติโดยให้คำมั่นว่า จะให้ความร่วมมืออย่างที่รัฐที่มีอธิปไตยในความตกลงระหว่างประเทศทั้งหลายที่จะจัดทำขึ้น รัฐบาลอเมริกาเชื่อว่าไม่เป็นการสมควรที่จะใช้การยอมรับความตกลงดังกล่าวเป็นเงื่อนไขในการคืนเอกราชและอธิปไตยให้แก่ประเทศไทย
(๒) ความตกลงด้านความมั่นคง
ในหนังสือลงวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน นายอีเดนเสนอแนะให้ผู้เชี่ยวชาญทางทหารของสหรัฐอเมริกาและอังกฤษเป็นผู้พิจารณาว่า ควรมีการตกลงเพื่อความมั่นคงเกี่ยวกับคอคอดกระประการใดภายหลังสงคราม รัฐบาลอเมริกาเห็นด้วยในข้อนี้ และเชื่อว่าควรจะรวมถึงความตกลง เพื่อความมั่นคงเกี่ยวกับประเทศไทยทุกประการ ซึ่งจะต้องมีการปรึกษาหารือและตกลงกันระหว่างรัฐบาลทั้งสอง รัฐบาลอังกฤษและอเมริกาจะต้องไม่แสวงหาฐานทัพหรือทำความตกลงด้านความมั่นคงอื่นใดกับประเทศไทยโดยปราศจากความเห็นชอบของอีกรัฐบาลหนึ่ง ในด้านนี้ รัฐบาลอเมริกายังเห็นอีกว่า น่าจะให้ฝรั่งเศสและจีนเข้าร่วมด้วย
(๓) ความตกลงทางการค้า
รัฐบาลอเมริกาคาดว่า จะมีการกลับใช้สนธิสัญญาทางพาณิชย์กับประเทศไทยโดยเร็วที่สุด หวังว่ารัฐบาลไทยจะให้ผลปฏิบัติแก่คนชาติสหประชาชาติเท่าเทียมกัน รัฐบาลอเมริกาใคร่จะขอให้รัฐบาลอังกฤษยืนยันความเห็นด้วยกับหลักการนี้ ซึ่งมีจุดประสงค์ที่จะประกันเอกราชทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและความเสมอภาคในบรรดาคนชาติสหประชาชาติทั้งหลาย
(๔) ชายแดนไทย-อินโดจีน
รัฐบาลอเมริกาถือว่า การโอนดินแดนบางส่วนของอินโดจีนให้ประเทศไทยในปี ๒๔๘๔ ไม่สมบูรณ์ แต่ทั้งนี้ไม่ขัดต่อการปรับปรุงเขตแดนหรือการโอนดินแดนให้กันโดยสันติวิธี คนไทยเชื่อในความชอบธรรมของคำเรียกร้องว่าสอดคล้องกับประวัติศาสตร์และนิติธรรม เป็นที่เกรงกันว่า หากไม่มีการให้คำมั่นว่า คำเรียกร้องของไทยจะได้รับการพิจารณาด้วยดีและโดยสันติ ประชาชนชาวไทยอาจจะขัดขืนการคืนดินแดนเหล่านั้นให้แก่อินโดจีน ซึ่งจะทำให้สาเหตุแห่งการขัดกันร้ายแรงยิ่งขึ้น รัฐบาลอเมริกาหวังว่า รัฐบาลอังกฤษและจีนจะช่วยกันสนับสนุนให้มีการปรับปรุงโดยเร็ว
(๕) สถานะของรัฐบาลไทย
สหรัฐอเมริกาเลิกยอมรับนับถือรัฐบาลกรุงเทพฯ ภายหลังที่ได้ประกาศสงครามในเดือนมกราคม ๒๔๘๕ ถือประเทศไทยเป็นประเทศที่ศัตรูยึดครอง รัฐบาลไทยตกอยู่ใต้อำนาจศัตรู สหรัฐฯ ยังคงยอมรับนับถือทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน เป็นทูตของประเทศไทย เมื่อพฤติการณ์ที่ทำให้เกิดการไม่รับรองรัฐบาลไทยสิ้นสุดไป รัฐบาลอเมริกามีนโยบายที่จะรับรองรัฐบาลไทยโดยเร็วและกลับทำความสัมพันธ์ทางการทูตด้วยอย่างเดิม เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมายบนผืนแผ่นดินไทย ซึ่งปฏิเสธการประกาศสงครามของรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม และการทำความตกลงทั้งหลายกับญี่ปุ่น ประกาศสงครามกับญี่ปุ่น เริ่มการขัดขวางต่อต้านญี่ปุ่นอย่างเปิดเผย รัฐบาลอเมริกาหวังว่า รัฐบาลอังกฤษจะปฏิบัติทำนองเดียวกัน และปรารถนาจะให้รัฐบาลจีนและฝรั่งเศสเข้าร่วมด้วย แต่รัฐบาลอเมริกาจะไม่ทาบทามรัฐบาลทั้งสองนั้นก่อนที่จะได้ฟังความคิดเห็นของอังกฤษ รัฐบาลอเมริกาหวังว่า เมื่อพฤติการณ์เป็นอย่างที่กล่าวข้างต้นแล้ว สถานะสงครามระหว่างอังกฤษกับไทยจะเป็นอันสิ้นสุดไปโดยเร็ว และการสิ้นสุดสถานะสงครามนั้นจะไม่ขัดต่อความคิดเห็น ผลประโยชน์ หรือนโยบายของสหรัฐอเมริกา แต่กลับจะส่งเสริมการดำเนินการร่วมกันของอังกฤษและสหรัฐฯ ในตะวันออกไกล ตามแผนการกระจายกำลังของสัมพันธมิตรในสงครามญี่ปุ่น อาจเป็นได้ว่ากำลังทหารที่จะเข้าประเทศไทยจะได้แก่ทหารบริติชซึ่งขึ้นอยู่กับกองบัญชาการสัมพันธมิตรที่สหรัฐอเมริกามีส่วนร่วม ด้วยเหตุนี้เอง ความยุ่งยากอาจจะเกิดขึ้นแก่รัฐบาลทั้งสอง หากสถานะสงครามยังคงมีอยู่ระหว่างอังกฤษกับไทย ในเมื่อสหรัฐอเมริกาถือประเทศไทยเป็นประเทศที่จะต้องได้รับการปลดปล่อยจากศัตรู และรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมายของไทยได้รับการรับรองดังกล่าวข้างต้น
(๖) การปกครองพลเรือน และการควบคุมประเทศไทย
เนื่องจากจะไม่มีกำลังทหารอเมริกาในประเทศไทย รัฐบาลอเมริกาจะไม่ร่วมในการปกครองพลเรือนหรือการควบคุมใด ๆ แต่เนื่องจากนโยบายทางการเมืองของสหรัฐอเมริกา ประกอบกับสมรภูมิเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ภายใต้กองบัญชาการสัมพันธมิตร สหรัฐอเมริกาจึงมีความห่วงใยในความสัมพันธ์ซึ่งกำลังทหารที่จะเข้าไปในประเทศไทยในนามของกองบัญชาการสัมพันธมิตรจะทำกับรัฐบาลไทยและในลักษณะและขอบเขตของมาตรการควบคุมที่จะใช้กับประเทศไทย ฉะนั้นจึงหวังว่ารัฐบาลอังกฤษจะปรึกษาหารือกับรัฐบาลอเมริกาในการกำหนดมาตรการและทำความตกลงใด ๆ เพื่อประโยชน์แห่งความเข้าใจดีร่วมกัน
แท้ที่จริงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ๒๔๘๗ เป็นต้นมาแล้ว รัฐบาลอังกฤษศึกษาปัญหาเรื่องประเทศไทยโดยมิได้ละเลย หากแต่อังกฤษยังเจ็บไม่หายจากการที่ไทยหักหลังประกาศสงครามกับอังกฤษ ประกอบกับมีหลายกระทรวง ทบวง กรม ที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ทั้งยังต้องหารือกับรัฐบาลจักรภพบรรดาที่ได้รับความเสียหายจากการปฏิบัติของไทย บางประเทศถึงกับประกาศสงครามต่อประเทศไทยด้วยซํ้า มีการประชุมกันหลายขั้นตอน ปรับปรุง แก้ไขข้อเสนอมากมายหลายหน ยิ่งกว่านั้น ในเดือนกรกฎาคม ๒๔๘๘ มีการเลือกตั้งทั่วไปในประเทศอังกฤษ ทำให้มีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่จากพรรคอนุรักษ์นิยมเป็นพรรคกรรมกร นายเคลเมนต์ แอ็ตลี เข้าเป็นนายกรัฐมนตรีสืบแทนนายวินสตัน เชอร์ชิล มีนายแอร์เนส เบวิน เข้าว่าการต่างประเทศแทนนายแอนโทนี อีเดน จำต้องมีการพิจารณาด้านนโยบายใหม่อีก
อย่างไรก็ตาม บันทึกของรัฐบาลอเมริกาฉบับนี้ก่อให้เกิดความลำบากใจแก่รัฐบาลอังกฤษพอสมควร มีหลายข้อที่ทางกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษไม่เห็นด้วย อังกฤษจะไม่ยอมยกเลิกสถานะสงครามกับไทยอย่างง่าย ๆ ตามที่ฝ่ายอเมริกันเสนอ อังกฤษต้องการจะลงโทษไทยให้สาสมกับที่กล้าเข้ากับญี่ปุ่นประกาศสงครามต่ออังกฤษ มิหนำซํ้ายังคว้าเอาดินแดนบางส่วนด้านมลายูและพม่าเสียด้วย อังกฤษครุ่นคิดว่า เสร็จสงครามแล้วจะสามารถเข้ามาปกครองเมืองขึ้นทั้งหลายได้ตามเดิม นายเชอร์ชิลถึงกับกล่าวว่า ไม่ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อเป็นประธานในการสลายตัวของจักรวรรดิบริติช ยังมองไม่เห็นว่า ดินแดนเหล่านั้นวันหนึ่งจะกู้อิสรภาพของตนให้พ้นจากการครอบครองและควบคุมของอังกฤษได้ แล้วอังกฤษยังเคยสนับสนุนจะให้ฝรั่งเศสได้ดินแดนทางอินโดจีนคืนจากไทยอีกด้วย เจ้าหน้าที่ในกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษตำหนิบันทึกของอเมริกาว่าไม่คำนึงถึงสถานะความเป็นจริง เพียงพยายามจะกลบเกลือนความผิดของไทยจนจะให้อังกฤษกลายเป็นฝ่ายผิด การที่จะดึงเอาจีนเข้ามาพัวพันด้วย ก็ไม่คำนึงถึงเหตุผลทางประวัติศาสตร์ที่ไทยไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน จะทำให้เกิดความยุ่งยากระหว่างไทยกับจีนเนื่องจากปัญหาคนจีนในประเทศไทย อเมริกาต้องการจะขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจในประเทศไทยโดยอ้างความเสมอภาคระหว่างคนชาติสหประชาชาติ อเมริกาโอนอ่อนผ่อนตามไทยอย่างที่ไม่เคยปฏิบัติต่อประเทศฝ่ายอักษะในยุโรป สหรัฐอเมริกาประกาศสงครามตอบฮังการีและบัลแกเรีย โดยไม่ถือว่าที่ทั้งสองประเทศต้องประกาศสงครามต่อสหรัฐฯ ก็เพราะถูกนาซีเยอรมันบังคับ อเมริกาต้องการผูกมืออังกฤษไม่ให้จัดวางระบบรักษาความมั่นคงในภูมิภาคที่อังกฤษมีดินแดนในการปกครองอยู่โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากสหรัฐฯ
วันที่ ๘ กรกฎาคม กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษสั่งให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ตอบกระทรวงการต่างประเทศอเมริกันว่า อังกฤษกำลังพิจารณาหลักการเกี่ยวกับประเทศไทยอยู่ เกือบจะพร้อมเสนอรัฐบาลแล้ว หากแต่จะต้องรอให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเสียก่อน อังกฤษขอบใจที่อเมริกาเสนอให้มีการปรึกษาหารือเกี่ยวกับประเทศไทย ในระหว่างนี้ทูตอาจจะชี้แจงต่อกระทรวงการต่างประเทศอเมริกันว่า สถานะสงครามกับประเทศไทยมิใช่เป็นไปตามแบบพิธีเท่านั้น หากก่อให้เกิดปัญหามากมายที่จะต้องขจัดให้เรียบร้อยก่อนที่อังกฤษจะกลับทำความสัมพันธ์เป็นปกติกับรัฐบาลไทย อังกฤษหวังว่า รัฐบาลอเมริกาจะไม่ปล่อยให้ความเห็นอกเห็นใจไทยครอบงำความเป็นจริงเสียสิ้น ถ้าหากเกิดวิกฤตกาลขึ้นในประเทศไทย เช่น ญี่ปุ่นเข้ายึดอำนาจก่อนที่รัฐบาลอังกฤษจะตกลงใจในรายละเอียดของนโยบายเกี่ยวกับไทยแล้ว อังกฤษคิดว่า ทั้งสองรัฐบาลพึงปรึกษาหารือกันทันที เพื่อประสานการปฏิบัติให้กลมกลืนกันตามความจำเป็น อังกฤษหวังว่า รัฐบาลอเมริกาจะไม่ดําเนินการฝ่ายเดียวอันจะก่อให้เกิดความกระอักกระอ่วนแก่รัฐบาลอังกฤษที่เป็นคู่สงครามกับไทย และเพิ่มความยุ่งยากแก่การประสานนโยบายของอังกฤษและอเมริกา

This photo of a group of Free Thai members and US officers was one of many shown in a CIA Museum exhibit in 2000 entitled “Historic Photographs and Memorabilia of Thailand’s OSS Heroes. The photos and many of the artifacts have been transferred to the Thai government.
ที่มา: OSS and Free Thai Operations in World War II
การที่ฝ่ายต่อต้านญี่ปุ่นในประเทศไทยขยายวงปฏิบัติงานกว้างขวางออกไป รวมเอาทั้งตำรวจและทหารเข้ามาร่วมด้วย มีการประชุมปรึกษาหารือวางแผนการโดยใกล้ชิด รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เสนาธิการทหารบก อธิบดีกรมตำรวจ บุคคลสำคัญในวงราชการของไทย มีส่วนร่วมในขบวนการทั้งนั้น ฝ่ายญี่ปุ่นทราบระแคะระคายและมีความสงสัยในท่าทีของไทยเป็นอย่างมาก แม้ฝ่ายไทยจะพยายามปกปิดเพียงใดก็ตาม ญี่ปุ่นเตรียมการป้องกันค่ายที่พักทหาร จุดยุทธศาสตร์ที่อยู่ในความควบคุม สร้างป้อมตั้งรับปืนกลไว้ทั่วทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เมื่อ ญี่ปุ่นเตรียมตัว ฝ่ายไทยก็เตรียมบ้าง คุมเชิงกันอยู่ตลอดเวลาพลพรรคของขบวนการต่อต้าน ทหารบก ตารวจถูกสั่งให้อยู่ในลักษณะเตรียมพร้อม การแตกหักกับญี่ปุ่นจะดูใกล้เข้ามาทุกที ในเดือนมิถุนายนมีข่าวลือหนาหูว่า การกระทบกระทั่งระหว่างไทยกับญี่ปุ่น ดูจะหลีกเลี่ยงไม่พ้น บางเสียงถึงกับกำหนดวันเลยว่า ญี่ปุ่นจะเข้ายึดที่มั่นต่าง ๆ ของไทยในวันที่ ๑ กรกฎาคม หากไทยไม่คิดจู่โจมเสียก่อน กองบัญชาการทหารสูงสุดฝ่ายสัมพันธมิตรที่แคนดีร้อนใจมาก เพราะยังไม่อยู่ในฐานะที่จะเข้าช่วยไทยได้เต็มที่ ต้องคำนึงถึงภาระด้านสมรภูมิอื่นซึ่งเต็มมืออยู่แล้ว ถึงกับมีโทรเลขย้าเข้ามาทางผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ว่า ให้หลีกเลี่ยงการปะทะกันไว้ก่อน ถ้าหากฝ่ายไทยเป็นผู้ลงมือริเริ่มปฏิบัติการต่อญี่ปุ่น ไทยจะต้องรับผิดชอบ จะหวังความช่วยเหลือจากกองบัญชาการฯ ไม่ได้ แต่ถ้าญี่ปุ่นเข้ายึดไทย และไทยต่อต้านขัดขวาง ฝ่ายสัมพันธมิตรก็จะต้องเข้าช่วยเท่าที่จะกระทำได้ ในแผนการของฝ่ายสัมพันธมิตรนั้น การศึกกับญี่ปุ่นในประเทศไทยจะไม่เริ่มขึ้นก่อนสิ้นปี ๒๔๘๘ ก่อนหน้านั้นจำต้องระงับการทิ้งอาวุธยุทธภัณฑ์ทางเครื่องบินให้แก่ฝ่ายต่อต้านโดยเด็ดขาดเป็นการชั่วคราว
เมื่อมีการระงับการปฏิบัติงานของฝ่ายสัมพันธมิตรในประเทศไทย และมีการห้ามเด็ดขาด มิให้ฝ่ายขบวนการต่อต้านทำการยั่วยุญี่ปุ่นอย่างใดเลย เหตุการณ์ค่อยสงบลงบ้าง วันที่ ๑ กรกฎาคมผ่านไปโดยญี่ปุ่นไม่ได้เข้ายึด และไทยก็ไม่ได้ก่อกวน แต่ในวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ภายหลังที่ได้ตรวจกำลังป้องกันของฝ่ายญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ แล้ว นายพลโท นากามูระ ผู้บัญชาการกองทัพญี่ปุ่นในประเทศไทย ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์มีข้อความสำคัญว่า ญี่ปุ่นรู้สึกห่วงใยที่มีผู้กล่าวเป็นทำนองว่า ญี่ปุ่นจะแพ้สงครามแน่นอน เห็นสมควรที่ไทยจะพยายามทำความเข้าใจและทำความตกลงกับฝ่ายสหประชาชาติเสีย มีผู้เชื่อว่า ฝ่ายสัมพันธมิตรช่วยสร้างสนามบินลับในประเทศไทยหลายแห่ง พวกเหล่านี้เข้าใจผิดหลงคิดไปว่า ญี่ปุ่นจะถูกขับไล่ออกจากประเทศไทยไปได้ง่าย ๆ นายพลโท นากามูระยืนยันหนักแน่นว่า ทหารญี่ปุ่นในประเทศไทยจะทำการต่อสู้กับศัตรูจนคนสุดท้าย จะไม่ยอมรามือ ในการนี้ ญี่ปุ่นต้องอาศัยความร่วมมืออย่างเต็มที่จากคนไทย ญี่ปุ่นทราบว่า อังกฤษมีกองพลร่มอยู่ในพม่าใกล้บริเวณชายแดนติดต่อกับประเทศไทย พร้อมที่จะลงมือปฏิบัติการแทบทุกคืนมีการทิ้งอาวุธและผู้คนลงในเขตไทย
พลจัตวา เจ๊กส์รายงานกองบัญชาการทหารสูงสุดฝ่ายสัมพันธมิตรว่า ญี่ปุ่นเชื่อว่ามีบุคคลสำคัญของประเทศไทยติดต่ออยู่กับฝ่ายสัมพันธมิตร ญี่ปุ่นสงสัยตำรวจไทยมาก ส่วนกองทัพบกนั้นญี่ปุ่นยังไม่แน่ว่าจะร่วมอยู่กับฝ่ายสัมพันธมิตรเพียงใด ทางนายเดนิ่งรายงานกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคมว่า ไม่คิดว่าญี่ปุ่นจะกล้าทำการยึดประเทศไทย เพราะจะทำให้เกิดปัญหาไม่น้อย ถ้าญี่ปุ่นจะคิดยึดจริง ก็คงไม่กล่าวเตือนไทยเช่นนั้น หากเป็นเพียงต้องการให้ไทยสำนึกว่า ญี่ปุ่นก็ทราบเหมือนกันว่า ไทยอาจจะกระทำสิ่งใด เป็นการสำทับให้ไทยบำเพ็ญตนให้ดีกว่าที่กระทํากันอยู่
ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม นายเดนิ่งรายงานกระทรวงการต่างประเทศต่อว่า สถานการณ์ภายในประเทศไทยตึงเครียดยิ่งขึ้น ไม่แน่ว่าญี่ปุ่นจะจัดการกับประเทศไทยหรือไม่ และไทยจะโต้ตอบอย่างใด เนื่องจากฝ่ายสัมพันธมิตรยื่นคำขาดต่อญี่ปุ่นวางเงื่อนไขในการยอมจำนนของญี่ปุ่น เป็นธรรมดาอยู่เองที่ฝ่ายไทยย่อมอยากจะก่อให้เกิดวิกฤติกาลขึ้น เพื่อประกาศตนเปิดเผยเข้าข้างฝ่ายสัมพันธมิตรก่อนที่ญี่ปุ่นจะยอมจำนน
ฝ่ายอังกฤษยังคงไม่อยากให้ถึงขั้นแตกหัก เกรงว่าญี่ปุ่นเกิดหน้ามืดขึ้นมาเข้ายึดประเทศไทยจริงจัง จะเพิ่มความยุ่งยากให้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตรไม่น้อย นายเดนิ่งสั่งพลจัตวา เจ๊กส์เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ก่อนที่พลจัตวา เจ๊กส์จะเดินทางกลับประเทศไทย ว่าให้พยายามขอร้องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มิได้ดำเนินการใด ๆ ก่อนที่จะได้ปรึกษาหารือกับรัฐบาลอังกฤษและอเมริกา นายเดนิ่งเห็นด้วยกับพลจัตวา เจ๊กส์ว่า การประกาศสงครามต่อญี่ปุ่นตอนนั้น จะถือเป็นการหักหลังญี่ปุ่นในวาระสุดท้ายอันจะไม่งาม ญี่ปุ่นอาจปฏิบัติการต่อประเทศไทย และไม่ยอมให้การยอมจานนของญี่ปุ่นต่อสัมพันธมิตรคลุมถึงประเทศไทยด้วย หากพฤติการณ์เป็นเช่นนั้น จะเป็นอุปสรรคต่อเป้าหมายสำคัญของอังกฤษสองประการ คือ การปลดปล่อยเชลยศึกสัมพันธมิตรในประเทศไทย และการเอาข้าวไทย ถ้าผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เพียงตัดความสัมพันธ์กับญี่ปุ่นโดยไม่ถึงประกาศสงคราม และประกาศยกเลิกความตกลงต่าง ๆ กับญี่ปุ่น จะก่อให้เกิดผลยุ่งยากน้อยกว่า
ในระหว่างที่โยนหัวโยนก้อยกันว่า ไทยจะต้องสู้กับญี่ปุ่นภายในประเทศไทยหรือไม่นี้ คนไทยทุกคนย่อมเสี่ยงต่อภัยของการศึกใกล้ตัวเป็นอย่างมาก ผู้ที่ล่อแหลมที่สุด เสมือนหนังหน้าไฟ ได้แก่ ท่านปรีดี พนมยงค์ เพราะญี่ปุ่นตระหนักมาแต่ต้นสงครามแล้วว่า ท่านไม่เห็นด้วยกับการร่วมมือกับญี่ปุ่น และคอยขัดขวางมาโดยตลอด หากเกิดเรื่องแตกหักกับญี่ปุ่นแล้ว คนแรกที่ญี่ปุ่นจะต้องเข้าจับก็คือท่านปรีดี จะเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์หรือไม่ ไม่สำคัญ ญี่ปุ่นคงไม่คำนึงถึงตอนนั้น ผู้ที่เดือดร้อนอีกพวกหนึ่งก็คือ คนชาติอังกฤษที่ยังคงเป็นผู้ถูกกักกัน พลเรือนในค่ายวชิราวุธวิทยาลัย ทุกคนเคยทราบผลปฏิบัติที่ญี่ปุ่นให้แก่เชลยศึกและผู้ถูกกักกันพลเรือนของญี่ปุ่นในเขตอื่น ๆ มาแล้ว ถ้าต้องเปลี่ยนฐานะจากการอยู่ในความควบคุมของไทยไปเป็นความควบคุมของญี่ปุ่นคงจะไม่สู้สนุกนัก ม.ร.ว.พงศ์พรหม จักรพันธ์ุ ผู้อำนวยการค่าย ถึงกับกระซิบให้ผู้ถูกกักกันทุกคนทราบว่า เมื่อเข้าด้ายเข้าเข็มจริง ๆ แล้ว ประตูค่ายจะเปิดกว้าง ผู้ถูกกักกันผู้ใดจะไปไหนก็ได้ตามความสามารถของแต่ละคน ต่างต้องเอาตัวรอดด้วยตัวเอง จะอาศัยความคุ้มครองป้องกันจากฝ่ายไทยไม่ได้อีกต่อไป
หมายเหตุ :
- กองบรรณาธิการสถาบันปรีดี พนมยงค์ ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ต้นฉบับจากศูนย์ศึกษาการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศแล้ว
- ศาสตราจารย์กนต์ธีร์ ศุภมงคล, เรื่อง “การกระชับงานต่อต้าน”, การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ ถึง ๒๔๙๕ (กรุงเทพฯ : ศูนย์ศึกษาการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ, ๒๕๖๖), น. 247-266.
บรรณานุกรม :
- ศาสตราจารย์กนต์ธีร์ ศุภมงคล, เรื่อง “การกระชับงานต่อต้าน”, การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ ถึง ๒๔๙๕ (กรุงเทพฯ : ศูนย์ศึกษาการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ, ๒๕๖๖), น. 247-266.
บทความที่เกี่ยวข้อง :
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 1 : สงครามโลกครั้งแรก
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 2 : สงครามโลกครั้งที่ ๒
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 3 : วิเทโศบายของไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 4 : การเรียกร้องดินแดนคืน
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 5 : การรักษาความเป็นกลางของประเทศไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 6 : ประเทศไทยเข้าสงครามข้างญี่ปุ่น
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 7 : ผลกระเทือนของการร่วมมือกับญี่ปุ่น
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 8 : สองปีในญี่ปุ่น ภาค 1 การต่างประเทศไทย หลัง ประกาศสงครามกับอังกฤษและสหรัฐฯ
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 8 : สองปีในประเทศญี่ปุ่น ภาค 2 ภารกิจหลังการตั้งกระทรวงกิจการมหาเอเชียบูรพา
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 9 : ขบวนการต่อต้านญี่ปุ่นภายในประเทศไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 10 : เสรีไทยเข้าประเทศไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 11 : ท่าทีของอังกฤษต่อประเทศไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 12 : ความคลี่คลายของเหตุการณ์ภายในประเทศไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 13 : ความพยายามติดต่อทางการเมืองกับอังกฤษ
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 14 : นายสุนี เทพรักษา