๗. การยกเลิกความตกลงสมบูรณ์แบบ
เมื่อรัฐบาลไทยสามารถตกลงกับฝ่ายสัมพันธมิตรได้ ทั้งในปัญหาเรื่องค่าทดแทน ความเสียหายระหว่างสงครามและสินทรัพย์ญี่ปุ่นในประเทศไทยแล้ว ฝ่ายไทยยก เรื่องขอยกเลิกความตกลงสมบูรณ์แบบที่ยังรอการตัดสินใจของฝ่ายอังกฤษอยู่ให้ มีการพิจารณาต่อ ครั้นวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๔๙๗ มีการแลกเปลี่ยนหนังสือ ระหว่างเสด็จในกรมฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กับนายวัลลิงเจอร์ เอกอัครราชทูตอังกฤษ กำหนดเงื่อนไขสุดท้ายในการเลิกไว้ ดังนี้คือ
(ก) ความสัมพันธ์ทางสันติและมิตรไมตรีระหว่างทั้งสองประเทศยังคงดำรงไว้ต่อไป โดยไม่มีกำหนดเวลา
(ข) การเลิกความตกลงสมบูรณ์แบบ ไม่กระทบกระเทือนถึงความสมบูรณ์ของ การใด ๆ ที่ได้กระทำตามบทบัญญัติของความตกลงดังกล่าวรวมทั้งสนธิสัญญาหรือ ความตกลงระหว่างประเทศที่รัฐบาลไทยยอมรับผูกพัน
(ค) รัฐบาลไทยและรัฐบาลอังกฤษรับจะทำอนุสัญญาว่าด้วยการกงสุลต่อกัน
(ง) รัฐบาลไทยรับจะทำความตกลงกับรัฐบาลอังกฤษเพื่อบำรุงรักษาสุสานสงครามในประเทศไทยของบรรดาทหารอังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหภาพแอฟริกาใต้ อินเดีย และปากีสถาน ที่ต้องเสียชีวิตในสงครามระหว่างปี ๒๔๘๒-๒๔๘๘
สำหรับเรื่องการห้ามมิให้ประเทศไทยขุดคอคอดกระและปัญหาความมั่นคงร่วมกันที่รัฐบาลอังกฤษสนใจอยู่มากนั้น เมื่อเสด็จในกรมนราธิปพงศ์ประพันธ์ในฐานะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เสด็จพบลอร์ดเรดิ้ง ผู้ทำการแทนนายแอนโทนี อีเดน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ ในวันที่ ๗ ตุลาคม
๒๔๙๕ พระองค์ประทานคำยืนยันด้วยวาจาต่อฝ่ายอังกฤษว่า ประเทศไทยไม่คิดจะขุดคอคอดกระ ซึ่งจะต้องใช้จ่ายสิ้นเปลือง และมีอุปสรรคทางวิศวกรรมมากหลาย ในด้านการรักษาความมั่นคง ประเทศไทยพร้อมที่จะเข้าร่วมทำความตกลงภายในกรอบองค์การสหประชาชาติ
๘. การประนอมเรื่องดินแดนอินโดจีน
ตามที่ได้กล่าวแล้วในบทที่ ๒๕ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ ในการประชุมสมัชชาสมัยที่ ๑ ปลายปี ๒๔๘๙ รัฐบาลไทยต้อง ยินยอมทำความตกลงระงับกรณีกับรัฐบาลฝรั่งเศสเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน คืนดินแดนทางอินโดจีนที่ได้มาโดยการไกล่เกลี่ยของญี่ปุ่นในปี ๒๔๘๔ ทั้งสองฝ่ายตกลงจัดตั้งคณะกรรมการประนอมขึ้นคณะหนึ่งประกอบด้วย ผู้แทนภาคีสองคนและผู้เป็นกลางสามคน ตามความในกรมสารทั่วไปนครเจนีวาลงวันที่ ๒๖ กันยายน ค.ศ. ๑๙๒๘ คณะกรรมการประนอมนี้จะทำหน้าที่พิจารณาคารมทางเชื้อชาติ ภูมิศาสตร์และเศรษฐกิจของประเทศไทยและฝรั่งเศสเพื่อที่จะแก้ไขหรือยืนยันข้อความในสนธิสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศสเกี่ยวกับดินแดนรวม ๓ ฉบับ คือ สนธิสัญญาลงวันที่ ๓ ตุลาคม ค.ศ. ๑๘๙๓ อนุสัญญาลงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๐๔ และสนธิสัญญาลงวันที่ ๒๓ มีนาคม ค.ศ. ๑๙๐๗
รัฐบาลไทยแต่งตั้งพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร เป็นกรรมการประนอมรัฐบาลฝรั่งเศสตั้งนาย พี. อี. นักกียาร์ เป็นกรรมการ สำหรับกรรมการผู้เป็นกลางนั้น โดยที่สหรัฐอเมริกาและอังกฤษสนใจในเรื่องดินแดนทางอินโดจีนมาโดยตลอด ฝ่ายไทยเสนอนาย ดับบลิว. ฟิลลิปส์ ชาติอเมริกัน เซอร์จอร์ช แซนซัมชาติอังกฤษ และ ดร.สุโม คนชาติจีน ฝ่ายฝรั่งเศสไม่ขัดข้องสำ หรับสองคนแรก แต่ไม่ยอมรับคนชาติจีน กลับเสนอนาย วี. เอ. เบลาอุนเด คนชาติเปรู หรือพันเอกอีสท์แลง คนชาติสวิส เซอร์จอร์ช แซนซัม ติดราชการของอังกฤษไม่สามารถรับตำแหน่งได้ ฝ่ายไทยจึงเสนอเซอร์โฮรัส เซย์มัวร์ แทน ในที่สุดทั้งสองฝ่ายตกลงเลือก นาย วี. เอ. เบลาอุนเด คนชาติเปรู นาย ดับบลิว. ฟิลลิปส์ คนชาติอเมริกัน และ เซอร์โฮรัส เซย์มัวร์ คนชาติอังกฤษ ประกอบเป็นคณะกรรมการประนอม ตั้งทำการที่กรุงวอชิงตัน ทำหน้าที่คล้ายผู้พิพากษาพิจารณาคดีดินแดนที่โต้แย้งกันอยู่ระหว่างประเทศไทยกับประเทศฝรั่งเศส ทั้งสองฝ่ายแต่งตั้งตัวแทนของตนทำหน้าที่เสมือนทนาย ฝ่ายไทยตั้งหม่อมเจ้าสกลวรรณากร วรวรรณ และนายเตียง ศิริขันธ์ เป็นตัวแทน ฝ่ายฝรั่งเศสตั้ง นาย เอฟ. ลาคอสต์ และ นาย เจ. บูรเนย์
หม่อมเจ้าสกลวรรณากร วรวรรณ
นายเตียง ศิริขันธ์
เป็นที่ทราบแต่ต้นแล้วว่า ฝรั่งเศสพร้อมจะพิจารณาปรับปรุงเขตแดนระหว่างไทยกับอินโดจีนฝรั่งเศสเล็ก ๆ น้อย ๆ เฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับเกาะแก่งในลำนํ้าโขงส่วนฝ่ายไทยอยากจะให้มีการปรับปรุงดินแดนตลอดแนวเป็นการใหญ่ เพื่อให้เขตแดนเป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อการนี้จำต้องพิจารณาแก้ไขสัญญาทุกฉบับที่ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนให้ฝรั่งเศสตั้งแต่ก่อน ร.ศ. ๑๑๒
ปลายเดือนเมษายน ๒๔๙๐ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ทรงส่งโทรเลขถึงกระทรวงการต่างประเทศว่า ปรึกษาหารือกันกับคณะตัวแทนไทย เห็นสมควรให้เชิญท่านรัฐบุรุษอาวุโสออกไปช่วยงานด้านการประนอม ตอนนั้นข้าพเจ้าได้รับโทรศัพท์จากท่านรัฐบุรุษอาวุโสให้ไปหาที่ทำเนียบ เมื่อข้าพเจ้าไปถึงทราบว่า ท่านรัฐบุรุษอาวุโสได้รับโทรเลขส่วนตัวจากนายเตียง ศิริขันธ์ ขอให้ออกไปช่วยงานทางคณะตัวแทน เพราะไม่สามารถทำความเข้าใจกับหม่อมเจ้าสกลวรรณากร วรวรรณได้ท่านทรงถือความเห็นขององค์ท่านเป็นเกณฑ์ ไม่ยอมรับฟังความเห็นหรือข้อเสนอของนายเตียง ท่านรัฐบุรุษอาวุโสเป็นผู้ที่องค์ท่านนับถือและยำเกรง อาจจะช่วยให้งานของคณะตัวแทนไทยก้าวหน้าไปได้โดยราบรื่น ท่านรัฐบุรุษอาวุโสใคร่จะฟังความเห็นของข้าพเจ้าเกี่ยวกับการประนอมเรื่องดินแดนนี้ ข้าพเจ้าแสดงความรู้สึกว่าดินแดนที่ไทยเสียกลับคืนให้แก่ฝรั่งเศสโดยความตกลงหลังสงคราม ข้าพเจ้าคิดว่าคงไม่มีทางที่จะได้คืนมาอีก ท่านรัฐบุรุษอาวุโสจะออกไปช่วยหรือไม่ จะไม่เปลี่ยนแปลงผลของการประนอม การออกไปช่วยอย่างดีก็เสมอตัว ถ้าไม่สำเร็จก็จะเสียชื่อข้าพเจ้าเลยแนะตามวิสัยคนหนุ่มว่า ท่านรัฐบุรุษอาวุโสเหน็ดเหนื่อยทำงานสนอง ชาติบ้านเมืองมาเป็นเวลาช้านาน เป็นรัฐมนตรีก็หลายตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีก็เป็นแล้ว ทั้งยัดงเคยเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แต่ผู้เดียวด้วย ต้องตรากตรำทำงาน เสรีไทยหลายปีด้วยการเสี่ยงภัยส่วนตัว ประเทศไทยมิใช่เป็นของท่านผู้เดียว คนที่มีความรู้ความสามารถมีมากมาย น่าจะปล่อยให้ผู้อื่นกระทำกันบ้าง ท่านจะไดพักผ่อนตามควรเสียที ท่านฟังข้าพเจ้าโดยมิได้ปริปากประการใด เพียงแต่กล่าวว่าท่านจะใคร่ครวญดูอีกชั้นหนึ่ง
นายปรีดี พนมยงค์
รุ่งขึ้น ท่านโทรศัพท์ตามให้ไปพบที่ทำเนียบอีก แจ้งว่าท่านได้ตริตรองโดยรอบคอบแล้ว เมื่อนายเตียงรํ่าร้องขอมา ท่านจะปฏิเสธไม่ได้ เห็นจะต้องออกไปช่วยส่วนจะได้ผลหรือไม่ก็แล้วแต่ แล้วท่านปรารภว่า สุขภาพของท่านไม่สมบูรณ์ มีโรคประจำตัว จำต้องได้นายแพทย์ติดตามไปด้วย พวกที่เดินทางไปราชการในสหรัฐอเมริกาสมัยนั้นได้รับเบี้ยเลี้ยงวันละ ๕๐ เหรียญ ท่านเห็นว่าสูงเกินสมควร การที่ท่านจะ ให้มีนายแพทย์ประจำตัวไปกับท่าน ท่านเกรงใจ ไม่กล้าขอเบิกเบี้ยเลี้ยงจากรัฐบาลเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว ท่านอยากจะให้ข้าพเจ้าเดินทางไปกับท่านในหน้าที่ราชการโดยขอให้ข้าพเจ้าแบ่งเบี้ยเลี้ยงที่ข้าพเจ้าจะได้รับวันละ ๕๐ เหรียญ ให้แก่นายแพทย์ของท่านครึ่งหนึ่ง ท่านเน้นว่า ท่านไม่รํ่ารวย บางทีเมื่อมีความจำเป็น เคยขอให้ภริยาขายทรัพย์สินส่วนตัวใช้ คราวนี้จะไปกวนเรื่องไปเจนีวาอีกก็เกรงใจ ข้าพเจ้าตอบว่าท่านทราบความเห็นของข้าพเจ้าแล้วว่า ท่านไม่ควรไป เพราะจะไม่เป็นประโยชน์แต่เมื่อท่านตกลงใจจะไปและต้องการให้ข้าพเจ้าไปด้วยเงื่อนไขของท่าน ข้าพเจ้าไม่ขัดข้อง ท่านรัฐบุรุษอาวุโสขอบใจที่ข้าพเจ้ายินยอมตามคำร้องขอ ท่านเสนอขอตัวข้าพเจ้าไปทางพลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ตอบข้อขัดข้องมา อ้างว่ามีข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่สามารถออกไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศอยู่แล้วหลายคน ทางกระทรวงจำต้องมีผู้คอยรับงานบ้าง ขอให้ท่านเลือกเห็นคนอื่นไป ข้าพเจ้าเป็นอันรอดตัว ไม่ต้องไปมีส่วนในการประนอมดินแดนทางอินโดจีนคราวนั้น
ภายหลังที่ได้ฟังคารมเคร่งเครียดของทั้งสองฝ่ายเป็นเวลาแรมเดือน ในที่สุดคณะกรรมการประนอมลงข้อยุติเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๔๙๐ พอสรุปได้ดังนี้คือ
๑. คณะกรรมการประนอมไม่สนับสนุนคำเรียกร้องของรัฐบาลไทยทางอาณาเขตลานช้าง (หลวงพระบางฝั่งขวา) ในราชอาณาจักรลาว บทบัญญัติของอนุสัญญาลงวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๐๔ เป็นอันไม่ควรแก้ไข
๒. คณะกรรมการประนอมไม่สนับสนุนคำ เรียกร้องของรัฐบาลไทยทางฝั่งซ้ายของแม่นํ้าโขง บทบัญญัติของสนธิสัญญาลงวันที่ ๓ ตุลาคม ค.ศ. ๑๘๙๓ เป็นอันไม่ควรแก้ไข แต่อาจจะมีการปรับปรุงเส้นเขตแดนในแม่นํ้าโขงเพื่อให้ถือร่องนํ้าเดินเรือที่สำคัญ และควรขยายอำนาจหน้าที่ของคณะข้าหลวงใหญ่แม่นํ้าโขงให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
๓. คณะกรรมการประนอมไม่สนับสนุนคำเรียกร้องของรัฐบาลไทยทางอาณาเขตจำปาศักดิ์เป็นการยืนยันบทบัญญัติอนุสัญญาลงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๐๔ เช่นเดียวกัน
๔. ทางด้านพระตะบอง คณะกรรมการประนอมก็ไม่สนับสนุนคำเรียกร้องของรัฐบาลไทยอีก ควรเป็นไปตามบทสนธิสัญญาลงวันที่ ๒๓ มีนาคม ค.ศ. ๑๙๐๗ เช่นเดิม
๕. คณะกรรมการประนอมขอให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาทำความตกลงกันในเรื่องการประมงในทะเลสาบของกัมพูชาเพื่อให้ไทยได้ประโยชน์พอสมควร
๖. เสนอแนะให้ทั้งสองฝ่ายพิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาขึ้นที่กรุงเทพฯเพื่อศึกษาปัญหาทางวิชาการต่าง ๆ อันเป็นประโยชน์ตกได้แก่ประเทศทั้งสี่ในแหลมอินโดจีน
คณะกรรมการประนอมให้เหตุผลประกอบข้อยุติว่า ได้จำกัดการศึกษาและการพิจารณา โดยอาศัยมูลฐานทางเชื้อชาติ ภูมิศาสตร์ และเศรษฐกิจ มิได้ถือปัญหาการเมืองและประวัติศาสตร์เป็นข้อคำนึง คณะกรรมการยืนยันว่า การโอนดินแดนจากอาณาเขตหนึ่งไปยังอีกอาณาเขตหนึ่งโดยปราศจากความยินยอมของพลเมืองที่พำนักอาศัยอยู่ จะไม่เป็นคุณแก่ประชาชนชายแดนทั้งสองข้าง ข้อสำคัญอยู่ที่เสรีภาพในการติดต่อทางชายแดนโดยสวัสดิภาพและความผาสุกที่แท้จริง เขตปลอดการศุลกากรและปลอดทหาร ๒๕ กิโลเมตรทั้งสองฝั่งของชายแดน ย่อมจะส่งเสริมการสร้างสรรค์ทางไมตรีระหว่างชุมชนที่เกี่ยวข้องแล้ว
รัฐบาลไทยรู้สึกผิดหวังในข้อยุติของคณะกรรมการประนอม เพราะตั้งความคาดหวังไว้สูง ทำให้เกิดผิดหวังรุนแรง แต่ก็ไม่มีทางที่จะกระทำอย่างใดได้ นอกจากปฏิเสธไม่เห็นด้วยกับข้อยุตินั้นเมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ โดยอ้างว่า คณะกรรมการประนอมไม่ได้ฟังเจตจำนงของประชาชนในท้องที่ และไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยตนเองให้ถ่องแท้ ไทยจึงได้แต่สงวนสิทธิอันพึงมีพึงได้ตามกฎบัตรสหประชาชาติว่าด้วยการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธี
สำหรับข้าพเจ้า ไม่ผิดหวังเนื่องจากไม่ได้หวังสิ่งใดจากคณะกรรมการประนอมอยู่แล้ว หากเพียงครุ่นคิดต่อไปว่า ทำอย่างไรประเทศไทยจึงจะสามารถช่วยเพื่อนบ้านในอินโดจีนให้ได้รับอิสรภาพ เอกราช และอธิปไตยคืน โดยไม่จำต้องอยู่ ภายใต้การปกครองของต่างชาติในวันหนึ่งข้างหน้าเท่านั้น
ฝ่ายฝรั่งเศสโต้คารมไม่ยอมรับข้อยุติของไทยเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๔๙๐ ว่าการอ้างว่าประชาชนในท้องที่มิได้รับโอกาสแสดงเจตจำ นงของตน ไม่เป็นเหตุผลที่ชอบ กฎหมายระหว่างประเทศไม่รับรู้อำนาจของรัฐหนึ่งที่จะเรียกร้องให้มีการแสดงเจตจำนงเช่นนั้นในรัฐอื่น นอกจากจะมีข้อตกลงกันไว้เป็นพิเศษ ความตกลงระงับกรณี กรุงวอชิงตันไม่ได้กล่าวถึงความข้อนี้ไว้ ส่วนที่จะเกณฑ์ให้คณะกรรมการประนอมตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยตนเองนั้น ความตกลงกรุงวอชิงตันก็หาได้กำหนดให้คณะกรรมการต้องกระทำเช่นนั้นไม่ หากเพียงให้พิจารณาเรื่องตามคารมที่คู่กรณีแต่ละฝ่ายเสนอเท่านั้น คณะกรรมการจึงไม่มีความผูกพันที่จะต้องแสวงหาข้อเท็จจริงอื่นอีกนอกเหนือไปจากที่ได้รับจากคู่กรณี
ตอนนั้น นายจิลแบรต์ ทูตฝรั่งเศสประจำกรุงเทพฯ ใช้วิธีวิ่งเข้าหาจอมพล ป. พิบูลสงคราม ถึงกับเสนอให้รัฐบาลฝรั่งเศสให้คำรับรองรัฐบาลของจอมพล ป. พิบูล สงคราม โดยไม่รอรัฐบาลอังกฤษและอเมริกัน ท่านจอมพล ป. พิบูลสงครามให้ความหวังแก่นายจิลแบรต์ว่า ไม่มีความมุ่งมาดปรารถนาในดินแดนพิพาทนั้นอีกและถ้าหากกลับเข้ามามีอำนาจ ก็จะช่วยขจัดการดำเนินงานลับของพวกเวียดมินห์ในประเทศไทยซึ่งกำลังแข็งข้อกับฝรั่งเศส
ครั้นเมื่อจอมพล ป. พิบูลสงคราม เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใหม่ ได้แถลงต่อสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๔๙๑ ว่า ความตกลงสมบูรณ์แบบกับอังกฤษประกาศเลิกอนุสัญญากรุงโตเกียวลงวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๔๘๔ ไทยเรียกร้องไปทางสหประชาชาติไม่ได้ผล คณะกรรมการประนอมก็ไม่รับข้อเรียกร้องของไทย จึงถือได้ว่าปัญหาสุดสิ้นลงแล้ว นายวิตติงตัน อุปทูตอังกฤษ รายงานกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายนว่า เท่าที่สดับตรับฟังจากบุคคลในคณะรัฐบาลไทย ปัญหาเรื่องดินแดนกับฝรั่งเศสยังไม่ยุติสิ้นสุดลงอย่างแท้จริง หากเพียงชะงักไว้ชั่วคราว จนกว่าจะถึงเวลาอันเหมาะสมที่จะรื้อฟื้นขึ้นให้มีการพิจารณาใหม่ ทั้งไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่ไทยจะจัดการอย่างจริงจังกับพวกเวียดมินห์ในประเทศไทย
ต่อมาฝ่ายฝรั่งเศสขอเชิญให้รัฐบาลไทยส่งคณะผู้แทนทางทหารไปเยือนอินโดจีนรัฐบาลไทยตกลงรับคำ เชิญ และได้มอบให้พลโท หลวงกาจสงคราม เป็นหัวหน้าคณะพร้อมกับผู้แทนกองทัพบก-เรือ-อากาศทั้งสามเหล่า ออกเดินทางเมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๔๙๑ ไปเยือนอินโดจีน ในเวลา ๗ วัน โดยกำหนดวัตถุประสงค์ไว้สามประการ คือ (๑) เพื่อกลับสถาปนาความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างไทยกับฝรั่งเศส (๒)เพื่อพิจารณาปัญหาการร่วมมือในการปราบโจรชายแดน (๓) เพื่อรักษาสันติภาพและความสงบเรียบร้อยทางชายแดน ฝ่ายฝรั่งเศสพยายามจัดการต้อนรับเป็นอย่างดีประสงค์จะให้ไทยบรรเทาความเป็นปฏิปักษ์ต่อฝรั่งเศส กงสุลใหญ่อังกฤษประจำไซ่ง่อนส่งรายงานถึงกระทรวงต่างประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ ๒๙ กันยายนเกี่ยวกับการเยือนอินโดจีนของคณะผู้แทนทางทหารไทยคราวนั้น มีข้อความตอนหนึ่งว่าคณะผู้แทนทหารไทยดูจะสร้างความประทับใจให้ฝรั่งเศสด้วยความสามารถในการดื่มแชมเปญ ยิ่งกว่าคุณสมบัติทางทหาร
หมายเหตุ :
- กองบรรณาธิการสถาบันปรีดี พนมยงค์ ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ต้นฉบับหนังสือการวิเทโศบายของไทย จากศูนย์ศึกษาการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศแล้ว
- ศาสตราจารย์กนต์ธีร์ ศุภมงคล, เรื่อง “การปฏิบัติตามความตกลงหลังสงคราม”, การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ ถึง ๒๔๙๕ (กรุงเทพฯ : ศูนย์ศึกษาการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ, ๒๕๖๖), น. 537-563.
บรรณานุกรม :
- ศาสตราจารย์กนต์ธีร์ ศุภมงคล, เรื่อง “การปฏิบัติตามความตกลงหลังสงคราม”, การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ ถึง ๒๔๙๕ (กรุงเทพฯ : ศูนย์ศึกษาการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ, ๒๕๖๖), น. 537-563.
บทความที่เกี่ยวข้อง :
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 1 : สงครามโลกครั้งแรก
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 2 : สงครามโลกครั้งที่ ๒
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 3 : วิเทโศบายของไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 4 : การเรียกร้องดินแดนคืน
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 5 : การรักษาความเป็นกลางของประเทศไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 6 : ประเทศไทยเข้าสงครามข้างญี่ปุ่น
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 7 : ผลกระเทือนของการร่วมมือกับญี่ปุ่น
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 8 : สองปีในญี่ปุ่น ภาค 1 การต่างประเทศไทย หลัง ประกาศสงครามกับอังกฤษและสหรัฐฯ
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 8 : สองปีในประเทศญี่ปุ่น ภาค 2 ภารกิจหลังการตั้งกระทรวงกิจการมหาเอเชียบูรพา
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 9 : ขบวนการต่อต้านญี่ปุ่นภายในประเทศไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 10 : เสรีไทยเข้าประเทศไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 11 : ท่าทีของอังกฤษต่อประเทศไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 12 : ความคลี่คลายของเหตุการณ์ภายในประเทศไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 13 : ความพยายามติดต่อทางการเมืองกับอังกฤษ
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 14 : นายสุนี เทพรักษา
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 15 : การกระชับงานต่อต้าน
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 16 : อวสานของสงครามภาคแปซิฟิก
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 17 : ไทยประกาศสันติภาพ
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 18 : การทำข้อตกลงทางทหารกับฝ่ายสหประชาชาติ
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 19 : ท่านทูตเสนีย์ ปราโมช เดินทางกลับประเทศไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 20 : การเสด็จพระราชดำเนินนิวัตพระนคร
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 21 : กำลังทหารบริติชเข้าประเทศไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 22 : การเจรจาเลิกสถานะสงคราม
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 23 : ฝรั่งเศสแซงเรียกร้องจากไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 24 : การทำความสัมพันธ์ทางทูตกับจีน
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 25 : ไทยเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ - ๒๔๙๕ ตอนที่ 26 : คณะทูตสันถวไมตรีหลังสงคราม
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ - ๒๔๙๕ ตอนที่ 27 : ความผันผวนทางการเมืองภายหลังสงคราม ภาค 1 บทบาทของเสรีไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ - ๒๔๙๕ ตอนที่ 27 : ความผันผวนทางการเมืองภายหลังสงคราม ภาค 2 การเปลี่ยนขั้วอำนาจ
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 28 : การปฏิบัติตามความตกลงหลังสงครามภาค 1 ค่าใช้จ่ายและสินทรัพย์ของไทยหลังสงคราม
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 28 : การปฏิบัติตามความตกลงหลังสงคราม ภาค 2 พันธกรณีเรื่องข้าวและค่าทดแทนความเสียหาย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ - ๒๔๙๕ ตอนที่ 28 : การปฏิบัติตามความตกลงหลังสงคราม ภาค 3 ข้อเรียกร้องหลังสงคราม