ดิเรก ชัยนาม เอกอัครราชทูตประจำกรุงลอนดอน
๓. ปัญหาเรื่องการให้ข้าวเปล่า
ความตกลงสมบูรณ์แบบกำหนดให้ประเทศไทยต้องให้ข้าวจำนวนไม่เกิน ๑.๕ ล้านตัน แก่องค์การที่รัฐบาลอังกฤษจะแจ้งให้ทราบ เป็นการให้เปล่าไม่คิดมูลค่าตอบแทน ฝ่ายอเมริกันถือว่า เรื่องข้าวเป็นเรื่องที่สหรัฐอเมริกามีผลประโยชน์เกี่ยวข้องด้วย ต่อมาฝ่ายอังกฤษจึงยอมให้มีการเจรจาสามฝ่าย ซึ่งในที่สุดตกลงกันได้เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๔๘๙ เปลี่ยนเป็นขอซื้อข้าวโดยลดจำนวนลงเหลือ ๑.๒ ล้านตัน และสัมพันธมิตรจะให้ความช่วยเหลือในการปรับปรุงระบบการขนส่ง ช่วยบูรณะสะพานรถไฟที่ต้องระเบิดเสียหายระหว่างสงคราม จัดหารถตู้ให้เพิ่มเติมจากอินเดียและสหรัฐอเมริกา ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำมันอันจำเป็นในการขนส่งทางบกและทางน้ำ สำหรับราคาข้าวที่ส่งออกกำหนดเป็นเงิน ๑๒ ปอนด์ ๑๕ ชิลลิงต่อหนึ่งตัน เป็นราคา ณ โรงสี ฝ่ายผู้ซื้อต้องหากระสอบป่านมาบรรจุเอง และจ่าย ค่าพรีเมี่ยมให้อีกตันละ ๓ ปอนด์ สำหรับข้าวที่ส่งออกในเดือนพฤษภาคม ๒ ปอนด์สำหรับข้าวที่ส่งระหว่างวันที่ ๑ ถึง ๑๕ มิถุนายน ความตกลงสามฝ่ายนี้ช่วยพยุงฐานะเศรษฐกิจของประเทศไทยที่กำลังทรุดโทรมลงอย่างหนัก ปลดภาระทางงบประมาณของรัฐบาล ประเทศไทยสามารถใช้เงินที่ได้จากการขายข้าว ซื้อเครื่องอุปโภคที่ขาดแคลนสนองความต้องการของประเทศได้ รัฐบาลสามารถปรับปรุงค่าของเงินบาทให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น ก่อนสงครามเงินบาท ๑๑ บาท แลกได้หนึ่งปอนด์ ภายหลังสงครามเราต้องลดค่าเงินบาทลงไปเป็น ๖๐ บาท ต่อหนึ่งปอนด์ เมื่อตกลงขายข้าวได้ ค่าของเงินบาทกระเตื้องขึ้นเป็น ๔๐ บาท ต่อปอนด์
แต่การซื้อข้าวในราคาที่กำหนดไว้ค่อนข้างต่ำ รัฐบาลยังประสบความยุ่งยากหาซื้อข้าวไม่ได้ตามจำนวนที่ต้องการ พ่อค้าข้าวส่วนใหญ่เป็นคนชาวจีนถือเอาประโยชน์กักตุนไม่ยอมขาย ใช้วิธีการลักลอบส่งออกซึ่งได้ราคาดีกว่าขายให้รัฐบาล รัฐบาลจำต้องจัดการบังคับซื้อข้าวเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม และดำเนินการอย่างเฉียบขาดตามบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการสำรวจและห้ามกักตุนข้าวที่ตราขึ้นใช้บังคับพร้อมด้วยหาวิธีจูงใจให้บรรดาพ่อค้าข้าวยินยอมปล่อยข้าวออกให้แก่รัฐบาลเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ
ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๔๘๙ รัฐบาลพลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ เจรจาขอต่อรองกับฝ่ายอังกฤษและอเมริกาเรื่องการส่งข้าว ได้ผลสำเร็จลดจำนวนข้าวที่ประเทศไทยจะต้องส่งออกให้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตรลงไปได้อีก ๒๐๐,๐๐๐ ตัน โดยอ้างว่า ไทยต้องเสียดินแดนที่ผลิตข้าวด้านเมืองพระตะบองให้แก่ฝรั่งเศสไปตามความตกลงระงับกรณี และพร้อมกันได้ขยายระยะเวลาส่งออกไปอีก ๔ เดือน เพิ่มราคาข้าวเป็นตันละ ๒๐ ปอนด์ มีเงินช่วยพิเศษอีกตันละ ๔ ปอนด์ เพื่อส่งเสริมการปลูกข้าวและรักษาระดับราคาข้าวที่ใช้บริโภคภายในประเทศ
ครั้นเมื่อเอกอัครราชทูตดิเรก ชัยนาม เดินทางไปรับตำแหน่งทางกรุงลอนดอนได้ไม่ถึงเดือน รัฐบาลสั่งให้ติดต่อขอความเห็นใจจากรัฐบาลอังกฤษให้พิจารณาเพิ่มราคาข้าวให้แก่ประเทศไทย เนื่องจากข้าวที่ส่งออกจากพม่าและอินโดจีนมีราคาสูงกว่าข้าวไทยมาก ถ้ารัฐบาลขายข้าวได้ในราคาพอสมควร การลักลอบนำข้าวออกจากประเทศไทยจะลดน้อยลง เพราะผู้ลักลอบมองเห็นผลไม่คุ้มค่า รัฐบาลจะหาข้าวได้มากขึ้นเพื่อส่งให้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตร กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ถ้าฝ่ายสัมพันธมิตรต้องการข้าวจากประเทศไทย ก็ต้องพยายามจะเขยิบราคาซื้อให้สูงขึ้นตามระดับราคาในตลาดโลก ทางกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษตระหนักในเหตุผลของฝ่ายไทย แต่กระทรวงที่เกี่ยวข้องอื่นโดยเฉพาะกระทรวงการคลังและกระทรวงอาหาร เมื่อจะต้องจ่ายเงินมากกว่าที่ตกลงกันไว้แต่เดิม ย่อมไม่สู้จะพอใจนัก เอกอัครราชทูตดิเรกถึงกับยืนยันว่า ถ้าการเจรจาขอขึ้นราคาข้าวไม่สำเร็จ รัฐบาลไทยจะอยู่ต่อไปไม่ได้ ตั้งรัฐบาลใหม่เข้ามาก็ไม่แก้ปัญหา คงแสวงหาข้าวให้อังกฤษไม่ได้ หากอังกฤษจะใช้บทปรับตามข้อตกลง จะไม่ช่วยให้อังกฤษได้ข้าวเลย ส่วนฝ่ายไทยจะได้รับความกระทบกระเทือนทางเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวง ถ้าเกิดความปั่นป่วนขึ้นจะเปิดโอกาสให้ลัทธิการเมืองที่ทั้งอังกฤษและไทยไม่ชอบ แทรกแซงเข้ามาในประเทศไทยได้
ในที่สุดเมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๔๙๐ รัฐบาลอังกฤษตกลงยินยอมให้เพิ่มราคาซื้อข้าวจากไทยให้สูงเท่าที่ซื้อจากพม่า กล่าวคือให้ราคา เอฟ.โอ.บี. ตันละ ๓๓ ปอนด์ ๖ ชิลลิง ๘ เพนซ์ ซึ่งช่วยให้รัฐบาลสามารถหาซื้อข้าวได้สะดวกขึ้น ทั้งยังเป็นรายได้ที่ช่วยพยุงฐานะทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศดีขึ้นในส่วนรวม กล่าวโดยสรุปในเรื่องข้าวนี้ก็คือ การที่รัฐบาลอังกฤษเรียกร้องจะเอาข้าวเปล่าจากประเทศไทย จำนวน ๑.๕ ล้านตัน ก็เนื่องจากในชั้นแรกอังกฤษได้ตัวเลขว่า เมื่อสิ้นสงคราม ประเทศไทยมีข้าวเหลืออยู่ประมาณเท่านั้น จึงคิดจะเอาเปล่า แต่เอาเข้าจริง รัฐบาลไทยหาได้มีข้าวจำนวนนั้นในความควบคุมไม่ ข้าวที่มีเหลืออยู่เท่าใด ล้วนอยู่ในมือของเอกชนพ่อค้าข้าว รัฐบาลไทยจะบีบบังคับเอาง่าย ๆ ไม่ได้ ต่อมาเมื่อรัฐบาลอังกฤษยอมรับหลักการเป็นการซื้อ แต่กำหนดราคาไว้ในระดับต่ำ ข้าวก็ไม่ออกมาตามความต้องการของอังกฤษ ต่อเมื่อยินยอมเพิ่มราคาข้าวเท่ากับหรือใกล้เคียงกับราคาในตลาดโลก ข้าวไทยจึงทะลักออกสู่ท้องตลาดปกติ ลดปริมาณการลักลอบออกได้ จำนวนข้าวที่ประเทศไทยต้องให้เปล่าแก่ฝ่ายอังกฤษรวมเบ็ดเสร็จจึงเป็นเพียงประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ ตัน เท่านั้น
๔. ปัญหาเรื่องการทดแทนความเสียหายระหว่างสงคราม
สำหรับปัญหาการเรียกร้องค่าทดแทนความเสียหายจากประเทศไทยนี้ ทางฝ่ายอเมริกันให้ความสนใจไม่น้อย เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๔๘๙ กระทรวงการต่างประเทศอเมริกันมีคำสั่งไปยังสถานเอกอัครราชทูตที่กรุงลอนดอนเกี่ยวกับความดำริที่จะจัดตั้งคณะกรรมาธิการสัมพันธมิตร พิจารณาคำเรียกร้องค่าทดแทนความเสียหายจากรัฐบาลไทยว่า คณะกรรมาธิการจะได้รับมอบหมายให้รวบรวมคำเรียกร้องทั้งหลายและกำหนดวิธีที่จะขอให้รัฐบาลไทยจ่ายค่าทดแทนในลักษณะที่จะไม่เป็นภาระเกินกำลังทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่จะรับได้ โดยคำนึงถึงความผูกพันที่รัฐบาลอังกฤษบังคับเอาข้าวเปล่าจากไทยตามความตกลงสมบูรณ์แบบ รัฐบาลอเมริกันเสนอเป้าหมายของคณะกรรมาธิการไว้สามประการ คือ
๑. รวบรวมคำเรียกร้องของฝ่ายสัมพันธมิตรทั้งหมดที่จะเรียกเอาจากประเทศไทย
๒. ตกลงกันในประเภทคำเรียกร้องที่เห็นว่าสมควร และกำหนดหลักเกณฑ์ในการประเมินค่าทดแทน
๓. กำหนดวิธีการที่จะให้ประเทศไทยชดใช้ค่าทดแทน
เพื่อการนี้กระทรวงการต่างประเทศอเมริกันเสนอว่า คณะกรรมาธิการควรประกอบด้วยผู้แทนของประเทศที่ประเทศไทยเคยประกาศสงครามด้วย และผู้แทนของประเทศที่ประกาศสงครามต่อไทย ได้แก่ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แอฟริกาใต้ และฝรั่งเศส โดยเป็นที่เข้าใจว่า นิวซีแลนด์และแอฟริกาใต้คงจะไม่ติดใจขอมีผู้แทนในคณะกรรมาธิการ แต่อาจจะเสนอคำเรียกร้องผ่านอังกฤษ หรือออสเตรเลีย กระทรวงการต่างประเทศอเมริกันเชื่อว่า ประเทศไทยควรมีส่วนร่วมในคณะกรรมาธิการนี้ เพราะจะช่วยให้การดำเนินงานของคณะกรรมาธิการเป็นไปโดยเรียบร้อยรวดเร็ว ทั้งจะส่งเสริมฐานะของสัมพันธมิตรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย คณะกรรมาธิการควรได้รับอำนาจให้กลั่นกรองคำเรียกร้อง จัดเป็นพวกที่เรียกได้และเรียกไม่ได้วางเป็นเกณฑ์ปฏิบัติใช้ทั่วกันสำหรับทุกประเทศที่เกี่ยวข้อง แต่ตัวเลขค่าทดแทนที่ประเทศไทยจะต้องจ่ายให้นั้น คณะกรรมาธิการมิใช่เป็นผู้กำหนด หากรัฐบาลฝ่ายเรียกร้องจะต้องยกขึ้นเจรจากับรัฐบาลไทย เมื่อตกลงกันเท่าใดแล้ว จะต้องรายงานให้คณะกรรมาธิการทราบ ในขณะเดียวกันหากมีประเทศสัมพันธมิตรอื่นใด เช่น จีน เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก และสวีเดน เรียกร้องเอาค่าทดแทนจากประเทศไทย ก็ควรจะเสนอคณะกรรมาธิการทราบและดำเนินการตามหลักเกณฑ์ทำนองเดียวกันของคณะกรรมาธิการ
เมื่อรวบรวมได้ตัวเลขคำเรียกร้องจากประเทศสัมพันธมิตรทั้งหมดแล้ว รัฐบาลอังกฤษและอเมริกันจะปรึกษาหารือกันว่า ค่าทดแทนที่ประเทศไทยจะต้องจ่ายให้ บวกกับการให้ข้าวเปล่าตามความตกลงสมบูรณ์แบบ จะเป็นภาระที่เศรษฐกิจของประเทศไทยจะรับได้หรือไม่ ถ้าเห็นว่าเป็นภาระที่หนักเกินไป ก็จะต้องลดจำนวนข้าวให้เปล่าลงไป ฝ่ายอเมริกันเสนอด้วยว่า การจ่ายค่าทดแทนให้กระทำด้วยเงินตราไทย มิใช่เงินตราต่างประเทศ และรัฐบาลไทยควรจ่ายให้แก่ผู้เรียกร้องโดยตรง
ต่อมาเมื่อปรากฏว่า ฝ่ายอังกฤษได้ผ่อนปรนในปัญหาเรื่องการเอาข้าวเปล่าจากประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศอเมริกันจึงได้ถอนข้อเสนอให้จัดตั้งคณะกรรมาธิการสัมพันธมิตร พิจารณาคำเรียกร้องนั้นเสีย โดยจะขอให้เพียงเป็นที่เข้าใจระหว่างอังกฤษ สหรัฐอเมริกัน ออสเตรเลีย และเนเธอร์แลนด์ ในการวางกฎเกณฑ์การเรียกร้องค่าทดแทนจากรัฐบาลไทย สำหรับคำเรียกร้องของฝรั่งเศสและจีน หากจะให้รวมอยู่ด้วยเกรงว่าจะก่อให้เกิดความยุ่งยากแก่รัฐบาลไทยไม่น้อยรัฐบาลไทยไม่ถือว่ามีสถานะสงครามกับทั้งสองประเทศนั้น ทั้งมิได้กักคุมคนชาติฝรั่งเศสและจีนระหว่างเวลาสงคราม กรณีไม่เหมือนกันน่าจะปล่อยให้เป็นเรื่องเจรจาสองฝ่ายโดยตรง ไม่ควรเปิดทางให้เรียกร้องโดยผ่านทางคณะกรรมาธิการสัมพันธมิตร กระทรวงการต่างประเทศอเมริกันสั่งให้สถานเอกอัครราชทูตที่กรุงลอนดอนแจ้งต่อรัฐบาลอังกฤษเมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม และได้รับตอบในวันรุ่งขึ้นทันทีว่ารัฐบาลอังกฤษเห็นด้วยกับการที่ไม่ให้มีคณะกรรมาธิการสัมพันธมิตร โดยอังกฤษจะเจรจาจัดตั้งคณะกรรมการสองฝ่ายกับประเทศไทยเพื่อพิจารณาคำเรียกร้องของฝ่ายบริติช
ทางด้านอเมริกัน เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๔๘๙ นายสแตนตัน อัครราชทูตอเมริกัน เสนอหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคำเรียกร้องค่าทดแทนความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่คนชาติและบริษัทห้างร้านอเมริกันในประเทศไทยระหว่างสงคราม พร้อมด้วยแสดงความหวังว่าคงจะได้รับการให้เสร็จสิ้นไปโดยเร็ว ความจริงความเสียหายดังกล่าวนั้น เมื่อเทียบกับของอังกฤษแล้ว นับว่าไม่มีจำนวนมากเพียงใด เนื่องจากก่อนสงครามคนชาติอเมริกันที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยมีจำนวนน้อย เมื่อเกิดสงครามขึ้น รัฐบาลไทยได้กักกันคนชาติอเมริกันไว้ก็จริง แต่ก็ได้มีการเจรจาตกลงแลกเปลี่ยนผู้ถูกกักกันระหว่างสหรัฐอเมริกากับญี่ปุ่น คนชาติอเมริกันพร้อมทั้งข้าราชการสถานทูตอเมริกันในประเทศไทยได้รับประโยชน์จากข้อตกลงญี่ปุ่น-อเมริกันนั้นด้วย ไทยจึงมิได้ควบคุมคนชาติอเมริกันไว้นานและส่งตัวกลับสหรัฐอเมริกาหมดสิ้น ต่างกับคนชาติอังกฤษซึ่งคงอยู่ในความควบคุมของรัฐบาลไทยจนกระทั่งสิ้นสงคราม รัฐบาลอเมริกันเห็นว่าไม่มีความจำเป็นจะต้องจัดตั้งคณะกรรมการผสมเพื่อพิจารณาคำเรียกร้อง รัฐบาลอเมริกันรับจะตรวจสอบคำเรียกร้องที่จะมีมาตามแนวหลักเกณฑ์ที่เป็นธรรม แล้วจะนำเสนอให้ฝ่ายไทยพิจารณา สำหรับผู้เรียกร้องที่อยู่ในประเทศไทย รัฐบาลไทยอาจจะเจรจาโดยตรงกับผู้เรียกร้องเพื่อจ่ายเงินค่าทดแทนความเสียหายให้ได้ สำหรับผู้ที่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย รัฐบาลอเมริกันรับจะช่วยติดต่อให้ ทูตอเมริกันเสนอด้วยว่า ได้มอบหมายให้ข้าราชการสถานทูตผู้หนึ่งเป็นผู้ติดต่อกับรัฐบาลไทย หากรัฐบาลไทยเห็นสมควรจะตั้งผู้ใดเจรจากับ สถานทูตในเรื่องข้อเสนอของอเมริกัน ทั้งสองคนจะได้ตกลงทำความเข้าใจกัน ในชั้นนั้น กระทรวงการต่างประเทศมอบหมายให้นายสุปรีดา บุรณศิริ เป็นผู้ติดต่อ ครั้นเมื่อรัฐบาลต้องตั้งผู้แทนฝ่ายไทยในคณะกรรมการผสมกับอังกฤษเพื่อพิจารณาคำเรียกร้องของฝ่ายบริติชเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๔๙๐ รัฐบาลจึงได้มอบหมายให้คณะผู้แทนไทยสามท่านซึ่งเรียกชื่อโดยย่อว่า ก.พ.ท. ฝ่ายไทยพิจารณาข้อเสนอของอเมริกันโดยละเอียดถี่ถ้วน ประมวลความเห็นเสนอเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้กระทรวงการต่างประเทศบันทึกตอบสถานทูตอเมริกัน เมื่อวันที่ ๒๗ เดือนเดียวกัน
ในทางนโยบายแล้ว ความจริงฝ่ายไทยอยากจะหาทางทำความตกลงกับฝ่ายอเมริกันโดยไม่ชักช้า เพราะสำนึกในบุญคุณของรัฐบาลอเมริกันที่ปรานีประเทศไทยมาด้วยดีโดยตลอด นอกจากจะไม่ถือว่าไทยเป็นศัตรูคู่สงครามแล้ว ยังได้ช่วยเหลือสนับสนุนไทยในการเจรจากับฝ่ายอังกฤษเพื่อเลิกสถานะสงคราม ได้ผลเป็นการทุเลาความเข้มงวดของอังกฤษได้ไม่น้อย หากแต่ว่าหลักเกณฑ์ในการกำหนดค่าทดแทนที่ฝ่ายอเมริกันเสนอมา มีแตกต่างกับข้อเสนอของฝ่ายอังกฤษอยู่ไทยเกรงว่าหากยอมรับผ่อนให้แก่อเมริกันแล้ว ฝ่ายอังกฤษอาจจะนำมาเพิ่มเป็นข้อเรียกร้องของคนชาติบริติช เช่น ปัญหาเรื่องให้คิดดอกเบี้ย และในกรณีที่จ่ายค่าทดแทนเป็นเงินบาทให้คิดในอัตรา ๓ เท่าของมูลค่าเดิม ฝ่ายไทยจำต้องขอให้ทบทวนหลักเกณฑ์นั้น ฝ่ายอเมริกันชี้แจงว่า ที่คิดไว้เช่นนั้น ก็เนื่องจากฝ่ายอเมริกันยึดหลักกำหนดค่าเสียหายเมื่อวันเกิดสงคราม ไม่เหมือนอังกฤษที่กำหนดค่าเสียหายโดยถือหลักการใช้คืน อัตราดอกเบี้ยคิดเพียงร้อยละ ๔ เท่านั้น ส่วนที่จะให้เพิ่มอัตรา ๓ เท่ามูลค่าเดิม ก็เนื่องจากเงินบาทเสื่อมค่าลงมาก อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยเราไม่สู้จะสบายใจในเรื่องเหล่านี้ เกรงจะเป็นตัวอย่างให้คนชาติอื่นเรียกร้องทำนองเดียวกัน
วันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๔๙๐ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ทรงเตือนถามเรื่องนี้มาทางกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งตรงกับที่กระทรวงได้รับทราบจากทูตอเมริกันว่า ความล่าช้าในการพิจารณาของไทย ทำให้รัฐบาลอเมริกันตกอยู่ในฐานะลำบาก เนื่องจากสมาชิกในรัฐสภาอเมริกันเริ่มตำหนิรัฐบาลว่า ไม่ควรรีบปล่อยสินทรัพย์ของรัฐบาลไทยคืนไปเต็มจำนวน โดยมิได้คิดกันไว้ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นหลักประกันการให้ค่าทดแทนตามคำเรียกร้องของผู้เสียหายชาติอเมริกันอย่างที่อังกฤษปฏิบัติ ทางกระทรวงการต่างประเทศอเมริกันเห็นว่า การเรียกร้องค่าทดแทนของฝ่ายอเมริกันมีไม่มากนัก ใคร่จะขอให้รัฐบาลไทยรีบพิจารณาด้วยดี เพื่อมิให้เกิดความไม่พอใจทางรัฐสภาอันจะกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองในส่วนรวม ตอนนั้น ข้าพเจ้ารักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมการเมืองตะวันตกและเป็นผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศใน ก.พ.ท. ฝ่ายไทยทำบันทึกเสนอกระทรวงชี้แจงว่า ในหลักการแล้วควรมีการพิจารณาตกลงในคำเรียกร้องของผู้เสียหายฝ่ายอเมริกันให้เสร็จสิ้นไปโดยเร็ว ก.พ.ท. ฝ่ายไทยแสดงความคิดเห็นมาหลายข้อด้วย ฝ่ายอเมริกันรับไปพิจารณาแล้วตอบกลับมาเมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน เมื่อเห็นเรื่องยังยืดเยื้ออยู่ ข้าพเจ้าเสนอต่อกระทรวงการต่างประเทศเมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายนว่า เพื่อให้ทางรัฐบาลอเมริกันเห็นใจว่า ไทยไม่ประสงค์จะถ่วงการพิจารณาไว้ แม้จะยังไม่สามารถตกลงในรายละเอียดทุกข้อ เราควรขอให้ฝ่ายอเมริกันส่งคำเรียกร้องมาได้แล้ว โดยฝ่ายไทยจะได้พิจารณาและติดต่อกับผู้เรียกร้องโดยตรง กระทรวงตกลงทำความเห็นเสนอคณะรัฐมนตรีซึ่งได้กรุณาอนุมัติในหลักการมาเมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ตอนนี้ถึงคราวที่เราจะเตือนสถานเอกอัครราชทูตอเมริกันให้รีบรวบรวมคำเรียกร้องของฝ่ายอเมริกันเสนอมาทีละรายสองราย รายที่สำคัญที่สุดดูเหมือนจะได้แก่รายนายโชลต์ส ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทอินเตอร์เนชั่นอินจิเนียริ่ง เกี่ยวด้วยจำนวนเงินสูง ทั้ง ๆ ที่ ไทยได้คิดค่าทดแทนล่วงหน้าไปให้แล้ว ๕ แสนเหรียญอเมริกัน ก็ยังเรียกร้องเพิ่มเติม นายโชลต์สเป็นผู้กว้างขวางในวงนักการเมืองอเมริกัน จึงมีการใช้อิทธิพลทางการเมืองผสมบ้าง คำเรียกร้องรายอื่นทยอยกันเข้ามาเป็นลำดับ แต่ก็ไม่หมดสิ้นสักที ทำให้ฝ่ายไทยต้องขอร้องกับรัฐบาลอเมริกันให้ถือวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๔๙๒ เป็นวันสุดท้ายในการยื่นคำเรียกร้อง และการให้ค่าทดแทนรายหลังที่สุด ได้แก่ คำเรียกร้องของบริษัทน้ำมันสแตนดาร์ดแวควัม ที่ตกลงกันได้เมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๔๙๓
สาเหตุแห่งการพิจารณาล่าช้า ข้าพเจ้าได้ชี้แจงให้เอกอัครราชทูตอเมริกันทราบเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๔๙๐ ว่า เป็นเพราะต้องตรวจสอบค้นหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยมีอยู่ เช่น ในเรื่องทรัพย์สินต้องได้ความแน่นอนยืนยันว่า เป็นของผู้เรียกร้องจริง เงินฝากในธนาคารก็ต้องตรวจสอบตัวเลขกับทางธนาคาร ซึ่งตามปกติตัวเลขมักจะไม่ตรงกัน ผู้เรียกร้องเสนอตัวเลขหนึ่ง ทางธนาคารมีอีกตัวเลขหนึ่ง ยิ่งกว่านั้น ก่อนที่ฝ่ายไทยจะเข้าทำการควบคุมทรัพย์สินของคนชาติอเมริกัน บางกรณีญี่ปุ่นได้เข้ายึดถือไว้ก่อนแล้วก็มี ทรัพย์สินจึงกระจัดกระจายไม่มีหลักฐานแน่ชัด รายใดที่ไม่สลับซับซ้อน ก.พ.ท. ฝ่ายไทยก็พิจารณาจ่ายค่าทดแทนให้โดยมิชักช้า
ทางด้านบริติช เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๔๙๐ รัฐบาลไทยตกลงตามข้อเสนอของรัฐบาลอังกฤษ จัดตั้งคณะกรรมการผสมพิจารณาคำเรียกร้องของฝ่ายบริติชขึ้นที่กรุงเทพฯ ประกอบด้วยผู้แทนสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และอินเดีย รวมสามคน กับผู้แทนไทยอีกสามคน โดยให้ผู้แทนฝ่ายจักรภพบริติชเป็นประธาน มีคะแนนเสียงชี้ขาดเพิ่มขึ้นอีกคะแนนหนึ่ง หากการลงคะแนนเสียงในที่ประชุมคณะกรรมการเกิดแบ่งเท่ากัน อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกำหนดไว้สองประการ คือ
๑. วางหลักเกณฑ์ในการพิจารณาค่าทดแทนความเสียหายที่เกิดแก่ผลประโยชน์ บริติชระหว่างสงคราม
๒. ชี้ขาดในคำเรียกร้องที่ทั้งสองฝ่ายไม่อาจตกลงกันได้
ข้อเสนอของอังกฤษกำหนดวิธีการยื่นคำเรียกร้อง การพิจารณาคำเรียกร้องประเภทต่าง ๆ โดยละเอียดถี่ถ้วน รวมถึง ๗ หน้ากระดาษยาว ซึ่งใช้เป็นมูลฐานในการดำเนินงานของคณะกรรมการผสม โดยเป็นที่ตกลงกันว่ารัฐบาลที่แต่งตั้งเป็นผู้จ่ายเงินเดือนของกรรมการแต่ละคน ค่าใช้จ่ายอย่างอื่นของคณะกรรมการตกเป็นภาระของรัฐบาลไทยฝ่ายเดียว
ในวันที่ ๖ เดียวกันนั้นเอง รัฐบาลไทยตกลงแต่งตั้ง ก.พ.ท. ฝ่ายไทยรวมสามคน ได้แก่ หลวงจำรูญเนติศาสตร์ เป็นประธาน หม่อมเจ้าวิมวาทิตย์ รพีพัฒน์ เป็นผู้แทนกระทรวงการคลัง และคุณสง่า นิลกำแหง เป็นผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ส่วนฝ่ายบริติชตั้งนาย เจ. มิตเจสัน เป็นผู้แทนอังกฤษ นายภัควัต ดายาล เป็นผู้แทนอินเดีย และพันเอก เอ. เจ. อีสต์แมน เป็นผู้แทนออสเตรเลีย ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๔๙๐ นายมิตเจสันต้องเดินทางออกจากประเทศไทย ฝ่ายอังกฤษแต่งตั้งนาย อาร์. วิตติงตัน เป็นผู้แทนอังกฤษแทน วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๔๙๐ คุณสง่า นิลกำแหง ได้รับแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ข้าพเจ้าในฐานะผู้รักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมการเมืองตะวันตก จึงได้เข้านั่งใน ก.พ.ท. ฝ่ายไทยแทนคุณสง่า วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๔๙๐ คณะรัฐมนตรีตั้งพระยาโกมารกุลมนตรี ข้าราชการบำนาญ เป็นประธาน ก.พ.ท. ฝ่ายไทยสืบแทนหลวงจำรูญเนติศาสตร์ อีก ๙ วันต่อมาตั้งนายบุญมา วงศ์สวรรค์ เป็น ก.พ.ท. ฝ่ายไทยเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง โดยให้ ก.พ.ท. ฝ่ายไทยเลือกกันเองสามคนไปร่วมประชุมกับฝ่ายบริติช วันที่ ๒ มิถุนายน ๒๔๙๑ รัฐบาลอินเดียตั้งนายราว มาฮาเดอร์ เอย์เยอร์ แทนนายดายาล
ในทางปฏิบัติ คณะกรรมการผสมพิจารณาค่าทดแทนประชุมกันทุกสัปดาห์ เพื่อพิจารณาคำเรียกร้องค่าทดแทนของคนชาติบริติชตามที่มีเสนอเข้ามา ในบรรดาผู้แทนฝ่ายบริติชคนที่มีบทบาทสำคัญในการเรียกร้องเอาประโยชน์จากรัฐบาลไทยให้แก่ผู้เรียกร้อง ได้แก่ พันเอก อีสต์แมน ซึ่งเป็นนักกฎหมาย เฝ้าสอดแสวงหาคารมทางกฎหมายเป็นคุณแก่ผู้เรียกร้องอย่างมากที่สุดที่จะกระทำได้ ฝ่ายไทยเราจึงตกลงกันเป็นการภายในมอบให้ข้าพเจ้าเป็นผู้โต้พันเอก อีสต์แมนเป็นประจำ ข้าพเจ้าต้องเป็นผู้ขึ้นค้านไม่ยอมตามความประสงค์ของพันเอก อีสต์แมน เมื่อตกลงกันไม่ได้ ประธานของทั้งสองฝ่ายจึงจะเข้ามาไกล่เกลี่ยหาทางออมชอมกัน เมื่อผ่อนผันโอนอ่อนเข้าหากันไม่สำเร็จ จึงจะต้องถึงลงคะแนนกันในที่ประชุม หากคะแนนเสียงแบ่งเท่ากัน ๓ ต่อ ๓ ประธานคณะกรรมการผสม ซึ่งได้แก่ผู้แทนอังกฤษ จะออกเสียง เพิ่มขึ้นอีกคะแนนหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด ซึ่งย่อมให้ประโยชน์แก่ผู้เรียกร้อง วิธีดำเนินการของผู้แทนฝ่ายไทยจึงกระเดียดไปในทางชี้แจงต่อผู้แทนอินเดียซึ่งมีผู้เรียกร้องในสังกัดชาติน้อยนอกที่ประชุม ให้มองเห็นด้วยกับเหตุผลของฝ่ายไทย ถ้าได้รับการ สนับสนุนของผู้แทนอินเดีย คะแนนเสียงที่ลงในที่ประชุมจะเป็น ๔ ต่อ ๒ ไม่ให้โอกาสแก่ผู้แทนอังกฤษที่จะใช้เสียงชี้ขาดได้ ทั้งนี้ผู้แทนอินเดียต้องใช้ความระมัดระวังมาก หากเข้าข้างไทยบ่อย ก็จะตกอยู่ในฐานะลำบากในสายตาของเพื่อนผู้แทนฝ่ายบริติชด้วยกัน ในปี ๒๔๙๒ นายวิตติงตันลาพักเดินทางกลับอังกฤษชั่วคราว ฝ่ายบริติชดำริจะให้พันเอก อีสต์แมน ทำหน้าที่ประธานแทน ฝ่ายไทยไม่สู้สบายใจนัก เกรงจะถูกพันเอก อีสต์แมนบีบเอามากยิ่งขึ้น เราจึงอยากจะให้ผู้แทนอินเดียทำการเป็นประธาน ในที่สุดรัฐบาลอังกฤษแต่งตั้งนาย ดี. เอ. แบ็ตแวลล์ เป็นประธานชั่วคราว เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๔๙๒ และต่อมาตั้งนาย จี. ซี. แอล. ไครชตัน เป็นประธานสืบแทนนายวิตติงตันเมื่อวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๔๙๒
ในส่วนรวม การประชุมคณะกรรมการผสมไม่สู้จะราบรื่น ฝ่ายบริติชย่อมต้องเกี่ยงเอาประโยชน์ให้แก่ผู้เรียกร้องอย่างมากที่สุดที่จะกระทำได้ ฝ่ายไทยต้องพยายามจ่ายให้ผู้เรียกร้องน้อยที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ ต่างฝ่ายต่างหาเหตุผลเข้าปะทะกัน ฝ่ายบริติชได้เปรียบ เพราะผู้แทนอังกฤษในฐานะประธานคณะกรรมการผสมสามารถออกเสียงชี้ขาด แต่ถ้าชี้ขาดบ่อยนักย่อมจะสร้างความไม่พอใจให้แก่คณะผู้แทนฝ่ายไทย มีผลสะท้อนถึงสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศได้
ปัญหาข้อใหญ่ข้อหนึ่งที่ฝ่ายไทยหนักใจมากก็คือ ตามความตกลงสมบูรณ์แบบและบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการเรียกร้องค่าทดแทน มีข้อความกล่าวไว้อย่างกว้าง ๆ ว่า รัฐบาลไทยจะต้องรับผิดชอบในความเสียหายใด ๆ อันเกิดขึ้นแก่คนชาติบริติชในประเทศไทยระหว่างสงคราม ซึ่งฝ่ายบริติชแปลว่า รวมทั้งความเสียหายที่ไทยเป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้น หรือโดยการกระทำของญี่ปุ่นและการกระทำของฝ่ายสัมพันธมิตรเอง เช่น การทิ้งระเบิดของเครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตร ฝ่ายไทยเห็นว่า ไทยควรต้องรับผิดชอบเฉพาะในความเสียหายที่ฝ่ายไทยเป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้นเท่านั้น การกระทำของญี่ปุ่นก็ดี ของฝ่ายสัมพันธมิตรก็ดี อยู่นอกเหนืออำนาจของฝ่ายไทยที่จะควบคุม ไทยไม่น่าจะต้องรับผิด อนึ่ง นอกจากความเสียหายทางด้านทรัพย์สินแล้ว ฝ่ายบริติชยังกำหนดปัญหาเรื่องความเสียหายต่อตัวบุคคลไว้อีกประเภทหนึ่งด้วย โดยได้ให้บทนิยามไว้ว่า หมายถึง (๑) การจับกุมและกักกันตัวก่อนวันประกาศสงครามเมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๔๘๕ (๒) การให้ผลปฏิบัติอย่างไม่ดีในระหว่างการกักกันตัว อันได้แก่การไม่ปฏิบัติตามหลักการที่กำหนดไว้ในอนุสัญญานครเจนีวาและกรุงเฮกว่าด้วยเชลยศึก ทำให้ผู้ถูกกักกันได้รับทุกข์ยาก (๓) การเสื่อมเสียทางสุขภาพอันเกิดจากการกักกัน ไม่ว่าจะเป็นโดยการกระทำของไทยหรือของญี่ปุ่น (๔) มรณกรรมอันสืบเนื่องจากข้อ (๑) (๒) (๓) สำหรับความเสียหายต่อตัวบุคคลนี้ ฝ่ายไทยมีความรู้สึกว่ารุนแรงเกินไป เพราะเป็นสิ่งที่รับกันว่า ผู้ถูกกักกันพลเรือนที่ตกอยู่ในความควบคุมของไทยได้รับผลปฏิบัติดีกว่าหากจะต้องตกเข้าไปอยู่ในควบคุมของญี่ปุ่น ไทยไม่เคยทำทารุณต่อผู้ถูกกักกันแต่อย่างใดเลย การจัดให้เข้าไปอยู่ค่ายกักกัน ทำให้ผู้ถูกกักกันต้องเสียเสรีภาพในการไปมาอยู่บ้าง แต่ความสะดวกอื่น ๆ ยังได้อยู่ ตรงกันข้าม เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยยังต้องคุ้มครองป้องกันผู้ถูกกักกันจากคำเรียกร้องของญี่ปุ่นตลอดมา ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นชัดในข้อนี้ ได้แก่ กรณีนายบริ๊กเฮาส์ ทนายความผู้มีชื่อสัญชาติอังกฤษ ที่ประกอบธุรกิจอยู่ในประเทศไทยมาเป็นเวลานานปี ระหว่างการถูกกักกัน นายบริ๊กเฮาส์เกิดมีอาการป่วยที่นายแพทย์ไทยตรวจดูแล้วเกรงว่าจะเป็นมะเร็งร้าย จะต้องรีบทำการรักษาทางศัลยกรรมทันที ประเทศไทยยามสงครามขาดเครื่องมือศัลยกรรมที่จำเป็นในกรณีเช่นนั้น จึงต้องส่งตัวไปรักษาในต่างประเทศที่ใกล้ที่สุดคือเมืองไซ่ง่อน ฝ่ายนายแพทย์ทหารญี่ปุ่นวินิจฉัยว่าอาจจะไม่ใช่มะเร็งร้าย จะให้ผ่าท้องดูก่อน ถ้าใช่จึงจะพิจารณาส่งไปรักษาตัวในต่างประเทศ นายแพทย์ไทยยืนยันว่า ทำเช่นนั้นจะเสี่ยงภัยมาก เรื่องทราบถึงข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเชิญอุปทูตฝรั่งเศสมาพบ ปรารภความห่วงใยของนายแพทย์ไทยให้ฟัง และขอความช่วยเหลือจากอุปทูตในด้านมนุษยธรรม ในที่สุดงุบงิบนัดหมายพาตัวนายบริ๊กเฮาส์ไปส่งที่ชายแดนให้ฝ่ายฝรั่งเศสรับตัวส่งไปไซ่ง่อน ไม่ให้ฝ่ายญี่ปุ่นทราบ นายบริ๊กเฮาส์รับศัลยกรรมแล้วถึงแก่มรณภาพ ฝ่ายอังกฤษเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเป็นผู้รับผิดชอบ ในฐานะที่กักกันตัวนายบริ๊กเฮาส์ไว้ จนป่วยเป็นโรคมะเร็งถึงแก่ชีวิต
การเรียกร้องค่าทดแทนสำหรับทรัพย์สินที่ต้องสูญเสียหรือเสียหาย ก็ไม่ใช่ของง่าย ทรัพย์สินส่วนตัวของผู้เรียกร้อง ผู้ใดจะทราบได้ว่ามีแน่นอนเท่าใด การแสวงหาหลักฐานความมีอยู่คงต้องอาศัยการคำนึงถึงฐานานุรูปของผู้เรียกร้องแต่ละคน ผู้เรียกร้องย่อมจะเรียกเอามาก ฝ่ายไทยที่จะต้องจ่ายค่าทดแทน ย่อมพยายามที่จะกดให้น้อยไว้ ทำนองนี้ทุกเรื่อง ไม่มีที่สิ้นสุด จำนวนผู้ถูกกักกันพลเรือนชาติอังกฤษและออสเตรเลียนมีมาก ถ้าจะต้องพิจารณากันเป็นรายคนแล้วต้องใช้เวลาหลายปี ตกลงกันได้เพียงใดหรือไม่ ทุกฝ่ายก็ยังไม่พอใจอยู่ดี
ข้าพเจ้ายกเรื่องขึ้นปรารภเป็นการส่วนตัวกับนายวิตติงตันก่อนว่า งานของคณะกรรมการผสมเป็นทรกรรมโดยแท้ กรรมการสองฝ่ายนั่งถกเถียงกันหน้าดำหน้าแดงตกลงกำหนดค่าทดแทนแล้ว ฝ่ายผู้เรียกร้องไม่พอใจ เพราะไม่ได้เต็มตามที่ขอ จะตำหนิกรรมการฝ่ายบริติชว่า ไม่ได้ช่วยเหลือเต็มที่ สำหรับฝ่ายไทยก็ถูกตราหน้าว่ายอมให้ค่าทดแทนง่ายเกินสมควร ทั้งสองฝ่ายจะถูกตำหนิทั้งขึ้นทั้งล่อง น่าจะลองมาช่วยกันพิจารณาหาทางตกลงให้ค่าทดแทนกันเป็นเงินก้อนเสียเลย อาจจะดีกว่า เมื่อฝ่ายบริติชได้รับค่าทดแทนจากรัฐบาลไทยเป็นเงินก้อนเหมาไปแล้ว ทางรัฐบาลจะสามารถกำหนดค่าทดแทนให้แก่ผู้เรียกร้องตามควรแก่กรณี ทั้งสองฝ่ายไม่ต้อง มานั่งทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นรายตัว จะทำให้เกิดสถานการณ์ตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นายวิตติงตันแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะจะเท่ากับให้ฝ่ายบริติชต้องรับภาระในความไม่พอใจของผู้เรียกร้องฝ่ายเดียว การกำหนดค่าทดแทนเป็นเงินก้อน ไม่ทราบว่าจะใช้หลักเกณฑ์อย่างใด กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ ไม่สามารถตกลงใจได้โดยลำพัง จะต้องปรึกษาหารือกับกระทรวงอื่นที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนรัฐบาลของประเทศในเครือจักรภพที่มีส่วนได้เสียด้วย
ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างสงครามเนื่องจากการกระทำของญี่ปุ่นก็ดี หรือการกระทำของฝ่ายสัมพันธมิตรเองก็ดี ฝ่ายไทยเราเห็นว่า รัฐบาลไทยไม่น่าจะต้องรับเป็นภาระแต่ฝ่ายเดียว น่าจะหาทางขอให้จ่ายค่าทดแทนจากสินทรัพย์ของญี่ปุ่นที่มีอยู่ในประเทศไทย ซึ่งทางการไทยทำการยึดถือไว้ในนามของสหประชาชาติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมทรัพย์สินของศัตรูต่อสหประชาชาติ เรื่องนี้ ข้าพเจ้าปรารภกับนายวิตติงตันเมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๔๙๐ นายวิตติงตันยืนยันว่า ตามความตกลงสมบูรณ์แบบและบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการเรียกร้องค่าทดแทนความเสียหาย มีข้อความแน่ชัดว่า รัฐบาลไทยจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ถ้าฝ่ายไทยเห็นว่า สำหรับค่าทดแทนบางส่วนน่าจะจ่ายจากเงินอื่นใด เป็นคนละเรื่องกัน ถ้าไทยอยากจะขอให้จ่ายจากทรัพย์สินของญี่ปุ่นในประเทศไทย ก็น่าจะยกเรื่องขึ้นเสนอเป็นทางการ เพราะทรัพย์สินของศัตรูต่อสหประชาชาตินั้น การควบคุมเป็นไปในนามของสหประชาชาติ ทางสหประชาชาติจะต้องตกลงกันในภายหน้าว่า จะให้จำหน่ายจ่ายแจกทรัพย์สินของญี่ปุ่นในประเทศไทยไปอย่างใด จะให้รวมไปขึ้นบัญชีค่าปฏิกรรมสงครามที่ญี่ปุ่นต้องรับภาระแค่ไหนเพียงใด นายวิตติงตันเน้นว่า เนื่องจากรัฐบาลไทยสมัยหนึ่งให้ความร่วมมือกับญี่ปุ่นในการทำสงครามกับสหประชาชาติ รัฐบาลไทยจะต้องชี้แจงแสดงเหตุผลอย่างเต็มที่ว่า เหตุใดไทยจึงควรจะได้รับประโยชน์จากทรัพย์สินของญี่ปุ่นในประเทศไทย โดยเฉพาะจะต้องแสดงว่า ในระหว่างที่กำลังทหารญี่ปุ่นอยู่ในประเทศไทยนั้น ญี่ปุ่นได้ก่อให้เกิดความเสียหายให้แก่ประเทศไทยเพียงใด เช่น ได้เรียกเกณฑ์เอาทรัพย์สินเงินทองไปจากประเทศไทยเท่าใด
ในชั้นแรก ในการขอความผ่อนผันบรรเทาความรับผิดชอบของรัฐบาลไทยในด้านการทดแทนความเสียหาย รัฐบาลมีดำริมอบให้เอกอัครราชทูตดิเรก ชัยนาม ยกเรื่องขึ้นขอความเห็นอกเห็นใจจากรัฐบาลอังกฤษโดยตรง โดยติดต่อกับเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมนโยบายของอังกฤษ แต่เมื่อทางสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ ณ กรุงเทพฯ แสดงท่าทีออกมาในลักษณะชัดแจ้งเช่นนี้ จึงน่าจะมีการทาบทามทางสถานทูตอังกฤษด้วย และก็ควรที่จะยกเรื่องโดยทั่วไปเกี่ยวกับความตกลงสมบูรณ์แบบ มิใช่ว่าจำกัดเฉพาะเรื่องทรัพย์สินของญี่ปุ่นในประเทศไทยเท่านั้น
วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๔๙๐ คณะรัฐมนตรีมีมติตกลงในหลักการให้ขอแก้ไขความตกลงสมบูรณ์แบบ โดยได้มีหนังสือเวียนสอบถามไปยังทางกระทรวงทบวงต่าง ๆ ให้เสนอความคิดเห็นว่า สมควรมีการแก้ไขข้อใดบ้าง กระทรวงการต่างประเทศได้รับมอบหมายให้ประมวลความคิดเห็นจากทุกฝ่ายเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ ๓ กันยายน ทางคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในวันรุ่งขึ้นให้กระทรวงการต่างประเทศเปิดการเจรจาเพื่อขอยกเลิกความตกลงสมบูรณ์แบบทั้งฉบับ สำหรับการจ่ายค่าทดแทนความเสียหายเป็นเงินก้อน กำหนดในใจไว้ไม่เกินหกล้านปอนด์ วันที่ ๖ เดือนเดียวกัน ก่อนที่จะออกเดินทางไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติ นายอรรถกิตติ พนมยงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เชิญเอกอัครราชทูตทอมสันมาพบที่กระทรวง ปรารภขอความเห็นใจ และมอบบันทึกช่วยจำให้ไป แสดงให้เห็นว่า ตามทัศนะของรัฐบาลไทย ความตกลงสมบูรณ์แบบน่าจะได้มีการปรับปรุงแก้ไขทั้งฉบับ เริ่มแต่คำปรารภและบทสารบัญญัติของความตกลงแต่ละข้อ เพราะรัฐบาลไทยได้ปฏิบัติการครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว บางบทก็ผ่านพ้นไปตามกาลสมัย สำหรับปัญหาเรื่องค่าทดแทนอันเกิดขึ้นมิใช่ด้วยการกระทำของไทยควรจ่ายจากทรัพย์สินของญี่ปุ่น และไทยขอจ่ายค่าทดแทนที่ไทยต้องรับผิดชอบเป็นเงินก้อน จะได้สิ้นสุดเรื่องกันไปเสียที ไม่เป็นอุปสรรคขัดข้องต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับอังกฤษ ในขณะเดียวกัน โดยที่อินเดียเป็นภาคีลงนามในความตกลงสมบูรณ์แบบด้วย รัฐมนตรีจึงเชิญอุปทูตอินเดียมาแจ้งเรื่องให้ทราบ
นายเดนิ่ง ผู้เจรจาความตกลงสมบูรณ์แบบกับไทย ผ่านประเทศไทยภายหลังจากไปราชการที่กรุงโตเกียว ท่านนายกรัฐมนตรีผู้รักษาการในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญให้ไปพบและแจ้งความประสงค์ให้ทราบ นายเดนิ่งมีหนังสือลงวันที่ ๑๕ กันยายน รับจะไปดูเรื่องให้เมื่อกลับถึงกรุงลอนดอน ส่วนท่านเอกอัครราชทูตดิเรก ชัยนาม เมื่อพบกับรัฐมนตรีอรรถกิตติ พนมยงค์ ที่นครนิวยอร์กแล้ว ก็ได้รับคำสั่งให้รีบเดินทางกลับจากสมัชชาไปกรุงลอนดอนเพื่อติดตามเรื่อง รัฐมนตรีเองมีโอกาสพบนายเบวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ ที่นครนิวยอร์ก ได้ร้องขอความเห็นอกเห็นใจจากนายเบวิน ซึ่งนายเบวินตอบว่า ท่านสนใจในอนาคตมากยิ่งกว่าอดีต และปรารถนาจะจัดการเรื่องให้โดยเร็วที่สุดที่จะเป็นไปได้ ฝ่ายออสเตรเลีย ท่านนายกรัฐมนตรีมอบบันทึกช่วยจำทำนองเดียวกันให้แก่พันเอก อีสต์แมน กงสุลใหญ่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขความตกลงสันติภาพฉบับหลังสุดเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ในชั้นนั้นคาดหวังกันว่า ฝ่ายบริติชจะตอบข้อเสนอของเราได้ภายในกลางเดือนพฤศจิกายน บังเอิญเกิดการรัฐประหารเป็นการสลับฉากในประเทศไทยเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ การเจรจากับอังกฤษ อินเดีย และออสเตรเลีย จึงเป็นอันชะงักไป การเปลี่ยนรัฐบาลไทยหลายต่อหลายหนภายหลังการรัฐประหารเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๔๙๐ ไม่ทำให้เกิดการก้าวหน้าในข้อเสนอขอแก้ไขความตกลงสมบูรณ์แบบและความตกลงสันติภาพฉบับหลังสุดแต่ประการใด
ต้องรอมาจนกระทั่งวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๔๙๑ นายเฮคเตอร์ แม็กนีล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ จึงได้มีหนังสือทูลหม่อมเจ้าปรีดิเทพย์พงษ์ เทวกุล เมื่อเสด็จไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติที่กรุงปารีสอย่างยืดยาว มีใจความสำคัญพอสรุปได้ว่า รัฐบาลอังกฤษเห็นด้วยกับรัฐบาลไทยว่า บทบัญญัติหลายข้อของความตกลงสมบูรณ์แบบได้มีการปฏิบัติตามแล้ว และอีกบางบทบัญญัติก็ล่วงเวลาผ่านพ้นไป อังกฤษพร้อมที่จะพิจารณาปรับปรุงความตกลงนั้นให้สมานเข้ากับสถานการณ์ใหม่ ปัญหาสำคัญที่ยังคงค้างอยู่ ได้แก่ เรื่องการทดแทนความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผลประโยชน์บริติชในประเทศไทยระหว่างสงคราม ซึ่งรัฐบาลไทยอ้างว่าเป็นบทบัญญัติบังคับเอากับประเทศไทยรุนแรงยิ่งกว่าที่สัมพันธมิตรเรียกร้องเอากับประเทศฝ่ายอักษะในยุโรป ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ นายแม็กนีลชี้แจงว่า การกำหนดความรับผิดชอบของประเทศฝ่ายอักษะ คำนึงถึงความสามารถในทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศเป็นเกณฑ์ ประเทศฝ่ายอักษะต่างได้รับความเสียหายระหว่างสงครามหนักยิ่งกว่าประเทศไทยมาก ทั้งยังต้องรับภาระแบกค่าปฏิกรรมสงครามที่ต้องให้แก่รัฐบาลโซเวียต พร้อมกับต้องออกค่าใช้จ่ายในการยึดครองและค่าเลี้ยงดูกำลังทหารโซเวียตด้วย ส่วนการที่รัฐบาลไทยจะขอให้จ่ายเงินจากทรัพย์สินของญี่ปุ่นเพื่อชำระค่าทดแทนความเสียหายที่มิได้เกิดขึ้นจากการกระทำของฝ่ายไทยนั้น รัฐบาลอังกฤษยอมรับไม่ได้ เพราะจะเป็นตัวอย่างให้ประเทศอื่นขอร้องทำนองเดียวกัน การจำหน่ายจ่ายแจกสินทรัพย์ของศัตรู จะต้องเป็นไปตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมาธิการตะวันออกไกลซึ่งจะต้องรอเวลาอีกนาน ไม่พึงนำมาผูกไว้กับข้อเสนอของรัฐบาลไทยที่จะจ่ายค่าทดแทนเป็นเงินก้อน
สำหรับจำนวนเงินก้อนที่จ่ายเป็นค่าทดแทนความเสียหายของคนชาติบริติช ฝ่ายเราเคยคิดตัวเลขไว้ในใจว่าควรจะเป็นเพียง ๖ ล้านปอนด์ หรืออย่างมากไม่เกิน ๘ ล้านปอนด์ นายอีสต์แมนเคยเปรยไว้ว่า เมื่อคำนวณคำเรียกร้องทั้งหมด อาจจะถึง ๑๓ ล้านปอนด์ ในหนังสือของนายแม็กนีล รัฐบาลอังกฤษจะขอถือว่าเงินก้อนได้แก่จำนวนสินทรัพย์ทั้งหมดของรัฐบาลไทย หรือองค์การของรัฐบาลไทยที่ถูกกักกันหรือยึดถือโดยผู้พิทักษ์ทรัพย์สินของศัตรูในสหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหภาพแอฟริกาใต้ อินเดีย ปากีสถาน ลังกา และอาณาเขตที่อยู่ภายใต้อธิปไตย อาณัติหรือความพิทักษ์ของประเทศที่กล่าวนามนั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือจะริบบรรดาทรัพย์สินของรัฐบาลไทยและองค์การของรัฐบาลไทยทั้งหมด ไม่ว่าจะมีอยู่ ณ ที่ใด ในจักรภพเป็นค่าทดแทน แล้วยังจะให้บวกด้วยเงินไทยอีกจำนวนหนึ่งมีมูลค่าเท่ากับหนึ่งล้านปอนด์สเตอร์ลิง สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในประเทศไทย พร้อมด้วยเงื่อนไขอื่นอีกหลายประการ เช่น เงินก้อนนี้ไม่รวมถึงค่าทดแทนที่ได้มีการจ่ายไปแล้ว หรือหนี้สินก่อนสงครามที่คนไทย หรือนิติบุคคลไทยเป็นลูกหนี้ ซึ่งรัฐบาลไทยจะต้องให้ความสะดวกในการแลกเปลี่ยนเงินเพื่อชำระหนี้ตามสัญญา เงินและทรัพย์สินใดของคนชาติบริติชที่เหลืออยู่ในความยึดถือของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ก็ต้องรวบรวมคืนเจ้าของให้หมด
เมื่อได้รับข้อเสนอของนายแม็กนีล ข้าพเจ้าในฐานะอธิบดีกรมการเมืองตะวันตกทำความเห็นเสนอกระทรวง เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ว่าไม่ควรรับ เพราะเมื่อฝ่ายเราคิดเสนอหลักการจ่ายค่าทดแทนเป็นเงินก้อน เราประมาณวงเงินไว้เพียง ๖ ล้านปอนด์ หรืออย่างมากที่สุดจะไม่เกิน ๘ ล้านปอนด์ โดยเป็นที่เข้าใจว่า ค่าทดแทนใด ๆ ที่รัฐบาลไทยได้จ่ายไปแล้ว จะต้องนำมาหักออกเสียก่อน และเงินหรือทรัพย์สินอื่นของคนชาติบริติชที่ยังคงอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยเป็นอันไม่ต้องคืน แต่ก็ไม่พึงตอบปฏิเสธ เพราะหลักการเงินก้อนเป็นหลักการที่ฝ่ายไทยเป็นผู้เสนอ รัฐบาลไทยน่าจะมีข้อเสนอตอบโต้ใหม่ให้ฝ่ายบริติชพิจารณา ประกอบกับกำหนดเวลายื่นคำเรียกร้องค่าทดแทนความเสียหายจะสิ้นสุดลงในวันที่ ๑๑ ธันวาคมนั้น แล้วสำหรับค่าเสียหายส่วนตัวบุคคล และในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๔๙๒ สำหรับความเสียหายทางทรัพย์สิน ภายในเวลาอีกไม่ถึง ๔ เดือน เราจะต้องทราบยอดตัวเลขคำเรียกร้องทั้งหมดแล้ว ซึ่งตามปกติมักจะสูงมาก ฝ่ายเรามีทางพิจารณาตัดทอนลงไปได้กว่าครึ่ง เราจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องตอบอังกฤษและอินเดียไป ในกรณีที่หากไม่สามารถตกลงในจำนวนเงินก้อนได้ ข้าพเจ้าเห็นว่าควรปล่อยให้มีการพิจารณาคำเรียกร้องเป็นราย ๆ ไปทางคณะกรรมการผสม ซึ่งฝ่ายไทยมีโอกาสได้แย้งคัดค้านได้เต็มที่ ดีไม่ดีเราอาจจะได้คะแนนเสียงสนับสนุนจากผู้แทนอินเดียบางครั้งบางคราวดีกว่าจะมอบเงินก้อนใหญ่ให้แก่ฝ่ายบริติชทีเดียวทันที
ข้อเสนอของนายแม็กนีลได้รับการยืนยันเห็นชอบจากรัฐบาลอินเดียแล้ว ต่อมา ในวันที่ ๑ ธันวาคม กงสุลใหญ่ออสเตรเลียประจำประเทศไทย มีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศส่งข้อเสนอทำนองเดียวกัน เป็นอันว่าทั้งสามประเทศเขารู้กันดีแล้ว ข้อเสนอของเขาจึงมีมาในลักษณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศส่งข้อเสนอของฝ่ายบริติชไปฟังความเห็นของ ก.พ.ท. ฝ่ายไทย ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๔๙๒ นายวิตติงตันเตือนถามข้าพเจ้าว่า รัฐบาลไทยพิจารณาข้อเสนอของนายแม็กนีลแล้วมีความเห็นอย่างใด น่าจะแจ้งผลของการพิจารณาให้เขาทราบ เขาได้พูดกับผู้ใหญ่ฝ่ายไทยหลายคนแล้ว ยังไม่ได้เรื่อง ข้าพเจ้าตอบไปว่า ข้อเสนอเป็นภาระหนักเกินกว่าที่ไทยจะรับได้ นายวิตติงตันถามว่า ไทยเห็นควรเป็นจำนวนเท่าใดก็เสนอตอบได้ ข้าพเจ้ากล่าวว่า ถ้าจะให้ฝ่ายไทยเสนอตัวเลข จะต้องเป็นที่คาดหมายได้ก่อนว่า เสนอแล้วฝ่ายบริติชจะรับเป็นอันตกลงกันสำเร็จ ถ้าหากจะมาต่อรองกันต่อไปอีก จะกลายเป็นเสมือนการต่อรองในตลาดขายของ ในฐานะรัฐบาลไทยเราจะไม่กระทำเช่นนั้น ด้วยเหตุนี้ฝ่ายไทยจึงจำต้องใช้เวลาไตร่ตรองดูให้รอบคอบ นายวิตติงตันกล่าวต่อไปว่า ยอดคำเรียกร้องค่าทดแทนทั้งหมดที่ฝ่ายบริติชเคยคำนวณไว้ ตกประมาณ ๑๕ ล้านปอนด์ ต่อมาเห็นว่าอาจจะลดลงเหลือ ๑๓ ล้านปอนด์ ตามข้อเสนอขายของนายแม็กนีลลดลงไปอีก เหลือเพียง ๑๐ ล้านปอนด์เท่านั้น แสดงว่าฝ่ายบริติชพยายามลดภาระให้แก่ไทยมากแล้ว ข้าพเจ้าแย้งว่า การถือเอาตัวคำเรียกร้องเป็นเกณฑ์เกรงว่าจะทำไม่ได้ เพราะเท่าที่ได้ปฏิบัติกันมาในคณะกรรมการผสม สำหรับคำเรียกร้องค่าทดแทนความเสียหายส่วนตัวบุคคลที่มีหลักเกณฑ์การพิจารณากำหนดไว้แน่นอน ๑๖๐ ราย ที่คณะกรรมการผสมพิจารณาแล้ว มีการจ่ายทดแทนไม่ถึง ๑ ใน ๓ ของคำเรียกร้อง ถ้าเป็นคำเรียกร้องค่าทดแทนความเสียหาย ส่วนทรัพย์สินที่ยังไม่มีหลักเกณฑ์การพิจารณาแน่นอน การจ่ายค่าทดแทนอาจจะน้อยลงไปอีก
นายวิตติงตันแสดงความเห็นส่วนตัวว่า เห็นใจรัฐบาลไทยอยู่เหมือนกัน เพราะในการตกลงใช้ค่าทดแทนเป็นเงินก้อน รัฐบาลไทยจะต้องมีเหตุเพียงพอเสนอต่อรัฐสภาถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการจ่ายเงินก้อน แต่ขอให้ข้าพเจ้าคิดว่า ทางฝ่ายบริติชก็เหมือนกัน ต้องมีเหตุผลเสนอต่อรัฐสภาว่า จำนวนก้อนนี้เป็นจำนวนที่สมควร มิฉะนั้นแล้วอาจไม่ผ่านสภาก็ได้ ข้าพเจ้าไม่ปฏิเสธคารมของนายวิตติงตัน แต่ก็ได้แย้มออกไปว่าฐานะของรัฐบาลทั้งสองฝ่ายไม่เหมือนกันทีเดียว รัฐบาลไทยเป็นฝ่ายที่จะต้องจ่ายเงินของชาติ รัฐสภาจึงต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ ฝ่ายรัฐบาลอังกฤษค่าทดแทนจะตกแก่ผู้เรียกร้องที่อ้างว่าได้รับความเสียหายในยามสงครามความเสียหายย่อมเกิดแก่คนในชาติคู่สงครามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คนอังกฤษในสหราชอาณาจักรต่างต้องได้รับความเสียหายจากการศึกอย่างหนัก เขาเหล่านั้นจะเรียกร้องค่าทดแทนความเสียหายได้เพียงใด เหตุใดคนอังกฤษในประเทศไทยจะควรได้รับค่าทดแทนความเสียหายที่เรียกร้องเต็มจำนวนดีกว่าคนอังกฤษในสหราชอาณาจักร รัฐบาลอังกฤษน่าจะช่วยชี้แจงให้ผู้เรียกร้องตระหนักว่า ถึงจะได้รับค่าทดแทนเสียหายเพียงบางส่วน ก็น่าจะพอใจแล้ว และสิ่งที่รัฐบาลไทยเห็นว่าไม่ยุติธรรมอย่างมากก็คือการที่จะเกณฑ์ให้ประเทศไทยต้องรับผิดชอบในการกระทำของญี่ปุ่นและในการทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรเอง นายวิตติงตันกล่าวในตอนท้ายว่า ถ้าจะเทียบกับประเทศอื่น ประเทศไทยนับว่าได้รับความเสียหายจากสงครามน้อย ถ้าสามารถชำระค่าทดแทนได้ก็น่าจะชำระไม่เหมือนประเทศอื่นที่ต้องบอบช้ำจากสงครามมาก ผู้พิทักษ์สินทรัพย์ศัตรูของอังกฤษมีสินทรัพย์ของรัฐบาลไทยอยู่ในกำมือแล้ว หากจะให้ปล่อยคืนโดยยังไม่มีการชำระค่าทดแทนความเสียหายทั้งหมด อาจจะเป็นปัญหาทางรัฐสภาได้
ในบันทึกที่ข้าพเจ้าทำเสนอกระทรวงเกี่ยวกับการสนทนากับนายวิตติงตัน ข้าพเจ้าเสนอข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณาด้วยว่า ภาระหนักในเรื่องค่าทดแทนความเสียหายส่วนตัวบุคคลที่มีผู้ยื่นคำเรียกร้องเข้ามาแล้วรวม ๓๖๕ ราย เป็นเงิน ๑,๘๗๒,๖๓๔ ปอนด์ คณะกรรมการผสมพิจารณาเมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๔๑๙ เสร็จไป ๑๖๙ ราย มีคำเรียกร้องจำนวน ๖๑๕,๔๔๘ ปอนด์ จ่ายค่าทดแทนตามหลักเกณฑ์เพียง ๑๙๔,๓๗๘ ปอนด์ ไม่ถึง ๑ ใน ๓ ดี ส่วนคำเรียกร้องของบริษัทเหมือนแร่ ส่งเข้ามาแล้ว ๓๐ ราย อนุกรรมการเหมืองแร่พิจารณาแล้ว ๒๔ ราย กำหนดจำนวนค่าทดแทนให้ประมาณ ๑๒ ถึง ๒๐% ของคำเรียกร้อง ฉะนั้นก่อนจะตอบเรื่องจำนวนเงินก้อน ควรที่จะรอให้ครบกำหนดหมดเขตการยื่นคำเรียกร้อง ส่วนทรัพย์สินเสียก่อน ฝ่ายเราจะได้ตัวเลขคำเรียกร้องที่จะนำมาประกอบการพิจารณากำหนดวงเงินก้อนได้ ถ้าจะโดยเหตุใดก็ตาม รัฐบาลเห็นสมควรผ่อนปรนให้ตามความประสงค์ของรัฐบาลอังกฤษ โดยยินยอมเสนอตัวเลขเงินก้อนแล้ว ข้าพเจ้ายืนยันความเห็นว่า จำนวนนั้นจะต้องไม่เกิน ๖ ล้านปอนด์ และจากจำนวนนี้ต้องหักค่าทดแทนที่ฝ่ายไทยจ่ายไปบ้างแล้วออก ทั้งต้องถือว่า บรรดาสินทรัพย์ของคนชาติบริติชที่อยู่ในความควบคุมของรัฐบาลไทยและสินทรัพย์ของญี่ปุ่นในประเทศไทยเป็นอันยกให้แก่รัฐบาลไทย ข้าพเจ้าคาดคะเนว่าฝ่ายบริติชอาจจะแย้งเข้ามาอีก ในที่สุดอาจจะตกลงกันได้ภายในวงเงิน ๖ ล้านปอนด์ ซึ่งข้าพเจ้ายังไม่แน่ใจว่าจะผ่านรัฐสภาหรือไม่ เพราะเป็นภาระหนักในงบประมาณแผ่นดินปีเดียว แทนที่จะกระจายออกไปนานปีด้วยการพิจารณาคำเรียกร้องเป็นราย ๆ ไป
ที่นายวิตติงตันอ้างต่อข้าพเจ้าว่า ได้พบผู้ใหญ่ไทยเตือนถามยังไม่ได้เรื่องนั้น นายวิตติงตันคงหมายถึงการสนทนากับคุณพจน์ สารสิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๔๙๒ นายวิตติงตันเตือนถามผลการพิจารณาข้อเสนอของนายแม็กนีล คุณพจน์ตอบไปว่า เมื่อรัฐบาลไทยเสนอหลักเงินก้อนไปทางรัฐบาลอังกฤษ รัฐบาลอังกฤษใช้เวลาถึง ๑๔ เดือน จึงเพิ่งมาตอบ รัฐบาลไทยจำต้องพิจารณาข้อเสนอใหม่ของอังกฤษให้รอบคอบถี่ถ้วนต้องขอเวลาต่อไปอีก สำหรับความเห็นส่วนตัวแล้ว คุณพจน์ไม่ยินดีในข้อเสนอของรัฐบาลอังกฤษเลย การที่ไทยเสนอหลักการเงินก้อนก็โดยคิดว่า ชำระค่าทดแทนให้เสร็จสิ้นไปเงินที่ถูกกักกันอยู่เหลือเท่าใดจะนำมาใช้เพื่อการบูรณะประเทศได้ แต่นี่อังกฤษแสดงเจตนาจะเอาสินทรัพย์ของรัฐบาลไทยไว้ทั้งหมด ยังแถมให้จ่ายเงินไทยอีกเท่ากับ ๑ ล้านปอนด์สเตอร์ลิง ดูอังกฤษจะไม่ผ่อนผัน หรือเห็นอกเห็นใจรัฐบาลไทยที่พยายามปฏิบัติตามความตกลงสมบูรณ์แบบด้วยดีเสมอมา นายวิตติงตันถามว่า รัฐบาลไทยจะเสนอตัวเลขย้อนไปได้หรือไม่ว่าจะให้เท่าใด ทางสถานเอกอัครราชทูตจะพิจารณาหาทางสนับสนุนให้ เพราะตระหนักดีอยู่ว่า การเรียกร้องของผู้เสียหายเกินความจริงมาก คุณพจน์ออกตัวว่า เป็นการยากที่จะให้รัฐบาลไทยกำหนดตัวเลขลงไป ตามความตกลงสมบูรณ์แบบกำหนดหน้าที่ให้รัฐบาลไทยต้องจ่ายค่าทดแทน รัฐบาลไทยย่อมต้องปฏิบัติตามนั้น การผ่อนปรนน่าจะมาจากรัฐบาลอังกฤษมากกว่า
กระทรวงการต่างประเทศประมวลความคิดเห็นทั้งหมดเสนอคณะรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีมีมติให้รอการพิจารณาเงินก้อนไว้จนกว่าฝ่ายบริติชจะยื่นคำเรียกร้องทั้งหมดก่อน ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๔๙๒ ข้าพเจ้าเสนอบันทึกต่อกระทรวงอีกฉบับหนึ่งว่า ตามหลักฐานของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ ก.พ.ท. ฝ่ายไทยได้รับ ปรากฏว่ามีตัวเงินของรัฐบาลที่ถูกกักกันอยู่ในสหราชอาณาจักรประมาณ ๗.๕ ล้านปอนด์ และมีเงินทุนสำรองเงินตราอีกกว่า ๒ ล้านปอนด์ ทางประเทศอินเดียเงินของรัฐบาลไทยต้องถูกกักกันประมาณ ๒ แสนรูปี คิดอย่างหยาบ ๆ สินทรัพย์ของรัฐบาลไทยที่ต้องกักกันไว้มีจำนวนประมาณ ๑๐ ล้านปอนด์ ค่าทดแทนความเสียหายส่วนตัวบุคคลที่รัฐบาลอาจจะต้องจ่ายจะตกในราว ๖ แสนปอนด์ ค่าทดแทนความเสียหายส่วนทรัพย์สินยังไม่อาจทราบแน่นอน ที่สำคัญคงได้แก่คำเรียกร้องของบริษัทเหมืองแร่ซึ่งฝ่ายเราประมาณไว้แล้วว่า เราอาจจะต้องจ่ายค่าทดแทนประมาณ ๒ ล้านปอนด์ ฉะนั้น ที่คิดจะเสนอเงินก้อนถึง ๖ ล้านปอนด์ ดูสูงเกินไป
สาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้ฝ่ายอังกฤษคอยติดตามเร่งรัดให้รัฐบาลไทยรีบพิจารณาปัญหาเรื่องเงินก้อน อาจเป็นเพราะฝ่ายบริติชเห็นแล้วว่า หากจะปล่อยให้มีการพิจารณาคำเรียกร้องแต่ละรายไป จะใช้เวลาอีกนานปี จะมีการถกเถียงโต้แย้งกันในคณะกรรมการผสมไม่มีที่สิ้นสุด ประกอบกับผู้แทนอินเดียแสดงให้เห็นสัญญาณเป็นอิสระ ไม่ยอมลงเสียงให้แก่ฝ่ายอังกฤษเสมอไป นายไครชตัน ประธานคณะกรรมการผสมคนใหม่รายงานกระทรวงต่างประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคมว่า หวังพึ่งคะแนนเสียงของผู้แทนอินเดียอย่างเคยไม่ได้แล้ว และถ้าผู้แทนอินเดียไม่เห็นด้วย คะแนนเสียงข้างมากจะตกแก่ผู้แทนฝ่ายไทย ไม่เปิดโอกาสให้ประธานใช้สิทธิชี้ขาดได้
เพื่อสนองความต้องการของสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษที่อยากจะให้ฝ่ายไทยเสนอตัวเลขเงินก้อนไปให้พิจารณา คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศตอบหนังสือของนายแม็กนีลไปได้โดยเสนอตัวเลขที่ฝ่ายไทยเห็นสมควร หม่อมเจ้าปรีดิเทพย์พงษ์ เทวกุล ทรงมีลายพระหัตถ์ถึงเอกอัครราชทูตทอมสันเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๔๙๒ มีใจความสำคัญว่า จากประสบการณ์ของคณะกรรมการผสม ปรากฏว่าจำนวนคำเรียกร้องค่าทดแทนความเสียหายดูจะสูงเกินสมควร คณะกรรมการผสมได้ตกลงคำเรียกร้องค่าทดแทนความเสียหายส่วนตัวบุคคลไปแล้วสองในสามของคำเรียกร้องทั้งหมด ให้ค่าทดแทนน้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนที่เรียกร้อง สำหรับค่าเรียกร้องของบริษัทเหมืองแร่จำนวน ๖,๓๐๐,๐๐๐ ปอนด์ ก็เป็นที่คาดกันว่า ค่าทดแทนที่จะต้องจ่ายให้จะเป็นเพียงหนึ่งในสามของคำเรียกร้องเท่านั้น เมื่อคำนึงถึงเหตุการณ์แวดล้อมโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้ว รัฐบาลไทยขอเสนอค่าทดแทนเป็นเงินก้อนให้ ๓,๕๐๐,๐๐๐ ปอนด์ ทั้งนี้โดยรวมค่าทดแทนที่รัฐบาลได้ตกลงจ่ายไปแล้ว จนกระทั่งวันที่ ๘ มีนาคม ๒๔๙๒ ซึ่งมีจำนวนเงินถึง ๑,๕๔๙,๓๕๖ ปอนด์ และโดยเป็นที่เข้าใจว่า เงินและทรัพย์สินของบริษัทเหมืองแร่ที่อยู่ในการควบคุมของผู้พิทักษ์ไทยจะตกเป็นของรัฐบาลไทย นอกจากสัญญาเช่าเหมืองที่ฝ่ายไทยรับจะคืนให้ ส่วนเงินที่รัฐบาลไทยทดรองให้แก่บริษัทเหมืองแร่ไปก่อน ย่อมเป็นไปตามความตกลงที่ กระทำกันไว้ และเมื่อจ่ายเงินก้อนให้แล้ว จำนวนสินทรัพย์ของรัฐบาลไทยและ องค์การของรัฐบาลในความควบคุมของผู้พิทักษ์อังกฤษเหลือเท่าใด จะได้รับการปล่อยจากการพิทักษ์ทันที
เอกอัครราชทูตขอซ้อมความเข้าใจในตัวเลขที่ฝ่ายไทยระบุไว้ ซึ่งคุณพจน์ สารสิน ตอบชี้แจงไปเมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ขอแก้จำนวนเงินค่าทดแทนที่มีการจ่ายให้ผู้เรียกร้องแล้วจาก ๑,๕๔๙,๓๕๐ ปอนด์ เป็น ๑,๘๕๒,๐๗๐ ปอนด์ และยืนยันว่า เงินก้อน ๓,๕๐๐,๐๐๐ ปอนด์ ที่รัฐบาลเสนอให้นั้น รวมทั้งคำเรียกร้องของบริษัทเหมืองแร่ทั้งหลายด้วย แต่ไม่เกี่ยวกับเงินทดรองที่รัฐบาลไทยได้ให้แก่บริษัทเพื่อให้สามารถบูรณะเหมืองให้เปิดทำการได้ ซึ่งถือเป็นเงินให้ยืมไปพลางก่อน และจะต้องหักจากเงินก้อนที่ตกลงกัน ถ้าหากคนชาติพม่ามีคำเรียกร้องค่าทดแทนจากรัฐบาลไทยเท่าใด คำเรียกร้องนั้นจะต้องรวมอยู่ภายในวงเงินก้อนด้วย
เป็นธรรมดาอยู่เองที่ฝ่ายบริติชจะยอมตามข้อเสนอเงินก้อนของไทยไม่ได้ เพราะยังแตกต่างไปจากที่คาดหวังไว้มาก นายไครชตันเสนอตัวเลข ๖ ล้านปอนด์ ซึ่งเอกอัครราชทูตทอมสันเห็นด้วยและได้แนะให้กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษยอมรับ แล้วเสนอให้ฝ่ายไทยพิจารณานายทอมสันเน้นด้วยว่า ควรมีการพยายาม ตกลงกันให้ได้โดยเร็ว เพื่อป้องกันมิให้ฝ่ายคอมมูนิสต์ฉวยเป็นประโยชน์ในการโจมตีอังกฤษ
ต้นเดือนกันยายน หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เสด็จผ่านกรุงลอนดอน ทรงพบกับเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังของอังกฤษเมื่อวันที่ ๒ ทรงปรารภว่า จะมีทางถอนการกักกันเงินของรัฐบาลไทยบางส่วนได้หรือไม่ เนื่องจากทรงทราบว่าฝ่ายอังกฤษ รวมตัวเลขคำเรียกร้องค่าทดแทนไว้ได้แล้วมีประมาณ ๗.๕ ล้านปอนด์ เงินไทยที่ถูกกักกันไว้มีระหว่าง ๘.๗๕ ถึง ๘.๙ ล้านปอนด์ ฝ่ายอังกฤษน่าจะปล่อยเงินของไทยที่ถูกกักกันไว้อย่างน้อย ๑ ล้านปอนด์ให้ได้ทันที กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษพิจารณาเรื่องแล้วมีความเห็นว่า ขณะนั้นรัฐบาลไทยยังไม่ยอมรับหลักการที่จะต้องจ่ายค่าทดแทนเสียหายที่เกิดจากการกระทำของญี่ปุ่น และยังไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของนาย เจ. เอฟ. ชิปเลย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเหมืองแร่ที่รัฐบาลอังกฤษมอบให้พิจารณาคำเรียกร้องของบริษัทเหมืองแร่ ถ้าหม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ ทรงสามารถประทานคำรับรองว่าจะช่วยให้รัฐบาลไทยเปลี่ยนแปลงท่าทีได้ ก็น่าจะปล่อยเงินของไทยได้บ้างบางส่วน เมื่อพิจารณาคำเรียกร้องทั้งสิ้นแน่นอนแล้ว อาจจะปล่อยให้อีก
ระหว่างวันที่ ๑๙ ถึง ๒๖ กันยายน มีการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของฝ่ายอังกฤษพร้อมด้วยนายไครชตัน ประเมินค่าทดแทนทั้งหมดไม่เกิน ๖.๕ ล้านปอนด์ อังกฤษคิดหาทางจะสนองความประสงค์ของหม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ โดยดำริจะให้ไทยจ่ายเงินก้อนเป็นสองระยะ ระยะแรกเมื่อไทยตกลงยินยอมให้ค่าทดแทนเป็นเงินก้อนสำหรับความเสียหายส่วนบุคคลที่ยังค้างอยู่เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๔๙๒ แล้วอังกฤษจะปล่อยเงินกักกันส่วนหนึ่ง รอการจ่ายค่าทดแทนสำหรับบริษัทพาณิชย์และเหมืองแร่ไว้ จนกว่านายชิปเลย์จะประเมินมูลค่าเสร็จสิ้นจึงจะปล่อยที่เหลือ หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ เสด็จกลับประเทศไทยไม่นาน ก็ทรงลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม จอมพล ป. พิบูลสงคราม เข้าว่าการกระทรวงการคลังเพิ่มอีกตำแหน่งหนึ่ง และในขณะเดียวกันมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคุณพจน์ สารสิน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแทนหม่อมเจ้าปรีดิเทพย์พงษ์ เทวกุล
วันที่ ๘ พฤศจิกายน เอกอัครราชทูตอังกฤษยื่นบันทึกช่วยจำให้แก่กระทรวงการต่างประเทศเสนอหลักการจ่ายค่าทดแทนเป็นเงินก้อน ๒ ระยะ คือ ระยะแรกจ่ายเงิน ๘๒๒,๐๐๐ ปอนด์ สำหรับคำเรียกร้องค่าทดแทนความเสียหายส่วนบุคคล และทรัพย์สินทั่วไปที่ค้างการพิจารณาอยู่เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๔๙๒ ว่า โดยที่ภายหลังวันนั้นได้มีการจ่ายค่าทดแทนประเภทนี้ไปอีก ๑๒๕,๗๐๐ ปอนด์ เงินก้อนจำนวนนี้จึงลดลงเหลือ ๖๙๖,๓๐๐ ปอนด์ ถ้าฝ่ายไทยรับตัวเลขนี้แล้ว อังกฤษจะสั่งปล่อยเงินของไทยที่ถูกกักกันไว้ ๑.๕ ล้านปอนด์ ส่วนคำเรียกร้องของบริษัทพาณิชย์และเหมืองแร่ให้รอฟังผลการประเมินของนายชิปเลย์
วันที่ ๑๒ ธันวาคม พระยาโกมารกุลมนตรีแจ้งต่อนายไครชตันว่า ฝ่ายไทยคำนวนตัวเลขค่าทดแทนความเสียหายส่วนตัวบุคคลแล้ว คิดว่าคงไม่เกิน ๔๕๐,๐๐๐ ปอนด์ นายไครชตันไม่ยอมรับตัวเลขนั้น ต่อมาวันที่ ๓๐ ธันวาคม พระยาโกมารกุลมนตรีแจ้งต่อนายไครชตันเพิ่มเติมว่า รัฐบาลไทยไม่เร่งร้อนในเรื่องสินทรัพย์ของไทยในสหราชอาณาจักร ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอให้จ่ายค่าทดแทนเงินก้อนสองระยะ สำหรับค่าทดแทนทั้งหมดไทยประมาณไว้ว่าคงไม่เกิน ๕ ล้านปอนด์ ทั้งนี้จะต้องรอฟังรายงานของนายชิปเลย์ก่อน วันที่ ๖ มกราคม ๒๔๙๓ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อเอกอัครราชทูตทอมสันว่า รัฐบาลไทยมองไม่เห็นประโยชน์ในการจะให้จ่ายค่าทดแทนเป็นสองระยะอย่างที่อังกฤษเสนอ
การเจรจาไม่ก้าวหน้ามาอีกหลายเดือน คุณพจน์ สารสิน ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๔๙๓ รัฐบาลแต่งตั้งนายวรการบัญชาเข้าว่าการกระทรวงการต่างประเทศแทน
วันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๔๙๓ คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบตามข้อเสนอของ ก.พ.ท. ฝ่ายไทย ให้ใช้เป็นหลักในการเจรจาเงินค่าทดแทนความเสียหายแก่ฝ่ายบริติชเป็นเงินก้อน อนุมัติให้แต่งตั้งพระยาโกมารกุลมนตรี ประธาน ก.พ.ท. ฝ่ายไทยเป็นผู้แทนรัฐบาล มีอำนาจเต็มในการเจรจาตกลงกับฝ่ายบริติชโดยให้พยายามลดจำนวนค่าทดแทนลงมากที่สุดเท่าที่สามารถจะกระทำได้ภายในวงเงินที่ฝ่ายบริติชเสนอมา เมื่อข้าพเจ้าทราบมติของคณะรัฐมนตรีนี้ ข้าพเจ้ารีบทำบันทึกเสนอกระทรวงว่ายังไม่น่าจะต้องทำหนังสือมอบอำนาจเต็มให้แก่ประธาน ก.พ.ท. ฝ่ายไทย เพราะถ้าเจรจาตกลงกันอย่างใด ทั้งสองฝ่ายต่างจะต้องรายงานขออนุมัติจากรัฐบาลก่อน ในชั้นนั้นจึงเพียงแต่กระทรวงการต่างประเทศแจ้งให้ฝ่ายบริติชทราบว่า พระยาโกมารกุลมนตรีได้รับมอบหมายให้ดำเนินการเจรจาก็น่าจะพอ ไม่ต้องถึงกับทำหนังสือมอบอำนาจเต็มให้ ข้าพเจ้ามีโอกาสพบและสนทนากับนายไครชตัน ในฐานะประธานคณะกรรมการผสม ได้รับคำชี้แจงว่า การเจรจาเรื่องเงินก้อนพ้นหน้าที่ของคณะกรรมการฯ แล้วเป็นเรื่องที่จะต้องเจรจาระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล ทางที่ดีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศควรจะเชิญเอกอัครราชทูตอังกฤษ อัครราชทูตอินเดีย และกงสุลใหญ่ออสเตรเลียมาพบทำการต่อรองกัน ตกลงกันอย่างใดแล้วจึงจะดำเนินการเป็นทางการด้วยการแลกเปลี่ยนหนังสือต่อกัน ข้าพเจ้าลองถามนายไครชตันว่า ตัวเขาจะไม่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้เจรจาหรือ ความจริงจะสะดวกกว่ามาก เพราะเขาเป็นผู้รู้ตัวเลขต่าง ๆ ดี นายไครชตันไม่คิดจะเป็นเช่นนั้น หน้าที่เจรจาเป็นของเอกอัครราชทูต เขาเองเป็นเพียงที่ปรึกษา ข้าพเจ้าพบกับนายดายาล ทูตอินเดีย ก็ได้รับชี้แจงทำนองเดียวกัน เมื่อข้าพเจ้าลองสอบถามดูว่า ถ้าฝ่ายไทยเสนอวงเงิน ๕ ล้านปอนด์จะมีทางสำเร็จหรือไม่ นายดายาลตอบว่า ส่วนตัวเองเห็นด้วยกับจำนวนนี้มาแต่แรก แต่ถ้ารัฐบาลไทยจะเสนอในตอนนี้เกรงจะลำบาก เพราะฝ่ายบริติชทราบตัวเลขของฝ่ายไทยว่าเกิน ๕ ล้านปอนด์เสียแล้ว เข้าใจว่าถึงอย่างไรก็คงต้องสูงกว่า ๕ ล้านปอนด์
วันที่ ๖ เมษายน ๒๔๙๓ พระยาโกมารกุลมนตรีพบกับเอกอัครราชทูตอังกฤษ อัครราชทูตอินเดีย และกงสุลใหญ่ออสเตรเลีย พระยาโกมารกุลมนตรีเสนอจำนวนเงินก้อน ๕ ล้านปอนด์ เอกอัครราชทูตอังกฤษอ้างว่า ท่านนายกรัฐมนตรีเคยพูดถึงตัวเลข ๕.๒ ล้านปอนด์ ในที่สุดจึงตกลงกันในตัวเลข ๕.๒๔๕ ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นตัวเลขของฝ่ายบริติช เมื่อได้รับรายงานผลของการเจรจาจากพระยาโกมารกุลมนตรีแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้มีหนังสือเป็นทางการถึงเอกอัครราชทูตอังกฤษ อัครราชทูตอินเดีย และกงสุลใหญ่ออสเตรเลีย เสนอเงินก้อนจำนวน ๕,๒๔๕,๐๐๐ ปอนด์ เป็นการชำระค่าทดแทนคำเรียกร้องความเสียหายยามสงครามของฝ่ายบริติชที่ยังคงเหลือค้างอยู่ โดยมีความ เข้าใจดังต่อไปนี้
๑. เงินสดและทรัพย์สินของคนชาติบริติชที่ยังคงอยู่ในความควบคุมของคณะกรรมการไทย เป็นอันยกให้แก่รัฐบาลไทย นอกจากสัญญาเช่าเหมืองแร่และทรัพย์สินของบริษัทบางกอกด๊อก
๒. เงินทดรองสเตอร์ลิงที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยจ่ายให้แก่บริษัทเหมืองแร่ จะต้องหักจากจำนวนเงินก้อนที่ตกลงกันนั้น ส่วนเงินทดรองที่เป็นเงินบาท บริษัทจะต้องจ่ายคืนให้ตามสัญญา
๓. เมื่อได้จ่ายเงินก้อนให้แล้ว จะไม่มีคำเรียกร้องอื่นใดอีกที่อาศัยความตกลงสมบูรณ์แบบ และความตกลงสันติภาพฉบับสุดท้าย
๔. เมื่อจ่ายค่าทดแทนเป็นเงินก้อนให้แล้ว มีเงินเหลืออยู่เท่าใดในสินทรัพย์ของรัฐบาลไทย องค์การของรัฐบาลไทยรวมทั้งของเอกชนคนไทย บริษัทห้างร้านไทยในดินแดนสหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหภาพแอฟริกาใต้ อินเดีย ปากีสถาน ลังกา พม่า และอาณาเขตบริติชอื่น เป็นอันต้องปลดปล่อยคืนให้แก่ฝ่ายไทย
ต้องรอมาถึงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๓ รัฐบาลอังกฤษจึงสั่งมาให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทพฯ แจ้งในนามของรัฐบาลจักรภพที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่า ยอมรับเงินก้อนจำนวน ๕,๒๒๔,๒๐๐ ปอนด์ เป็นการชำระคำเรียกร้องยามสงครามของฝ่ายบริติช ทั้งหมด ภายใต้เงื่อนไขว่า
๑. บทบัญญัติเกี่ยวกับการเรียกร้องค่าทดแทนตามความตกลงสมบูรณ์แบบข้อ ๒ (ซี) (ดี) (อี) และข้อ ๓ เป็นอันสิ้นสุดลง
๒. บรรดาเงินสดและทรัพย์สินที่ยังคงอยู่ในความควบคุมของฝ่ายไทย ให้ยกเป็น ของรัฐบาลไทย นอกจากทรัพย์สินของบริษัทบางกอกด๊อก สัญญาเหมืองแร่และทรัพย์สินอื่นที่มีการเรียกคืนโดยยังมิได้มีการจ่ายเงินทดแทน การคืนทรัพย์สินเหล่านี้จะไม่มีภาระผูกพันใด ๆ ทั้งสิ้นรวมทั้งภาษีอากรของรัฐบาลไทย
เป็นอันว่าการเจรจาขอจ่ายค่าทดแทนความเสียหายตกลงกันได้ตั้งแต่วันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๓ เป็นต้นมา และเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอนได้รับคำสั่งให้แจ้งต่อผู้พิทักษ์ทรัพย์ศัตรูให้จ่ายเงินจำนวน ๔,๘๘๔,๒๕๘ (จำนวนเงินก้อนที่ตกลงกันลบด้วยเงินทดรองที่รัฐบาลไทยเคยจ่ายให้แก่บริษัทเหมืองแร่ และเงินที่ได้จ่ายให้แก่นาย เจ. เอฟ. ชิปเลย์ ที่ปรึกษาทางวิชาการของผู้แทนอังกฤษในคณะกรรมการผสม) ให้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายการคลังของกระทรวงการต่างประเทศรับไปจัดการแบ่งจ่ายให้แก่ผู้เรียกร้อง เหลือเงินพิทักษ์ไว้เท่าใด ให้จ่ายเข้าบัญชีทั่วไปของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ กรุงลอนดอน สำหรับหลักทรัพย์ ให้ฝากไว้ทางธนาคารชาติอังกฤษในบัญชีเงินสำรองของธนาคารแห่งประเทศไทย
การที่สามารถตกลงกันจ่ายค่าทดแทนเป็นเงินก้อนทำความพอใจให้แก่ทั้งสองฝ่าย เท่ากับขจัดอุปสรรคที่คอยขัดขวางความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยกับประเทศอังกฤษไปได้อีกเปลาะหนึ่ง ความจริงที่เรียกว่าเงินก้อนหรือเงินเหมา ตามสามัญสำนึกน่าจะเป็นตัวเลขกลม ๆ ที่ผ่อนผันให้แก่กัน แต่ในกรณีนี้หาใช่เช่นนั้นไม่ เป็นตัวเลขที่ได้มาจากการพิจารณาประเมินค่าทดแทนความเสียหายที่ผู้เชี่ยวชาญของทั้งสองฝ่ายกำหนดขึ้น ตัวเลขค่าทดแทนที่ฝ่ายบริติชประเมินไว้มีรายละเอียดดังนี้คือ เหมืองแร่ ๒,๐๓๒,๔๐๖ ปอนด์ ทรัพย์สินของบริษัทพาณิชย์ ๒,๖๔๔,๔๐๘ ปอนด์ ความเสียหายส่วนตัวบุคคลของอังกฤษ ๓๔๑,๑๖๐ ปอนด์ ออสเตรเลีย ๒๔,๘๒๑ ปอนด์ อินเดีย ๙๕,๐๐๐ ปอนด์ ความเสียหายแก่ร่างกาย ๑๗๔,๓๐๐ ปอนด์ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๕,๓๑๒,๐๙๕ ปอนด์ ใกล้เคียงกับตัวเลขที่ตกลงกันมาก
เมื่อเจรจาเงินก้อนกับฝ่ายบริติชได้สำเร็จ เกิดมีความคิดเห็นจะปูนบำเหน็จความชอบให้แก่ ก.พ.ท. ฝ่ายไทยด้วยการจะกราบบังคมทูลขอให้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้ โดยเฉพาะสำหรับพระยาโกมารกุลมนตรี ซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญสูงอายุอยู่แล้ว ทางการไปเชิญให้ท่านเข้ามาทำหน้าที่อันละเอียดอ่อนและยุ่งยากสลับซับซ้อน ซึ่งท่านได้ปฏิบัติมาอย่างดี โดยไม่คำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อยทางสุขภาพส่วนตัว สามารถลดภาระทางการคลังให้แก่รัฐบาลไม่น้อย ข้าพเจ้าในฐานะที่เป็น ก.พ.ท. ฝ่ายไทยด้วยผู้หนึ่งอยู่ในข่ายที่จะได้รับการพิจารณาด้วย ข้าพเจ้าไปปรารภกับนายวรการบัญชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เจ้าสังกัดของข้าพเจ้าว่า จริงอยู่การดำเนินงานของ ก.พ.ท. ฝ่ายไทย ทำให้รัฐบาลเสียเงินค่าทดแทนน้อยลง เงินที่ถูกกักกันในสหราชอาณาจักรระหว่างสงครามได้รับคืนมาบางส่วน ไม่ถึงกับถูกริบทั้งจำนวนตามที่ฝ่ายบริติชเคยประสงค์ แต่ก็ยังคงเป็นภาระทางการเงินและการคลังให้แก่รัฐบาลหนักโขอยู่ ข้าพเจ้าไม่อยากจะได้รับประโยชน์จากการปูนบำเหน็จความชอบในยามที่ประเทศไทยต้องเสียเงินค่าทดแทนความเสียหายจำนวนมหาศาล หากพิจารณาให้เฉพาะพระยาโกมารกุลมนตรีเป็นกรณีพิเศษ ก็สมควรอยู่ สำหรับข้าพเจ้าเองไม่ควรจะพลอยได้ด้วย เพราะข้าพเจ้าถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามปกติ ท่านรัฐมนตรีเห็นด้วยกับข้าพเจ้า เป็นอันไม่มีเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้ ก.พ.ท. ฝ่ายไทยในคราวนั้น
หมายเหตุ :
- กองบรรณาธิการสถาบันปรีดี พนมยงค์ ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ต้นฉบับหนังสือการวิเทโศบายของไทย จากศูนย์ศึกษาการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศแล้ว
- ศาสตราจารย์กนต์ธีร์ ศุภมงคล, เรื่อง “การปฏิบัติตามความตกลงหลังสงคราม”, การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ ถึง ๒๔๙๕ (กรุงเทพฯ : ศูนย์ศึกษาการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ, ๒๕๖๖), น. 537-563.
บรรณานุกรม :
- ศาสตราจารย์กนต์ธีร์ ศุภมงคล, เรื่อง “การปฏิบัติตามความตกลงหลังสงคราม”, การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ ถึง ๒๔๙๕ (กรุงเทพฯ : ศูนย์ศึกษาการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ, ๒๕๖๖), น. 537-563.
บทความที่เกี่ยวข้อง :
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 1 : สงครามโลกครั้งแรก
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 2 : สงครามโลกครั้งที่ ๒
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 3 : วิเทโศบายของไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 4 : การเรียกร้องดินแดนคืน
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 5 : การรักษาความเป็นกลางของประเทศไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 6 : ประเทศไทยเข้าสงครามข้างญี่ปุ่น
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 7 : ผลกระเทือนของการร่วมมือกับญี่ปุ่น
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 8 : สองปีในญี่ปุ่น ภาค 1 การต่างประเทศไทย หลัง ประกาศสงครามกับอังกฤษและสหรัฐฯ
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 8 : สองปีในประเทศญี่ปุ่น ภาค 2 ภารกิจหลังการตั้งกระทรวงกิจการมหาเอเชียบูรพา
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 9 : ขบวนการต่อต้านญี่ปุ่นภายในประเทศไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 10 : เสรีไทยเข้าประเทศไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 11 : ท่าทีของอังกฤษต่อประเทศไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 12 : ความคลี่คลายของเหตุการณ์ภายในประเทศไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 13 : ความพยายามติดต่อทางการเมืองกับอังกฤษ
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 14 : นายสุนี เทพรักษา
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 15 : การกระชับงานต่อต้าน
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 16 : อวสานของสงครามภาคแปซิฟิก
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 17 : ไทยประกาศสันติภาพ
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 18 : การทำข้อตกลงทางทหารกับฝ่ายสหประชาชาติ
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 19 : ท่านทูตเสนีย์ ปราโมช เดินทางกลับประเทศไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 20 : การเสด็จพระราชดำเนินนิวัตพระนคร
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 21 : กำลังทหารบริติชเข้าประเทศไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 22 : การเจรจาเลิกสถานะสงคราม
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 23 : ฝรั่งเศสแซงเรียกร้องจากไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 24 : การทำความสัมพันธ์ทางทูตกับจีน
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 25 : ไทยเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ - ๒๔๙๕ ตอนที่ 26 : คณะทูตสันถวไมตรีหลังสงคราม
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓-๒๔๙๕ ตอนที่ 27 : ความผันผวนทางการเมืองภายหลังสงคราม ภาค 1 บทบาทของเสรีไทย
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓-๒๔๙๕ ตอนที่ 27 : ความผันผวนทางการเมืองภายหลังสงคราม ภาค 2 การเปลี่ยนขั้วอำนาจ
- การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 28 : การปฏิบัติตามความตกลงหลังสงครามภาค 1 ค่าใช้จ่ายและสินทรัพย์ของไทยหลังสงคราม