ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
ชีวิต-ครอบครัว

วาณีเล่าเรื่อง : วันวานในโลกกว้าง : “ลาก่อนเพื่อนรัก” (ตอนที่ 18)

11
พฤศจิกายน
2566
 

 

ชีวิตของปลายเป็นชีวิตที่ชีพจรลงเท้า จากเมืองไทยไปฝรั่งเศสและอังกฤษ จากฝรั่งเศสผ่านสวีเดนและสหภาพโซเวียตไปเมืองจีนอยู่ปักกิ่งเพียง 2 ปีกว่าๆ ปลายก็ต้องจากปักกิ่งอีกแล้ว

อากาศแห้งและหนาวเย็นไม่เหมาะสำหรับพ่อผู้เป็นโรคหัวใจ ดังนั้นครอบครัวปลายจึงย้ายถิ่นพำนักไปยังเมืองกว่างโจ๊ว ดินแดนทางใต้ของประเทศจีน ซึ่งมีดินฟ้าอากาศที่อบอุ่น

ข่าวปลายจะย้ายตามครอบครัวไปกว่างโจ๊วแพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียนเป่ยจิ๊งหนิ่วอิ๊จ๊ง ปลายต้องตอบคำถามซ้ำๆ เป็นสิบเป็นร้อยครั้ง

ปู้หวา เธอจะไปกว่างโจ๊วเหรอ”

ปกติแล้วผิงผิงเป็นคนร่าเริง ช่างพูดช่างคุย แต่เมื่อทราบข่าวนี้ถึงกับซึมไปหลายวัน

“ฉันไม่ได้ไปแล้วไปเลยสักหน่อย ฉันจะกลับมาปักกิ่งอีก แล้วฉันจะเขียนจดหมายมาคุยด้วย” ปลายปลอบเพื่อนรัก

เช้าวันหนึ่งในเดือนมิถุนายน เพื่อนๆ ห้อง ม. 2/2 และครูจิ้นกับครูจ๊างพากันมาส่งปลายที่สถานีรถไฟเฉียนเหมิน สถานีรถไฟแห่งเดียวกันกับที่ปลายมาถึงปักกิ่งเมื่อกว่า 2 ปีมาแล้ว

ผิงผิงยัดเศษกระดาษใส่มือปลาย

“ที่อยู่ของฉัน อย่าลืมที่สัญญาไว้นะ” ผิงผิงกำชับ

ใกล้เวลารถไฟจะออกจากสถานี ปลายยกมือไหว้ครูจิ้นกับครูจ๊าง ผู้ให้วิชาความรู้ ให้ความอบอุ่นมาตลอดที่โรงเรียนเป่ยจิ๊งหนิ่วอิ๊จ๊ง

“ลาก่อน เพื่อนรัก ไจ้...เจี้ยน...” ปลายก้าวเท้าขึ้นไปบนตู้รถไฟพลางหันมากล่าวอำลาเพื่อนๆ

ไม่รู้ใครเริ่มขึ้นก่อน ปลายได้ยินเสียงร้องไห้ เสียงร้องไห้ดังขึ้นแล้วค่อยๆ เบาลงๆ รถไฟเคลื่อนตัวออกจากชานชาลา ผิงผิงและอีกหลายคนวิ่งตามขบวนรถไฟ ปลายชะโงกศีรษะออกนอกหน้าต่าง โบกมืออำลาเพื่อน รถไฟเร่งความเร็วแล่นไกลออกไป จนแลไม่เห็นผู้คนบนชานชาลา

ปลายยืนพิงริมหน้าต่าง ขอบตาร้อนผ่าว หยาดน้ำตาอุ่นหยดลงบนแก้ม นานแล้วที่ปลายไม่ได้ร้องไห้

ปลายจำได้ว่า วันแรกที่โรงเรียนเป่ยจิ๊งหนิ่วอิ๊จ๊ง เด็กสาววัยรุ่นกลุ่มโตล้อมหน้าล้อมหลัง ซักโน่นถามนี่ ปลายได้แต่สั่นหน้า เพื่อจะบอกว่า ฟังภาษาจีนไม่รู้เรื่อง แต่ผู้ถามก็ไม่ลดละความพยายาม “สีปู้สีกว้าน?” (ไม่เคยชิน) ปลายจำประโยคนี้ได้แม่น พวกเขาถามว่า ปลายปรับตัวเข้ากับสภาพได้หรือยัง? สุขสบายไหม?.....

วันที่จากไปในวันนี้ ปลายลืมบอกเพื่อนๆ ว่าตอนนี้ปลาย “สีกว้านล่ะ!” (เคยชินแล้ว) ปลายรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขอยู่ท่ามกลางมิตรภาพอันบริสุทธิ์และจริงใจ ปลายสนุกสนานที่ได้กิน นอน เที่ยว เล่น และเรียนที่เป่ยจิ๊งหนิ่วอิ๊จ๊งปลายไม่อยากจากเพื่อนๆ ไม่อยากไปกว่างโจ๊วอันไกลโพ้น.....

ปลายเดือนมิถุนายน ดวงอาทิตย์ร้อนแรงส่องแสงเจิดจ้าลงบนที่ราบภาคเหนือของจีน ต้นข้าวสาลี ต้นข้าวโพด ต้นข้าวเก๊าเหลียง และธัญพืชต่างๆ ลำต้นสูงประมาณเอว ต้นหยางสูงชะลูดริมถนนผลิใบเขียวเต็มต้น

หนึ่งวันกับหนึ่งคืน แล้วรถไฟก็หยุดลง เบื้องหน้าคือแม่น้ำแยงซีหรือฉางเจี๊ยง ไม่มีสะพานเชื่อมริมฝั่งด้านเหนือและด้านใต้ ต้องอาศัยเรือยนต์ลำใหญ่ขนถ่ายผู้โดยสารและตู้รถไฟข้ามแม่น้ำที่มีความกว้างกว่า 800 เมตร ทัศนียภาพทางภาคใต้ของแม่น้ำแยงซีต่างจากที่ราบทางภาคเหนือฮูหวาเป่ย

พ่อยืนพิงหน้าต่างรถไฟคู่กับปลาย สายตาของทั้งสองมองไปยังทุ่งนาริมทางที่รถไฟวิ่งผ่าน ภูมิประเทศทางภาคใต้เป็นภาพที่ปลายคุ้นตา ต้นข้าวกำลังท้องออกรวง ชาวนาเรียงเป็นแถว ใช้เครื่องมือที่ปลายไม่เคยเห็นมาก่อน ดายหญ้าที่ขึ้นรกระหว่างต้นข้าวทีละแถวทีละแถว พ่อให้ข้อคิดว่า

 

“ที่บ้านเราดำนาแล้วก็ปล่อยให้ต้นข้าวงอกเงยขึ้นตามมีตามเกิด อาศัยว่าดินน้ำอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ถึงอย่างไรก็มีข้าวกิน... แต่ชาวไร่ ชาวนาจีนสิ ประชากรมีมากถึง 600 กว่าล้านคน ถึงจะมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล แต่ที่ดินทำกินน้อย ไหนจะภัยธรรมชาติ ชีวิตสอนให้คนจีนขยันหมั่นเพียร ต่อสู้กับความยากลำบาก แม้ต้นหญ้าก็ไม่ยอมให้ขึ้นมารกแซมในนาข้าว ...ปลายอยู่เมืองจีน พึงสังเกต พึงศึกษาสิ่งใดที่ดีงามของเขาไว้นะ”

 

2 วัน 2 คืนเต็ม รถไฟสายปักกิ่ง-กว่างโจ๊ว หยุดเทียบที่ชานชาลาสถานีรถไฟกว่างโจ๊ว

สัมผัสแรกของกว่างโจ๊ว สถานีรถไฟคลาคล่ำด้วยผู้คนที่สัญจรไปมาขวักไขว่ เสียงขากเสมหะ เสียงลากรองเท้าเกี๊ยะส้นไม้กระทบพื้นดัง “กุกๆ กักๆ” มาพร้อมกับการส่งภาษาที่ฟังดูคล้ายกับกำลังถกเถียงอยู่ เป็นภาษาที่ปลายฟังไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย

 

 

ที่มา : ว.ณ. พนมยงค์, “ลาก่อนเพื่อนรัก,” ใน “วันวานในโลกกว้าง,” ใน อนุสรณ์ วาณี พนมยงค์ สายประดิษฐ์. (กรุงเทพฯ : แสงดาว, 2562), น. 286-289.

บทความที่เกี่ยวข้อง :