ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
แนวคิด-ปรัชญา

มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ : ชีวิตไม่มีแต่การเมือง (ตอนที่ 20)

21
กันยายน
2567

ต้นฉบับลายมือของตอนชีวิตไม่ได้มีแต่การเมือง โดยกุหลาบ สายประดิษฐ์

 

ข่าวการเมืองที่ท่วมท้นอยู่ตามหน้าหนังสือพิมพ์ทำให้รู้สึกว่าแทบไม่มีอากาศอย่างอื่นจะหายใจ นอกจากอากาศการเมือง และก็เปนอากาศที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นไอน่าสอิดสเอียน ข้าพเจ้าไคร่จะพาผู้อ่านให้ออกไปเสียจากอากาศการเมืองที่มีกลิ่นอับจะชวนให้เปนลม

ข้าพเจ้าสงสัยว่าจะมีความคิดสับสนอะไรสักอย่างหนึ่ง เกิดแก่ชาวเราจนทำให้เราลืมกันไปว่า ประเทศของเราอยู่ได้ด้วยข้าว ด้วยไม้ขอนสักและอื่น ๆ ความจำเริญทางเศษฐกิจมีบ่อเกิดจากการผลิต จากการออกแรงทำงานด้วยความพากเพียรอดทน, ความจำเริญทางจิตต์และปัญญาดีที่มาจากการศึกษาและการอบรมที่มีระบบ

แต่ในกาลปัจจุบัน ดูชาวเราจะเข้าใจกันไปว่าชีวิตของเราอยู่ได้ด้วยการเมืองล้วน ๆ เราไม่ต้องการอะไรอีกนอกจากการเมืองและก็จะต้องเปนการเมืองอย่างเหลวแหลก การเมืองอาฆาต การเมืองประหัศประหาร การเมืองทำลาย การเมืองแย่งชิง และก็ไม่ได้ชิงกันในเรื่องใหญ่โตอะไร เปนเรื่องแย่งชิงกล้องถ่ายรูปกันบ้าง แล้วก็ชิงบ้านและชิงเก้าอี้เท่านั้น! ดูเปนเรื่องเด็ก ๆ ที่ไร้เสียงสา ไม่น่าเปนเรื่องที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับผู้มีความรับผิดชอบสำคัญในราชการของประเทศเลย

ในหน้าหนังสือพิมพ์ก็เต็มไปด้วยรายงานข่าวการเมือง ที่ดูมีแต่เรื่องปั่นป่วน ผู้อ่านบ่นว่าอ่อนใจต่อภาวะการเมืองที่ปราศจากอนาคต แต่พอเย็นลงผู้อ่านคนเดียวกันนั้นแหละก็เลือกหาหนังสือพิมพ์ที่ให้ข่าวจำพวกนั้นและบริโภคข่าวจำพวกนั้นต่อไปด้วยความกระหาย ดูเหมือนว่าถ้าหนังสือพิมพ์รายงานข่าวเรื่องการประชุมกำจัดโรครินเดอเปสต์[1]หรือรายงานกิจการขององค์การอาหารและเกษตรเกี่ยวกับข้อแนะนำในการชลประทานและอื่น ๆ ซึ่งจะอำนวยผลในการเพิ่มพูมผลิตกรรมในการปลูกข้าวและยกมาตรฐานการครองชีพของเพื่อนร่วมชาติ ส่วนใหญ่แล้ว ดูเปนเรื่องจืดชืดไปไม่น่าแตะต้องทีเดียว

ข้อความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นว่า “การใช้เครื่องจักรและวิธีการวิทยาศาสตร์ในด้านเกษตรกรรมใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ช่วยให้กสิกรอเมริกันผลิตอาหารได้มากขึ้น คิดเฉลี่ยแล้วกสิกรแต่ละคนผลิตอาหารได้พอเพียงสำหรับตนเองและบุคคลอื่น ๆ อีก ๑๓ คนจะบริโภคประมาณเมื่อ ๑ ศตวรรษมาแล้ว กสิกรอเมริกันแต่ละคนสามารถผลิตอาหารได้พอเพียงสำหรับตนเองและบุคคลอื่น ๆ อีกเพียง ๓ คนเท่านั้น” ข้อความรู้เช่นนี้ควรเปนเรื่องที่ผู้อ่านน่าสนใจยิ่งกว่าเหตุใดจึงยังไม่มีประกาศตั้งเลขานุการรัฐมนตรีและใครจะได้เปนเลขานุการกันบ้าง ถ้าผู้อ่านสนใจในความรู้แม้เล็ก ๆ น้อย ร ๆ เช่นนี้แล้ว ก็อาจจะทำให้เกิดความสนใจต่อไปว่า ภายในศตวรรษเดียวกันนี้ ประเทศไทยซึ่งเปนประเทศของชาวนานั้น ความสามารถในการผลิตของชาวนาได้เพิ่มขึ้นเปนส่วนสัดเท่าไร หรือมิได้เพิ่มขึ้นเลย และเพราะเหตุใด และรัฐบาลมีแผนการที่จะเพิ่มความสามารถในการผลิตอย่างไร ถ้าราษฎรพากันสนใจในปัณหาเหล่านี้แล้ว รัฐมนตรีก็คงไม่มีเวลาที่จะมาอธิบายเรื่องอันไม่น่าอธิบายอยู่ว่า การที่ยังมิได้ประกาศตั้งเลขานุการรัฐมนตรีนั้น ก็เพราะเกรงผู้ที่เก่งว่าจะได้รับตั้งแล้วไม่ได้รับตั้ง จะเกิดฮึดขึ้นมาทำให้รัฐบาลต้องหนักใจในวันแถลงนโยบาย แทนที่จะมาคอยอธิบายเรื่องไร้สาระเช่นนี้ รัฐมนตรีก็จะต้องศึกษาความสนใจของราษฎรดังกล่าวแล้ว และหาคำตอบอันเปนที่พอใจให้เขา ฝ่ายราษฎรก็จะต้องแสดงให้รัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีเข้าใจว่า ถ้าเขาไม่ให้คำตอบอันมีเหตุผลเปนที่พอใจแล้ว เมื่อถึงการเลือกตั้งรอบหน้า เก้าอี้ของเขาก็จะมีคนใหม่มานั่งแทน

ความเอะอะอึงคนึงที่เปนอยู่ในประเทศของเราบัดนี้ เปนความเอะอะอึงคนึงในคั่นที่เปนข้อปัณหาในทางการเมืองเท่านั้น ประชาธิปไตยทางการเมืองเปนแต่วิถีทางที่เราจะใช้ดำเนินไปสู่ที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น เราควรจะได้ผ่านข้อปัณหาต่าง ๆ ที่ไม่ควรเปนปัณหาในเรื่องนี้กันไปได้แล้ว แต่ด้วยอวิชชา เราจึงยังคงดิ้นขลุกขลักอยู่ในที่ยังไม่มีอะไรเปนชิ้นเปนอันนี้

หนังสือพิมพ์ “โปสต์” ได้นำถ้อยคำของมหาตมคันที ซึ่งได้กล่าวในสมัยหนึ่งว่า “แม้แต่พระเจ้าก็ไม่กล้าที่จะมาสำแดงพระองค์ต่อหน้าฝูงชนผู้อดอยากหิวโหย เว้นแต่จะจำแลงพระองค์มาในรูปที่เปนอาหารเท่านั้น” ถ้อยคำนี้เปนข้อเน้นความเพ่งเล็งในการจัดระเบียบเศรษฐกิจ การทุ่มเถียงกันในเรื่องประชาธิบไตยทางการเมืองจะไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าไม่มีการจัดระเบียบเศรษฐกิจและสังคมให้มีผลเปนการคลี่คลายชีวิตของชนส่วนมากไปในทางก้าวหน้าโดยแท้จริง

การเมืองที่ได้พูด ได้คำราม และได้กรรโชกกันอยู่ในทุกวันนี้ นอกจากมิใช่การเมืองที่จะนำความก้าวหน้า, ความแจ่มใสใหม่ ๆ มาสู่ชีวิตของมวลราษฎรไทยแล้ว ยังกล่าวได้ว่าเปนการเมืองที่มีลักษณะเหมือนปลิงที่คอยสูบโลหิตราษฎรที่มีโลหิตต่ำกว่าอัตราปกติอยู่แล้วให้ซีดจางลงไปทุกที

ถ้าผู้แทนราษฎรผู้ใดยังนึกไม่ออกว่าในเวลานี้ เขาควรจะทำอะไรสักอย่างหนึ่งจึงจะเปนการรับใช้ประเทศและประชาชนที่ได้เลือกตั้งเขามาแล้ว ข้าพเจ้าใคร่เสนองานแก่เขาสักชิ้นหนึ่งคือ การสอดส่องดูแลว่าโลหิตของราษฎรถูกสูบเอาไปใช้ในทางที่ไม่เปนคุณแก่ตัวเขาหรือกลับจะเปนโทษแก่ตัวเขาประการใดบ้าง ข้อนี้ข้าพเจ้าหมายถึงว่า ขอท่านผู้แทนราษฎรได้ใส่ใจศึกษาถึงการใช้จ่ายเงินในงบประมาณแผ่นดินทุกรายการว่า ได้ใช้จ่ายไปถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ โดยเคร่งครัดหรือไม่ ได้มีการใช้จ่ายหรือได้มีช่องทางเปิดไว้ให้ใช้จ่ายเงินของแผ่นดินตามอำเภอใจหรือไม่ และได้มีการใช้จ่ายไปในรูปใดบ้าง ที่ท่านเห็นว่าเปนการใช้จ่ายที่มีลักษณะเปนการสูบโลหิตของราษฎรให้จางไปถ่ายเดียว โดยไม่เปนคุณค่าสาระประโยชน์แก่การครองชีพของเขาเลย

ถ้าท่านผู้แทนราษฎรได้กรุณาศึกษาสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้ แล้วนำรายงานการสอบสวนของท่านออกเปิดเผยแก่สาธารณชน จะเปนโดยทางหนึ่งทางใดก็ตาม ข้าพเจ้าเชื่อว่าท่านได้ประกอบกิจซึ่งประชาชนคงพร้อมที่จะแช่ซร้องสรรเสริญ

[๑ กรกฎ. ๙๒]

ที่มา : ไม่ทราบแหล่งพิมพ์ครั้งแรก
เวลา : 1 กรกฎาคม พ.ศ.2492

 

หมายเหตุ:

  • กองบรรณาธิการสถาบันปรีดี พนมยงค์ ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ต้นฉบับจากคุณสุชาติ สวัสดิ์ศรี บรรณาธิการหนังสือมนุษย์ไม่ได้กินแกลบฯ และคุณปรีดา ข้าวบ่อ แห่งสำนักพิมพ์ชนนิยมแล้ว
  • อักขรและวิธีสะกดคงไว้ตามต้นฉบับ
  • โปรดดูเพิ่มเติม หมายเหตุบรรณาธิการได้ที่ สุชาติ สวัสดิ์ศรี บรรณาธิการ, ชีวิตไม่มีแต่การเมือง ใน มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ ข้อเขียนการเมืองของกุหลาบ สายประดิษฐ์ (กรุงเทพฯ: แอล.ที.เพลส, 2548), น. 238-244.
  • ตัวเน้นโดยผู้เขียน

บรรณานุกรม :

  • สุชาติ สวัสดิ์ศรี บรรณาธิการ, มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ ข้อเขียนการเมืองของกุหลาบ สายประดิษฐ์ (กรุงเทพฯ: แอล.ที.เพลส, 2548)

บทความที่เกี่ยวข้อง :

 


[1] โรครินเดอเปสต์ มาจากภาษาอังกฤษว่า rinderpest หมายถึงโรคระบาดชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นกับวัวควาย-บก.