ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
บทบาท-ผลงาน

บันทึกประกอบคำประท้วงกรณีหนังสือชีวิต 5 แผ่นดิน เรื่องข้อเท็จจริงของการอภิวัฒน์ 2475 (ตอนที่ 16)

2
ตุลาคม
2567

Focus

  • บันทึกประกอบคำประท้วงกรณีหนังสือชีวิต 5 แผ่นดิน เรื่องข้อเท็จจริงของการอภิวัฒน์ 2475 (ตอนที่ 16) ของนายปรีดี พนมยงค์ ได้โต้แย้งประเด็นการเสนอเค้าโครงการเศรษฐกิจของนายปรีดี พนมยงค์ ก่อนเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในหนังสือชีวิต 5 แผ่นดินของนายประยูร ภมรมนตรี เรื่องการเป็นสมาชิกคณะราษฎรของหลวงเดชสหกรณ์ทั้งที่ข้อเท็จจริง มิได้เป็นสมาชิกคณะราษฎรมาก่อน รวมถึงสาเหตุเรื่องการลาออกของพระยาฤทธิ์อัคเนย์ที่ข้อเท็จจริงไม่ได้มีความขัดแย้งภายในคณะราษฎรจนถึงขั้นมีการลาออก
  • ที่มาของหลักฐานประวัติศาสตร์ชุดนี้ เนื่องมาจากในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2523 นายปรีดี พนมยงค์ ได้มอบอํานาจให้นางสาวนวลจันทร์ ณ ป้อมเพชร เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกระทรวงศึกษาธิการที่ 1 ห้างหุ้นส่วนจํากัดบรรณกิจเทรดดิ้งที่ 2 เป็นจําเลยต่อศาลแพ่ง เรื่อง ละเมิดหมิ่นประมาทไขข่าวแพร่หลายต่อหนังสือชีวิต 5 แผ่นดินของข้าพเจ้า โดยประยูร ภมรมนตรี ซึ่งการฟ้องร้องคดีความฯ ของนายปรีดีถือเป็นการยืนยันสัจจะทางประวัติศาสตร์ให้ปรากฏโดยในเนื้อหาของคำฟ้องคดีความฯ ต่อหนังสือชีวิต 5 แผ่นดินของข้าพเจ้าคดีความฯ ได้สิ้นสุดลงเมื่อศาลแพ่งได้พิพากษาในวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2525 ตามหนังสือประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจําเลยและนายปรีดีไม่ได้ฟ้องร้องคดีต่อนายประยูร ภมรมนตรี ด้วยปรารถนาจะประกาศสัจจะทางประวัติศาสตร์และเผยแพร่ข้อเท็จจริงของการก่อตั้งคณะราษฎรและประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ถูกบิดเบือนไป

 

 

ข้อ 14.

บันทึกประกอบคำประท้วงของนายปรีดี พนมยงค์ ข้อที่ 14.

 

พล.ท.ประยูรฯ จัดฉากละครเรื่องใหม่โดยสมมติให้นายควงและหลวงเดชสหกรณ์เป็นต่อต้านการแจกโครงการเศรษฐกิจของปรีดี ที่บ้านนายควง และที่บ้านร.ท.ประยูรฯ

เมื่อพล.ท.ประยูรฯ ได้สมมติให้พระยาทรงฯ เป็นพระเอกผู้ปราบปรามปรีดีในนิยายหลายเรื่องแล้ว พล.ท.ประยูรฯ ก็ได้พระเอกขึ้นอีก 2 ท่านเพื่อสลับฉากให้ผู้ชอบอ่านนิยายหลงเชื่อว่าเป็นความจริงคือ ในนิยายเรื่องใหม่นั้น พล.ท.ประยูรฯ ได้อาศัยบ้านควง อภัยวงศ์ และบ้านของพล.ท.ประยูรฯ เป็นฉากใหม่ 2 ฉาก และสมมติให้นายควงกับหลวงเดชสหกรณ์เป็นพระเอกผู้ทําการต่อต้านการแจกโครงการเศรษฐกิจของปรีดีนั้น ดังปรากฏความตามหนังสือของพล.ท.ประยูรฯ หน้า 144-145 ดังต่อไปนี้

หลวงเดชสหกรณ์ ขอลาออก

ในเรื่องโครงการเศรษฐกิจ(สหกรรม)ของคุณปรีดีนั้น พยายามมาแจกเพื่อนฝูงในการประชุมย่อยที่บ้านคุณควง อภัยวงศ์ เจ้าของบ้านก็ร้องเอะอะว่าอาจารย์เอาอะไรมาแจกอีกแล้ว ไม่เอา ไม่เอา จะหาเรื่องเข้าซังเต และในที่สุดในการประชุมใหญ่ที่บ้านข้าพเจ้าที่บางซื่อ คุณปรีดีก็นําเอามาแอบแจกกันอีก ตอนนี้คุณหลวงเดชสหกรณ์ (ม.ล.เดช สนิทวงศ์) ได้มานั่งปรับทุกข์กับข้าพเจ้ากันที่คลองประปาว่า คุณปรีดีเสนอโครงการเศรษฐกิจในลักษณะพลิกแผ่นดินและไม่ยอมยับยั้ง พยายามเคี่ยวเข็ญเอาเรื่องมาเข้าที่ประชุมแทบทุกครั้ง เกรงว่าในเบื้องหน้าจะเกิดเรื่องวุ่นวายแบบป่นปี้ จึงจําใจต้องขอลาออกจากคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครอง ไม่สามารถอยู่ร่วมรับผิดชอบอยู่ด้วยได้ แต่รับรองที่จะปกปิดและจะช่วยเป็นกําลังรับใช้ในโอกาสต่อไป ข้าพเจ้ารู้สึกเสียดายคุณหลวงเดชฯ เป็นอย่างยิ่งเพราะเป็นผู้ที่มีความรู้แตกฉานในวิชาเศรษฐกิจ และเป็นคนสุขุมเคร่งเครียดในการงาน เป็นเพื่อนที่ดีและเป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้ว

ข้าพเจ้า(ปรีดี) ขอเสนอคำวิเคราะห์วิจารณ์ของนักศึกษาไว้ในข้อ 14.1. และคำชี้แจงเพิ่มเติมของข้าพเจ้าในข้อ 14.2.

 

14.1.

คําวิเคราะห์วิจารณ์ของนักศึกษาฯ

ตามเอกสารหลักฐานบันทึกรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎรดังกล่าวแล้วในข้อ 12 และข้อ 13 นั้น ปรากฏชัดแจ้งว่าปรีดีเพิ่งร่างเค้าโครงการเศรษฐกิจเสร็จภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว 9 เดือนเศษ ฉะนั้น คําอ้างของพล.ท.ประยูรฯ ว่าปรีดีทําโครงการเศรษฐกิจไปแจกที่บ้านนายควง และที่บ้านของ ร.ท.ประยูรนั้นจึงเป็นไปไม่ได้

 

14.2.

คําชี้แจงของข้าพเจ้า (ปรีดี) เพิ่มเติมจากคำวิเคราะห์วิจารณ์ของนักศึกษาฯ

 

คําวิเคราะห์วิจารณ์ของนักศึกษาดังกล่าวในข้อ 14.1 นั้นเป็นการพอเพียงแล้วสําหรับท่านที่เป็นธรรมวินิจฉัยได้ว่าเรื่องที่พล.ท.ประยูรฯ กล่าวอ้างไว้นั้นเป็นเรื่องละครที่สมมติฉากและตัวละคร ไม่ใช่สัจจะทางสารคดี แต่ข้าพเจ้าเห็นว่าละครเรื่องใหม่ของพล.ท. ประยูรฯ ได้อ้างหลวงเดชฯ ซึ่งต่อมาเป็น “องคมนตรี” นั้นเป็นพระเอกในเรื่องด้วย ซึ่งทําให้มีผู้หลงเชื่อว่าเป็นความจริงทางสารคดีเกี่ยวกับการที่อ้างว่าหลวงเดชฯ ลาออกจากการเป็นสมาชิกคณะเปลี่ยนแปลงการปกครองและคําพูด หลวงเดชฯ นั้น อันจะนําความเสียหายมาสู่เกียรติของหลวงเดชฯ ได้นั้น แต่หลวงเดชฯ ก็ได้ถึงแก่กรรมไปหลายปีก่อนพิมพ์หนังสือของพล.ท.ประยูรฯ หลวงเดชฯ จึงหมดโอกาสชี้แจงความจริง ข้าพเจ้าจึงขอชี้แจงความจริงไว้ดังต่อไปนี้

(1)

พล.ท.ประยูรฯ อ้างว่าหลวงเดชสหกรณ์จำใจลาออกจากคณะเปลี่ยนแปลงการปกครอง เพราะไม่พอใจโครงการเศรษฐกิจของข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้ายืนยันได้ว่าหลวงเดชฯ มิได้สมัครเป็นสมาชิกคณะเปลี่ยนการปกครองหรือคณะราษฎร ฉะนั้นท่านจึงไม่มีสมาชิกภาพของคณะฯ ที่ท่านต้องลาออก

ขอให้ท่านผู้มีใจเป็นธรรมโปรดดูหนังสือของ พล.ท.ประยูรฯ หน้า 120-129 ซึ่งท่านผู้นี้ได้ชี้แจง ชื่อผู้ที่ร่วมประชุมครั้งแรกที่บ้านของท่าน 7 คน และที่สมัครตอนหลังอีก 9 คนดั่งต่อไปนี้

ร่วมประชุมครั้งแรกที่บ้านข้าพเจ้า (ประยูร) รวมทั้งหมด 7 คน

1. ร.ท.แปลก ขีตตะสังคะ

2. นายปรีดี พนมยงค์

3. หลวงศิริราชไมตรี (พิมพ์ชื่อตามหนังสือของพล.ท.ประยูรฯ)

4. ดร.ตั้ว ลพานุกรม

5. ร.ต.ทัศนัย มิตรภักดี

6. นายแนบ พหลโยธิน

7. ร.ท.ประยูร ภมรมนตรี

 

ส่วนที่มาสมัครตอนหลังคือ

1. พ.ท. พระทรงสุรเดช

2. พ.ท. พระศรีสิทธิสงคราม (ต่อมาขอถอนตัว)

3. ร.อ.สินธุ์ กมลนาวิน

4. ดร.ประจวบ บุนนาค

5. ม.ล. อุดม สนิทวงศ์

6. นายทวี บุณยเกตุ

7. นายควง อภัยวงศ์

8. ม.ล.กรี เดชาติวงศ์

9. นายบรรจง ศรีจรูญ

ท่านผู้มีใจเป็นธรรมก็จะเห็นได้ว่า

(1)

ไม่มีหลวงเดชสหกรณ์ หรือ ม.ล.เดช สนิทวงศ์ ในบัญชีของพล.ท.ประยูรฯ หากมีชื่อ ม.ล.อุดม สนิทวงศ์ น้องชาย ม.ล.เดชฯ นั้นในบรรดาบุคคลที่พล.ท.ประยูรฯเขียนว่า “ที่สมัครตอนหลัง”

(2)

แม้ว่าพล.ท.ประยูรฯ ได้เอาชื่อ “พ.ท.พระศรีสิทธิสงคราม” มาใส่ไว้ในบัญชี “ผู้ที่มาสมัครตอนหลัง” แต่พล.ท.ประยูรฯ ก็ได้เขียนความไว้ในวงเล็บหลังชื่อพระศรีฯนั้นว่า “(ต่อมาขอถอนตัว)” สมัครเป็นสมาชิกคณะแล้วขอลาออกเพื่อแสดงว่าพระศรีฯ สมัครเป็นสมาชิกคณะฯ แล้วขอลาออก

ฉะนั้นถ้า ม.ล.เดช สนิทวงศ์ หรือ หลวงเดชสหกรณ์ได้สมัครเป็นสมาชิกคณะฯ แล้วขอลาออกตามที่พล.ท.ประยูรฯ อ้างในเรื่องละครของท่าน พล.ท.ประยูรฯ ก็จะต้องเขียนชื่อ ม.ล. เดชฯ หรือหลวงเดชสหกรณ์ในบัญชีของท่านหน้า 128-129 นั้นโดยใส่หมายเหตุไว้ในวงเล็บว่า  “(ต่อมาขอถอนตัว)”

(3)

พระศรีสิทธิสงคราม (ต่อมาเป็นพระยาฯ) นั้นเป็นเพื่อนสนิทของพระยาพหลฯ ซึ่งเคยศึกษาที่โรงเรียนนายทหารเยอรมันมาด้วยกัน พระยาพหลฯ ได้ทาบทามที่จะให้พระยาศรีฯ เข้าร่วมเปลี่ยนแปลงการปกครอง ดังปรากฏในคําให้สัมภาษณ์ของพระยาพหลฯ ต่อหนังสือพิมพ์ “สุภาพบุรุษ” เมื่อ พ.ศ. 2484 หน้า 80 มีความดังต่อไปนี้

พระยาพหลฯ พบพระยาศรีฯ

ต่อมาพระยาพหลฯ ได้พบสนทนากับพระยาศรีสิทธิสงครามอยู่เนือง ๆ เพื่อพูดจาทาบทามทางความคิดเห็นของพระยาศรีฯ ว่าจะเห็นชอบด้วยกับการเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินหรือไม่ แต่พระยาพหลฯ ก็ได้ระมัดระวังที่จะไม่พูดจาให้พระยาศรีฯ ได้รู้ความเป็นไปอีกเพราะมีผู้วางใจว่าพระยาศรีฯ จะเล่นด้วยพระยาพหลฯ นั้นได้ปรารภถึงเรื่องในครั้งนั้นพระยาศรีฯ ก็ได้แต่นิ่งฟัง ไม่ทักท้วงและไม่สนับสนุนประการใด พระยาพหลฯ ก็ได้ร่วมงานกับพระยาศรีฯ มาหลายครั้ง พระยาศรีฯ ก็เปิดเผยความคิดนั่นเอง พระยาพหลฯ ก็จนปัญญา และไม่หน้าจะเปิดเผยรายละเอียดของคณะให้พระยาศรีสิทธิฯ ทราบเมื่อเห็นแน่ว่าพระยาศรีของไม่ร่วมความคิดด้วย พระยาพหลฯ ก็จําต้องตัดใจปล่อยพระยาศรีฯ เพื่อนสนิทไว้แต่ลําพัง

ข้าพเจ้า(ปรีดี) ขอเสนอท่านที่มีใจเป็นธรรมพิจารณาว่า พระยาศรีสิทธิสงครามนั้นมิได้เป็นสมาชิกของคณะเปลี่ยนแปลงการปกครองหรือคณะราษฎร แต่พล.ท.ประยูรฯ ที่เขียนไว้ขัดแย้งกับคําสัมภาษณ์ของพระยาพหลฯ ดังกล่าวข้างต้น โดยพล.ท. ประยูรฯ ใส่ชื่อพระยาศรีฯ ไว้ในบัญชี “ผู้ที่มาสมัครตอนหลัง” แต่มาขอถอนตัว

ถ้าผู้ใดหลงเชื่อตามสํานักพิมพ์บรรณกิจซึ่งคณะกรรมการที่อ้างถึงแล้วนั้นสนับสนุนว่าข้อเขียนของพล.ท.ประยูรฯ เป็นความจริงยิ่งกว่าบุคคลใดที่เขียนเกี่ยวกับคณะราษฎรแล้วก็คิดว่า ข้อเขียนของ พล.ท.ประยูร มีน้ำหนักกว่าค่าให้สัมภาษณ์ของพระยาพหลฯ

อย่างไรก็ตาม เมื่อพล.ท.ประยูรฯ ใส่ชื่อพระยาศรีฯ ไว้ในบัญชีดังกล่าวพร้อมทั้งหมายเหตุไว้ ในวงเล็บว่า (ต่อมาขอถอนตัว) นั้น แต่ไม่ปรากฏว่าพล.ท.ประยูรฯ ใส่ชื่อหลวงเดชสหกรณ์ไว้ในบัญชีของ พล.ท.ประยูร โดยหมายเหตุดังที่ท่านช่วยทําให้แก่พระยาศรีสิทธิสงคราม

(4) วิธีไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้งจึงไม่มีผู้ก่อการคนใดลาออกจากคณะฯ

เป็นที่ตกลงกันในบรรดาบุคคลชั้นหัวหน้าผู้ก่อการว่า ความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นระหว่างผู้ก่อการก่อนลงมือปฏิบัติการนั้น บุคคลชั้นหัวหน้าต้องใช้วิธีไกล่เกลี่ยให้สมาชิกแตกออกจากคณะฯ เช่น พล.ท.ประยูรฯ ได้ทําแก่ข้าพเจ้ามากมายดังปรากฏในหนังสือของท่านแล้วนั้น ข้าพเจ้าก็ได้พยายามอดกลั้น เพื่อถนอมน้ำใจพล.ท.ประยูรฯ ไว้เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของคณะฯ ฉะนั้นจึงไม่มีสมาชิกของคณะคนใดเลยลาออกจากคณะฯ

เรื่องสําคัญยิ่งกว่าละครของพล.ท.ประยูรฯ เรื่องแรกโครงการเศรษฐกิจของปรีดีนั้นก็คือเรื่องที่พระยาฤทธิอัคเนย์ปรารภ “จะลาออก” เพราะมีความเห็นขัดแย้งกับบุคคลชั้นหัวหน้าจํานวนหนึ่งเรื่องแผนการยึดอํานาจรัฐซึ่งฝ่ายพระยาพหลฯ กับพระยาทรงฯ เห็นว่าต้องลงในปฏิบัติการในขณะที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ประทับอยู่ในพระนคร ฝ่ายพระยาฤทธิ์ฯ ไม่เห็นด้วยโดยให้เหตุผลว่า “อาจจะมีการล้างผลาญกันถึงชีวิตเป็นการใหญ่” และท่านกล่าวว่า ถ้าขืนทําตามนี้อย่าทําอีกว่า คิดว่าจะล้มเหลวเสียดายและน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง แต่ในที่สุดเรื่องก็ตกลงปราณีประนอมกันได้ดังปรากฏในหนังสือ “ชีวิตและการเมือง” ของพระยาฤทธิ์ฯ หน้า 17-18 ดังต่อไปนี้

แต่บรรดาหัวหน้าคณะปฏิวัติทั้งหมดที่อยู่ในขณะนั้นรวมทั้งพระยาพหลฯ และพระยาทรงสุรเดชด้วย ไม่เห็นด้วยกับความคิดของพระยาฤทธิ์ฯ และยืนยันว่าจะต้องทําให้ได้ เมื่อเป็นเช่น พระยาฤทธิ์ฯ ซึ่งประกาศยืนยันไม่เห็นด้วยโดยเด็ดขาดว่า “ถ้าไม่ตกลงตามนี้ก็เลิกกัน” และในการนี้พระยาฤทธิ์ฯ ได้ให้คํามั่นอันเป็นหลักประกันต่อคณะปฏิวัติไว้ว่า ด้วยเกียรติยศจะไม่นําเรื่องที่เราปรึกษากันในระหว่างเพื่อนนี้ไปพูดให้คนอื่นเป็นอันขาด

แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่อาจรับรองได้ นี่คือคำขาดที่พระยาฤทธิ์ฯ ยืนยันต่อบรรดาบุคคลชั้นหัวหน้าของคณะปฏิวัติในขณะนั้น “คือถ้าท่านขึ้นเริ่มทํากันขึ้นในขณะที่พระเจ้าอยู่หัวยังอยู่ก็อาจต้องมีการต่อสู้กัน ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นนายทหารรักษาพระองค์ซึ่งต้องปฏิบัติการตามหน้าที่

บรรยากาศของที่ประชุมคณะปฏิวัติตึงเครียดขึ้นมาทันที แต่แล้วก็กลับคืนเข้าสู่ภาวะปรกติได้ โดยมีบุคคลผู้หนึ่งเข้าไปร่วมประชุมด้วยภายหลังเพื่อน เขาผู้นั้นคือหลวงประดิษฐ์มนูธรรมนั่นเอง หลวงประดิษฐ์ฯ ได้มีความเห็นตรงกับพระยาฤทธิ์ฯ และสนับสนุนด้วยเป็นอย่างยิ่ง เรื่องจึงลงเอยกันได้

(5) ลครฉากใหม่ของพล.ท.ประยูร ทําให้หลวงเดชสหกรณ์เสียเกียรติมาก

ผู้ใดหลงเชื่อว่าเรื่องละครของพล.ท.ประยูรฯ เกี่ยวกับหลวงเดชฯ นั้นเป็นความจริงก็ทําให้เสียเกียรติของหลวงเดชฯ มาก เพราะจะเป็นการที่ผ่านเคยไปสมัครเป็นสมาชิกคณะฯ ร.ท. ประยูรฯโดยพล.ท.ประยูร มิได้ใส่ชื่อหลวงเขาไว้ในบัญชี และผู้หลงเชื่ออาจเห็นว่าหลวงเดชฯ เป็นคนใจน้อยเพียงว่าไม่พอใจที่ปรีดีทําโครงการเศรษฐกิจไปแจกที่บ้านร.ท. ประยูรฯ แล้วหลวงเดชฯ ก็แอบขอลาออกจากสมาชิกภาพของคณะฯ ต่อร.ท.ประยูรฯ อีกโดย พล.ท.ประยูรฯ ไม่ใส่ชื่อหลวงเดชฯ ในบัญชีผู้มาสมัครตอนหลังและไม่เขียนหมายเหตุว่า (ต่อมาขอถอนตัว) เช่นเดียวกับที่พล.ท.ประยูร ช่วยเขียนให้แก่พระยาศรีสิทธิสงครามซึ่งพระยาพหลฯ มิได้รับเป็นสมาชิกคณะฯ

(6) หลวงเดชฯ แสดงว่าเห็นด้วยกับปรีดีในหลักการ

หลวงเดชสหกรณ์รู้จักข้าพเจ้าหลายปีก่อนที่ร.ท. ประยูรฯ ถึงกรุงปารีส หลวงเดชฯ เคยร่วม ในคณะกรรมการสามัคยานุเคราะห์สมาคมกับข้าพเจ้ามาตั้งแต่ก่อตั้งสมาคมนั้นใน พ.ศ. 2466

ข้าพเจ้าสําเร็จปริญญาเอกฝรั่งเศสกลับสู่สยามใน พ.ศ. 2470 แล้วในปีเดียวกันนั้นหลวงเดชฯ ก็สำเร็จปริญญาเอกสวิตเซอร์แลนด์แล้วกลับสู่สยามภายหลังข้าพเจ้าไม่กี่เดือน

ใน พ.ศ. 2471 ข้าพเจ้าได้ออกนิตยสารชื่อ “นิติสาส์น” นั้น ม.ล.เดชฯ ที่ช่วยส่งบทความเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์มาลงพิมพ์ตั้งแต่ฉบับที่ 1 และฉบับต่อไปจนเปลี่ยนการปกครองมิถุนายน 2475 แล้วหลายคนที่เป็นสมาชิกนิตยสารนั้นที่ยังมีชีวิตอยู่คงระลึกว่าได้อ่านบทความของหลวงเดชฯ ดังกล่าว

ม.ล.เดชฯ หรือหลวงเดชฯ ได้สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันกับข้าพเจ้าฉันท์มิตรภาพกันตลอดมา มิใช่หลวงเดชฯ เป็นคนใจน้อย

เอกสารหลักฐานบันทึกการประชุมกรรมานุการพิจารณาเค้าโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ ณ วังปารุสกวันเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2475 (ซึ่งมีผู้นําไปพิมพ์หลายครั้งแล้ว) ปรากฏว่าหลวงเดชสหกรณ์ได้กล่าว ในที่ประชุมเห็นด้วยกับข้าพเจ้าในหลักการใหญ่ดังต่อไปนี้

หลวงเดชสหกรณ์ ปัญหาใหญ่เรื่องรวมที่ดินนั้นสําคัญว่าจะรวมด้วยวิธีไหน ในหลักการนั้นเห็นด้วย หลักการเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ทุกข้อทุกระยะต้องดูว่าเราจะทําได้แค่ไหน โครงการมีถึงการที่รัฐบาลทําการค้าขายเองด้วย จะกระทบถึงชาวต่างประเทศมากไหม เช่นการค้าขายตกอยู่ในมือของคนต่างประเทศ

(หลวงอรรถสารประสิทธิ์ เขยน้อยของหลวงเดชสหกรณ์นั้นเป็นผู้จดรายงานการประชุม)

 

หมายเหตุ :

  • คงอักขร การสะกดคำศัพท์ การเว้นวรรค และเลขไทยตามเอกสารต้นฉบับ
  • ภาพประกอบจากบันทึกประกอบคำประท้วงของนายปรีดี พนมยงค์

 

ภาคผนวก

คำขอขมาของห้างหุ้นส่วนจำกัดบรรณกิจเทรดดิ้งและประกาศกระทรวงศึกษาธิการเพิกถอนคำตัดสินของคณะกรรมการพิจารณาหนังสือแห่งชาติ หนังสือชื่อ “ชีวิต 5 แผ่นดินของข้าพเจ้า” โดย พล.ท. ประยูร ภมรมนตรี

 

 

บรรณานุกรม

หลักฐานชั้นต้น :

  • ปรีดี พนมยงค์, บันทึกประกอบคำประท้วงของนายปรีดี พนมยงค์, (มปท., มปป.)

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง :