จากใจผู้เขียน
นับแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลกจนถึงวันที่ก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัย เส้นทางชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งขนานคู่ไปกับเรื่องราวผันผวนและแปรเปลี่ยนของสังคม ในช่วง พ.ศ. ๒๔๘๔ - พ.ศ. ๒๕๐๓ ทั้งในบ้านเกิดและต่างแดนและในที่สุดสู่อ้อมกอดแผ่นดินแม่เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๑ หลากรสหลากอารมณ์ที่แผ้วผ่านเข้ามาในชีวิต ได้หลอมเป็นประสบการณ์ชีวิตอันทรงคุณค่าและยากที่จะลืมเลือน
ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นสักขีพยานชีวิตของเธอผู้นี้ จึงได้เรียงร้อยวันวานในโลกกว้างฝากไว้ในบรรณพิภพ ด้วยหวังให้บันทึกนี้เป็นเพื่อนเดินทางของนักอ่านรุ่นเยาว์ท่องไปในโลกกว้างและย้อนรอยสู่อดีต
ผู้เขียนระลึกด้วยความขอบคุณทุกท่านที่อยู่เบื้องหลังการนำวันวานในโลกกว้างสู่สายตาของผู้อ่าน โดยเฉพาะคู่ชีวิตที่เป็นกำลังใจ ให้คำติชม ตั้งแต่ต้นร่างจนถึงฉบับสมบูรณ์
ว.ณ. พนมยงค์
พฤษภาคม ๒๕๔๓
คันนาได้แบ่งผืนนาออกเป็นผืนๆ เหมือนกับตารางหมากรุกขนาดใหญ่เล็กไม่เท่ากัน น้ำจากคูคลองชลประทานถูกทดเข้ามาในท้องนา
ที่นี่คือสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำไข่มุกหรือจู้เลี้ยง อู่ข้าวอู่น้ำแห่งหนึ่งของประเทศจีน
เป็นประเพณีมานานหลายปี บางครั้งช่วงฤดูกาลดำนา บางครั้งช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว นักเรียนต้องไปทำนาในชนบทราว 1 สัปดาห์ ถึง 10 วันโรงเรียนทุกแห่งสนองตามนโยบายของประธานเหมา ที่ต้องการให้นักเรียนนักศึกษา และปัญญาชนฝึกฝนการใช้แรงงานและเรียนรู้ชีวิตอันทรหดของชาวไร่ชาวนา
มีเรื่องเล่ากันว่า เมื่อลูกชายคนหนึ่งของประธานเหมาสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในสหภาพโซเวียต กลับมาถึงฐานที่มั่นอภิวัฒน์ที่เยนอาน ได้ของานพ่อทำ ประธานเหมามอบเมล็ดพันธุ์ข้าวสาลีให้ลูกชายถุงหนึ่ง บอกให้ลูกชายไปเรียนการเพาะปลูกกับชาวนาก่อน แล้วค่อยกลับมาคุยเรื่องงานกันใหม่…
เทศกาลตรุษจีนเพิ่งผ่านพ้นไป ชาวนากวางตุ้งก็เริ่มพลิกหน้าดิน ไถนาหว่านเมล็ดพืชอีกวาระหนึ่ง เพียงเดือนเดียว ต้นกล้าสีเขียวอ่อนก็สูงกว่าคืบ
หลังเทศกาลตรุษจีน 1 เดือน ปลายกับเพื่อนๆ ได้มาที่คอมมูนประชาชน[1] ซือกั่งอาง ปลายพักกับครอบครัวชาวนาสกุลเหลียง ครอบครัวนี้มีสมาชิก 6 คน ปู่ย่า พ่อแม่ กับลูกเล็กๆ อีก 2 คน
เสียงกุกกักในครัวทำให้ปลายตื่น ปลายค่อยๆ เหยียดแขนซ้ายออกมานอกผ้านวม รู้สึกถึงอุณหภูมิที่แตกต่าง แขนที่ยื่นออกไปแล้วนั้น หดกลับมาหาความอบอุ่นในผ้านวม
กลิ่นควันไฟลอยเข้ามาในห้อง คงเป็นภรรยาอาเหลียงลุกขึ้นเตรียมอาหารเช้า อาหยุนตื่นก่อนทุกคนในบ้านเช่นนี้ทุกวัน ปลายลุกพรวดจากที่นอนรีบทำธุระส่วนตัวแบบลวกๆ เพื่อให้ทันช่วยงานอาหยุน
เมื่อกินน้ำข้าวต้มใสๆ ร้อนๆ กับมันเทศต้มเป็นอาหารเช้าแล้ว ปลายก็ตามอาเหลียงกับอาหยุนไปท้องนา
ท้องฟ้ายังขมุกขมัวอยู่ เท้าของปลายเหยียบลงบนพื้นหญ้าที่เปียกแฉะด้วยน้ำค้างเมื่อคืนวาน สองสามีภรรยาพาปลายเดินตามคันนามายังที่นาแปลงหนึ่ง ชาวนาในหมู่บ้านซึ่งอยู่ในหน่วยการผลิตเดียวกันกำลังเตรียมดำนาในที่นาแปลงนี้
ดวงอาทิตย์โผล่เหนือขอบฟ้า ค่อยๆ เขยิบตัวสูงขึ้น แสงเงินแสงทองสาดส่องทั่วพื้นพสุธา ปลายพับแขนเสื้อ และถลกขากางเกงสูงขึ้น เตรียมพร้อมดำนากับเขาด้วยคน
คุณปู่ปลายมีอาชีพทำนา พ่อของปลายก็เคยไปช่วยคุณปู่ทำนา พ่อเล่าให้ปลายฟังเสมอถึงเรื่องชาวนาไทยหลังสู้ฟ้าหน้าสู่ดิน ข้าวแต่ละเม็ดกว่าจะได้มานั้นลำบากแสนเข็ญเพียงใด
ปลายจึงเป็นลูกหลานชาวนาคนหนึ่ง แต่ปลายกลับไม่มีความรู้เรื่องทำไร่ไถนาเลย
ปลายชำเลืองมองจังหวะการดำนาของอาหยุน เธอแยกต้นกล้าออกเป็นกำ กำละ 2-3 ต้น แล้วใช้หัวแม่มือกดรากต้นกล้าให้ฝังลึกไปในท้องนาที่อ่อนนุ่มเป็นโคลนตม เมื่อปลูกแนวกลางเสร็จ ก็โยกลำตัวมาปลูกทางซ้าย เมื่อปลูกแนวซ้ายเรียบร้อย ก็โยกตัวมาแนวขวา จากนั้นถอยร่นลงมาตามแนวเชือกที่ขึงไว้ แต่ละกอทิ้งช่วงไว้ห่างพอสมควร รอต้นกล้าเจริญเติบโตเป็นต้นข้าว
กำลังดำนาเพลินๆ อยู่ ปลิงควายตัวหนึ่งเกาะที่ต้นขาปลาย ปลายสะบัดขาขวาโดยแรงหวังให้ปลิงหลุด แต่ปลิงเจ้ากรรมตัวนี้ยังคงเกาะแน่น ปลายจึงหันมาบ้วนน้ำลายลงบนฝ่ามือแล้วใช้มือนั้นปัดปลิงออกโดยเร็ว ปลิงดูดเลือดปลายจนเลือดสีแดงสดไหลเป็นทางยาวบนท่อนขา
น้ำในท้องนาถูกกวนเป็นสีดำขุ่น อะไรเอ่ยก็ไม่รู้ จะเป็นฟองน้ำก็ไม่ใช่เป็นใบไม้แห้งก็ไม่เชิง สีเหลืองแก่เป็นมันวาวลอยอยู่ข้างๆ ตาตุ่มของปลาย จมูกของปลายไวพอที่จะสัมผัสกลิ่นของมัน
อุจจาระนั่นเอง ปลายถึงบางอ้อ
ปลายอยากวิ่งหนีไปให้ไกล แต่มีลอยฟ่องไปทั่ว ถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้นหันมาดูอาหยุนเธอคงง่วนกับการดำนา ปลายจึงจำต้องงุดหน้าดำนาต่อไป
อาจมมิได้เป็นสิ่งปฏิกูลที่ชาวนาจีนรังเกียจ แต่คือ “ทองคำสีดำ ” สร้างคุณค่ามหาศาลให้แก่การเพาะปลูก เรือกสวนไร่นาล้วนต้องการปุ๋ยสดและปุ๋ยหมักเพื่อผลเก็บเกี่ยวอันอุดมสมบูรณ์
ตอนที่ปลายเข้าเป็นนักเรียนประจำใหม่ๆ ที่โรงเรียนเป่ยจิ๊งหนิ่วอิ๊จ๊งปลายกลั้นปัสสาวะ อุจจาระเสมอ ปลายไม่อยากเข้าเหมาฝางเลย คำนี้แปลตรงตัวหมายความว่า “ห้องหลังคามุงจาก” ซึ่งในภาษาปักกิ่งหมายถึงห้องสุขาเมื่อผลักประตูเข้าไป กลิ่นภายในห้องที่สวนออกมาทำให้ผงะเกือบหงายหลังพื้นซีเมนต์ขุดเป็นร่องยาวลึกซ้ายร่องหนึ่ง ขวาอีกร่องหนึ่ง แต่ละร่องซอยออกเห็นคูหาเล็กๆ ด้วยแผ่นกระดานที่ตีไว้หยาบๆ สูงแค่เข่า แต่ละคนชูหน้าสลอนทำธุระส่วนตัว เด็กๆ คุยกันเจี๊ยวจ๊าว คนนั้นคุยกับคนข้างช้าย คนนี้คุยกับคนข้างขวา คนโน้นคุยกับคนด้านตรงกันข้าม ทุกอย่างดูเป็นเรื่องปกติ
สองเท้าของปลายเหยียบบนฐานวางเท้า รีบๆ ปลดทุกข์ในร่องลึกที่ทับถมด้วยอุจจาระและปัสสาวะ กระดาษอนามัยที่เปรอะเปื้อนเลือดสีแดงของผู้ที่เข้าก่อนหน้านี้คนแล้วคนเล่า หนอนตัวอวบอ้วนสีขาวยั้วเยี้ยอยู่บนกองอาจมแมลงวันหัวเขียวตัวเขื่องเกาะอยู่บนนั้นเช่นกัน
ปลายก้มๆ เงยๆ ดำนา จนรู้สึกว่าไม่สามารถยืดหลังให้ตรงได้ ก็ถึงเวลาพักเที่ยง ชาวนาต่างกลับไปรับประทานอาหาร บ้านใครบ้านคนนั้น
ที่นาในหน่วยการผลิตที่อาเหลียงรับผิดชอบมีเกือบร้อยหมู่[2] ดังนั้นช่วงบ่ายจรดเย็นยังคงต้องดำนาต่อ และทำติดต่อเป็นอาทิตย์
เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้งเมื่อดวงอาทิตย์ใกล้อัสดง ชาวนาแยกย้ายกันกลับบ้าน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ปลายช่วยอาหยุนตักน้ำจากบ่อในหมู่บ้านแล้วหาบมาใส่ในตุ่มข้างครัว
ดวงอาทิตย์ตกดินลับขอบฟ้า ความมืดคืบคลานเข้ามา ใต้แสงสว่างสลัวๆ จากตะเกียงน้ำมัน ครอบครัวอาเหลียงนั่งล้อมโต๊ะรับประทานอาหารมื้อค่ำกับข้าวมีสองอย่าง ผัดผักยืนพื้นอย่างหนึ่ง วันนี้เป็นผัดผักบุ้ง พรุ่งนี้เป็นผัดผักกวางตุ้ง มะรืนนี้เป็นผัดผักบุ้ง ผักเหล่านี้เก็บกินได้จากสวนครัวเล็กๆหลังบ้านนั่นเอง ส่วนกับข้าวอีกอย่างหนึ่ง บางวันเป็นปลาเค็มทอด บางวันเป็นลูกหนำเลี้ยบดองเค็มสีม่วงแก่จนดำคล้ำ แต่ไหนแต่ไรมา ปลายชอบปลาเค็มอยู่แล้ว ข้าวสวยร้อนๆ กับปลาเค็ม แค่นี้ก็อร่อยแล้ว แต่ที่บ้านนี้ ปลายไม่กล้าใช้ตะเกียบคีบแม้แต่เศษปลาเค็ม ในจานมีปลาเค็มประเภทปลาซิวปลาสร้อยตัวเล็กๆ อยู่ไม่กี่ตัว เหลียวไปดูข้างๆ เจ้าหนูน้อย ลูกชายอาเหลียงใช้ตะเกียบคีบกินอย่างเอร็ดอร่อย หากปลายจะขอกินสักตัวสองตัวก็ดูกระไรอยู่
บางวันปลายรู้สึกกินไม่อิ่ม ท้องร้องโครกคราก ก็แอบย่องไปยังร้านค้าในหมู่บ้าน กินบะหมี่น้ำสักชาม หรือไม่ก็ถั่วเขียวต้มน้ำตาลสักถ้วย เงินจากกระปุกออมสิน ที่ปลายแคะออกมาก่อนที่จะมาคอมมูนซือกั่ง ทำให้ปลาย “อยู่ดีกินดี” กว่าครอบครัวอาเหลียงเป็นไหนๆ
วันต่อมาปลายคงไปดำนาเช่นเดิม เท้าแช่ในน้ำที่มี “ทองคำ สีดำ ”ลอยฟ่องอยู่รอบขา ทุกอย่างกลายเป็นความเคยชิน
เมื่อกลับจากคอมมูนซือกั่ง ปลายมีอาการปวดท้องจี๊ดๆ บริเวณสะดือทุกวัน ผลการตรวจห้องปฏิบัติการและการวินิจฉัยของแพทย์ พบพยาธิปากขอในลำ ไส้ของปลาย
ที่มา : ว.ณ. พนมยงค์, “ทองคำสีดำ,” ใน “วันวานในโลกกว้าง,” ใน อนุสรณ์ วาณี พนมยงค์ สายประดิษฐ์. (กรุงเทพฯ : แสงดาว, 2562), น. 312-317.
บทความที่เกี่ยวข้อง :
- ตอนที่ 1 - ปลายแถว
- ตอนที่ 2 - เด็กหญิงกล้วยน้ำว้า
- ตอนที่ 3 - ไปโรงเรียน
- ตอนที่ 4 - จุดหักเห
- ตอนที่ 5 - นกน้อยในกรงเหล็ก
- ตอนที่ 6 - สู่โลกกว้าง
- ตอนที่ 7 - ฉันเป็นชาวสยาม
- ตอนที่ 8 - การเดินทาง 15,000 กิโลเมตร
- ตอนที่ 9 - บ้านหลังใหม่
- ตอนที่ 10 - ปู้หวา
- ตอนที่ 11 - พระราชวังต้องห้าม
- ตอนที่ 12 - ตามล่าหาสายลับ
- ตอนที่ 13 - น้ำพริกแอปเปิ้ล
- ตอนที่ 14 - กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ
- ตอนที่ 15 - ยามดอกเหมยบาน
- ตอนที่ 16 - สวนสนามวันเมย์เดย์
- ตอนที่ 17 - กำแพงสีเขียว
- ตอนที่ 18 - ลาก่อนเพื่อนรัก
- ตอนที่ 19 - จดหมายจากกว่างโจ๊ว
- ตอนที่ 20 - โรบินสัน ครูโซ
- ตอนที่ 21 - สัตว์รัก สัตว์เลี้ยง
- ตอนที่ 22 - เสียงกลองรบลั่น นกกระจอกเข้ารัง
[1] หน่วยการผลิตและการบริหารระดับตำบลในชนบทจีนในช่วง พ.ศ. 2501-2521.
[2] หมู่ (亩) มาตราวัดจีน 1 เฮคต้าร์ = 15 หมู่ หรือ 1 ไร่ = 2.4 หมู่.