ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
ชีวิต-ครอบครัว

ปรีดีนิวัติ สัจจะคืนเมือง จากเนรเทศถึงนิวัติไทย : ชีวิต ผลงาน และการลี้ภัย ตราบจนวาระสุดท้ายของปรีดี พนมยงค์

8
พฤษภาคม
2566

Focus

  • ในบทความนี้ ชวนผู้อ่านทบทวนฉากชีวิตของ นายปรีดี พนมยงค์ นับตั้งแต่การถูกเนรเทศครั้งแรกในหน้าร้อนเดือนเมษายน พ.ศ. 2476 จากกรณี “เค้าโครงการเศรษฐกิจ” หรือ “สมุดปกเหลือง” มุ่งหน้าสู่ฝรั่งเศสประเทศที่มีอิทธิพลทางความคิดต่อนายปรีดีเมื่อครั้งเป็นนักเรียนนอก ผู้เขียนได้บอกเล่าการดำเนินชีวิตของนายปรีดีขณะอยู่ต่างแดน จนกระทั่งเดินทางกลับสยามอีกครั้งและปฏิบัติหน้าที่เพื่อส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยสมบูรณ์
  • ผลงานชิ้นโบแดงอีกชิ้นหนึ่งของนายปรีดีและคณะราษฎรที่เพื่อตอบสนองต่อระบอบประชาธิปไตยสมบูรณ์นั้น ผลิดอกออกผลเป็น “รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489” อันเกิดจากการเสนอให้มีการแก้ไขปรับปรุงรัฐธรรมนูญ ฉบับ 10 ธันวาคม พุทธศักราช 2475 ให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น จนเรียกได้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวเป็นรัฐธรรมนูญที่มีหลักเกณฑ์เป็นประชาธิปไตยมากที่สุดฉบับหนึ่ง
  • ทว่า ความผันผวนและการแทรกแซงทางการเมืองส่งผลให้ชีวิตของนายปรีดีต้องระส่ำระสายจนต้องลี้ภัยทางการเมืองอย่างถาวร ในช่วงทศวรรษ 2490 อันเป็นชะตากรรมชีวิตของนายปรีดีในการลี้ภัยครั้งสุดท้ายยังประเทศจีนและฝรั่งเศส กระทั่งนายปรีดีถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบในวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 ณ บ้านพักชานกรุงปารีส กาลเวลาเคลื่อนเข้าสู่ปีที่ 3 ของการจากไปจึงมีการอัญเชิญอัฐิธาตุของนายปรีดีกลับสู่มาตุภูมิในวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 อันเป็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยผู้คนที่เคารพรักต่อนายปรีดีร่วมให้การต้อนรับอย่างเนืองแน่น

 

 

ภาพถ่ายนายปรีดี พนมยงค์ ที่โต๊ะทำงานก่อนถึงแก่อสัญกรรมประมาณ 1 สัปดาห์ (11 พฤษภาคม พ.ศ. 2443 – 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2526)
ภาพถ่ายนายปรีดี พนมยงค์ ที่โต๊ะทำงานก่อนถึงแก่อสัญกรรมประมาณ 1 สัปดาห์
(11 พฤษภาคม พ.ศ. 2443 – 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2526)

 

นายปรีดี พนมยงค์ ได้ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อเวลา 11.45 น. ของวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 ด้วยอาการหัวใจวาย ณ บ้านพักชานกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ขณะมีอายุราว 83 ปี ซึ่งอีกไม่ถึงสองสัปดาห์ก็จะถึงวันครบรอบวันเกิดของนายปรีดี ในวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 การอสัญกรรมของนายปรีดีครั้งนี้ทางสำนักข่าว เอ.พี. ได้เผยแพร่ข่าวไปทั่วโลกโดยรายงานว่า ในตอนเช้าก่อนมรณกรรมนายปรีดี ยังมีสุขภาพแข็งแรง ยังเขียนจดหมาย อ่านตำรา แต่งหนังสือ และทำกิจวัตรประจำวันตามปกติกระทั่งเวลาดังกล่าวได้รู้สึกไม่สบายขึ้นแล้วมรณกรรมอย่างสงบ ท่ามกลางการปฐมพยาบาลของท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ และญาติๆ อย่างเต็มที่ ต่อมาได้มีพิธีฌาปนกิจศพนายปรีดี เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 ที่ฌาปนสถาน แปร์ ลาแชส หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่าคอมมูนปารีส สถานที่ประวัติศาสตร์ของชนชั้นกรรมาชีพทั่วโลก เนื่องในวาระพฤษภาชาตกาล และการอสัญกรรมของนายปรีดี บทความชิ้นนี้จึงขอเสนอฉากชีวิตนับจากการเนรเทศถึงนิวัติไทยทั้งผลงานสำคัญ และการลี้ภัยครั้งแรกตราบจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของนายปรีดี พนมยงค์

 

ในยามถูกเนรเทศ : ชีวิตของนายปรีดี พนมยงค์ หลังการเนรเทศครั้งแรก พ.ศ. 2476

1 ปี หลังการอภิวัฒน์สยาม จากการประนีประนอมนำมาสู่ความขัดแย้งทางการเมืองภายในรัฐบาลใหม่ ที่ปะทุขึ้นให้เห็นเด่นชัดจากนโยบายการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระหว่างนโยบายของฝ่ายพระยามโนปกรณ์นิติธาดา จากกรณีการเสนอเค้าโครงการเศรษฐกิจ หรือที่รู้จักกันว่า “สมุดปกเหลือง” ของนายปรีดี ต่อคณะรัฐมนตรีด้วยเจตนารมณ์ที่จะทำให้สยามเป็นเอกราชทางด้านเศรษฐกิจ และแก้ไขปัญหาความไม่เสมอภาคทางเศรษฐกิจให้แก่ราษฎรตามหลัก 6 ประการของคณะราษฎร

ต่อมาจึงมีการเผยแพร่พระบรมราชวินิจฉัยฯ หรือ สมุดปกขาว ราว 3,000 เล่ม และประกาศใช้พระราชบัญญัติคอมมิวนิสต์ขึ้นฉบับแรก ทั้งยังเกิดรัฐประหารครั้งแรกโดยพระราชกฤษฎีกาขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476 ซึ่งส่งผลให้สังคมเข้าใจกันว่าเค้าโครงการเศรษฐกิจของนายปรีดี มีรูปแบบเป็นคอมมิวนิสต์ และในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2476 พระยามโนปกรณ์นิติธาดาได้เชิญนายปรีดีไปพบที่วังปารุสกวัน ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2476 จนนำไปสู่การถูกเนรเทศของนายปรีดีในวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2476

นายปรีดีเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองของฝ่ายคณะราษฎรคนแรกที่รัฐบาลสยามได้ออกหนังสือเดินทางรับรองตัวต่อรัฐบาลทั่วโลกโดยกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งสังเกตว่าข้อความในหนังสือรับรองการเดินทางครั้งนี้ระบุว่านายปรีดีเดินทางไปเพื่อศึกษาภาวะทางเศรษฐกิจในต่างประเทศ มิใช่ด้วยเหตุผลการเนรเทศหรือลี้ภัยการเมืองตามข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏโดยนัยในหนังสือพิมพ์ศรีกรุง ฉบับวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2476 ที่พาดหัวข่าวและเขียนเล่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้อย่างละเอียดว่า

 

“หลวงประดิษฐ์มนูธรรมไปอยู่ฝรั่งเศสด้วยความจำเป็น อันเป็นกฎสูงสุดของมนุษย์...เดิมหลวงประดิษฐ์ฯ คิดจะไปญี่ปุ่นแต่ทางฝ่ายรัฐบาลเห็นว่าไปฝรั่งเศสสมควรกว่า หลวงประดิษฐ์ฯ จึงยอมไปฝรั่งเศส เวลานี้ได้เตรียมการเดินทางไว้พร้อมมูล ภรรยาท่านก็ไปด้วย แต่บุตรน้อยๆ ยังไม่นำไปเพราะเกรงจะลำบาก ต่อเมื่อได้ไปอยู่ที่ไหนแน่นอนแล้วจึงค่อยไปรับภายหลัง ท่านตั้งใจจะไปอยู่นอกปารีสเพราะไม่ชอบความเริงรมย์อย่างปัจจุบัน ชอบแต่จะดูตำหรับตำราเท่านั้น…”

 

ชีวิต 5 เดือนกว่าของนายปรีดีในยามถูกเนรเทศนั้นบันทึกไว้ว่าชอบไปอ่านหนังสือและศึกษาเรื่องเศรษฐกิจการเมืองที่หอสมุดปารีส โดยเล่าไว้ในหนังสือพิมพ์ กรุงเทพวารศัพท์ วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2476 ด้วยว่า

 

“ข้อมุ่งแรกทีเดียวนั้น ข้าพเจ้าต้องการพักผ่อน แต่ความจริงทีเดียวนั้น ข้าพเจ้าใช้เวลาเปนอันมากหมกอยู่ในหอสมุดแห่งปารีส เพื่อศึกษาประวัติการความเจริญในทางเศรษฐกิจของชาติต่างๆ ในยุโรปต่างๆ สมัย…”

 

นายปรีดียังได้ปฏิเสธว่าตนไม่ได้ร่างเค้าโครงการเศรษฐกิจด้วยวิธีการของคอมมิวนิสต์อย่างชัดเจนเป็นครั้งแรกไว้ด้วย

 

“...เท่าที่ข้าพเจ้าได้มาจากการค้นคว้าศึกษาครั้งนี้อาจจะใช้เปนประโยชน์แก่ข้าพเจ้าเปนอันมาก เพราะข้าพเจ้าและเพื่อนฝูงได้ช่วยกันร่างโครงการแก้ไขและทำความก้าวหน้าให้กับเศรษฐกิจสำหรับกรุงสยามขึ้น ไม่เปนความจริงเลยที่ยุโรปพูดกันว่าข้าพเจ้าศึกษาวิธีการของคอมมิวนิสต์ หรือแม้เกี่ยวข้องกับราชการตำรวจฝรั่งเศสแต่อย่างใด”

 

บรรยากาศของวันถูกเนรเทศของนายปรีดี เวลา 15.00 น. ณ วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2476 นั้นคราคร่ำไปด้วยรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และประชาชนราว 3,000 คน ที่มาส่งนายปรีดีบริเวณท่าเรือบีไอ ถนนเจริญกรุง เช่น พระยาพหลพลพยุหเสนา, พระยามานวราชเสวี, หลวงศุภชลาศัย, หลวงพิบูลสงคราม, นายแนบ พหลโยธิน, นายตั้ว ลพานุกรม, หลวงเดชสหกรณ์, พระยาฤทธิอัคเนย์ และพระประศาสน์พิทยายุทธ โดยเฉพาะพระยาพหลฯ นั้นได้มีการสวมกอดต่อนายปรีดีอย่างอาลัยและยังมี “เสียงไชโยก้องกังสดาลนับครั้งไม่ถ้วน จนกระทั่งเรือโกล่าเคลื่อนออก ลับตาไป”

 

จากปารีสสู่กรุงเทพฯ : ผลงานหลังการเนรเทศของนายปรีดี 

ราว 5 เดือนหลังการเนรเทศนายปรีดีทางพระยาพหลพลพยุหเสนา ได้ทวงคืนประชาธิปไตยจากรัฐบาลพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 กระทั่งนายปรีดีได้กลับสู่มาตุภูมิในวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2476 จากท่าเรือมาแซลส์ เรือเดินสมุทรฮาโคนีมารู ที่พานายปรีดี และท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ เดินทางจากปารีสกลับถึงกรุงเทพฯ ในวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2476

ณ ท่าน้ำวังบางขุนพรหม มีการต้อนรับนายปรีดี โดยหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นผู้แทนรัฐบาลฯ มารอรับพร้อมกับภรรยา ประชาชน และลูกศิษย์บางคนนำพานายปรีดีไปยังวังปารุสกวันเพื่อพบกับพระยาพหลพลฯ และนายปรีดียังได้สนทนากับนักเรียนกฎหมายโดยมีใจความสำคัญซึ่งสะท้อนปณิธานการทำงานหลังจากนี้ของท่านว่ามีความมุ่งมั่นมากที่จะ “รักษารัฐธรรมนูญไว้ให้มั่นคงถาวร” 

 

กรุงเทพวารศัพท์, 5 ตุลาคม พ.ศ. 2476
กรุงเทพวารศัพท์, 5 ตุลาคม พ.ศ. 2476

 

หากผลงานแรกของนายปรีดีหลังการกลับมาจากการถูกเนรเทศคือได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในรัฐบาลของพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ มีบทบาทนำเสรีไทยในประเทศ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐบุรุษอาวุโสจวบจนได้ทำตามปณิธาน “รักษารัฐธรรมนูญไว้ให้มั่นคงถาวร” ดังที่สนทนากับนักเรียนกฎหมายครั้งนั้นด้วยการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2489 ขึ้นซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่ได้รับการกล่าวถึงว่ามีลักษณะส่งเสริมให้เกิดประชาธิปไตยสมบูรณ์มากที่สุดในช่วงทศวรรษ 2500 

 

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 : ผลงานสำคัญตามหลักการประชาธิปไตยสมบูรณ์ของนายปรีดี และคณะราษฎร

ความเป็นมาของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2489 เริ่มต้นเมื่อ พ.ศ. 2488 โดยนายปรีดีซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ได้ปรารภกับนายควง อภัยวงศ์ นายกรัฐมนตรีเวลานั้นว่าถึงเวลาแล้วที่จะได้พิจารณาแก้ไขปรับปรุงรัฐธรรมนูญ ฉบับ 10 ธันวาคม พุทธศักราช 2475 ที่ใช้กันอยู่นั้นเพื่อให้ทันกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป แล้วจึงมีการเสนอญัตติด่วนต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2488 โดยขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาคณะหนึ่งเพื่อพิจารณาค้นคว้าตรวจสอบว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2475 ควรแก้ไขเพิ่มเติมประการใดบ้าง ต่อมาในรัฐบาลของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมาอีกชุดหนึ่งเพื่อรวบรวมและเรียบเรียงบทบัญญัติที่เสนอไว้ขึ้นเป็นร่างรัฐธรรมนูญ

จากนั้นจึงมีการเสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณารับหลักการในวาระแรก เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2489 โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 7 นาย เช่น พระยามานวราชเสวี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นายดิเรก ชัยนาม และ นายทองเปลว ชลภูมิ ในรายงานของคณะกรรมการวิสามัญเสนอให้ความคิดเห็นที่สอดรับกันว่ามีความสมเหตุสมผลที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2475 ด้วยกัน 7 ประการ ได้แก่

  1. ให้ยกเลิกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่สอง
  2. ยกเลิกบทบัญญัติซึ่งกำหนดให้พระบรมวงศานุวงศ์อยู่เหนือการเมือง
  3. กำหนดให้อำนาจนิติบัญญัติมีสองสภา คือสภาอาวุโส และสภาผู้แทน
  4. สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกซึ่งราษฎรเป็นผู้เลือกตั้งโดยตรง
  5. สภาอาวุโสประกอบด้วยสมาชิกซึ่งราษฎรได้เลือกตัวแทนของตนมาทำการเลือกตั้ง
  6. คณะรัฐมนตรีนั้นพระมหากษัตริย์แต่งตั้ง โดยประธานสภาผู้แทน และประธานสภาอาวุโส เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ แต่บุคคลที่เป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีนั้น ไม่จำต้องเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
  7. รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนฯ และสมาชิกสภาอาวุโส จะเป็นข้าราชการประจำมิได้

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้ได้รับหลักการในวาระที่ 1 ของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญและมีมติแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระต่อไปจำนวน 15 นาย โดยมีนายปรีดีเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการฯ เมื่อเข้าสู่การอภิปรายในวาระที่ 3 ในวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2489 มีข้อปรึกษาสำคัญกันว่าร่างรัฐธรรมนูญฯ ที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมแล้วนั้น สมควรประกาศใช้ฯ ได้หรือไม่โดยมีการลงมติจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาประชุมฯ ครั้งนี้ จำนวน 172 ราย ดังต่อไปนี้ มีผู้เห็นชอบด้วยกันกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จำนวน 165 ราย มีผู้ที่ไม่ออกเสียงจำนวน 6 ราย และมีผู้ไม่เห็นชอบด้วย 1 ราย คือหลวงกาจสงคราม เมื่อสิ้นเสียงสรุปคะแนนการลงมติของประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้วนายปรีดี นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า 

 

“ข้าพเจ้าขอถือโอกาสขอบคุณท่านสมาชิกฯ ทั้งหลายในการที่ได้ลงมติกันเป็นส่วนมาให้รัฐธรรมนูญนี้ได้ผ่านไปด้วยดี และขอบคุณผ่านกรรมาธิการทั้งหลายที่ได้กระทำงานด้วยความเหน็ดเหนื่อย บัดนี้ รัฐธรรมนูญฉะบับใหม่ก็จะได้ประกาศใช้แล้ว ข้าพเจ้าจึงขอถือโอกาสฝากความคิดบางประการต่อท่านทั้งหลายว่า ขอให้ทุกท่านพึงระลึกว่า รัฐธรรมนูญนี้จะได้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งผูกมัดเราทั้งหลายให้มีความสามัคคีกันเพื่อประโยชน์ของชาติ…”

 

ปรีดี พนมยงค์ นายกรัฐมนตรี ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489
ปรีดี พนมยงค์ นายกรัฐมนตรี ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489

 

สุนทรพจน์ของปรีดี พนมยงค์ แสดงในสภาผู้แทนราษฎร 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 ที่มา : หอจดหมายเหตุแห่งชาติ ท่าวาสุกรี
สุนทรพจน์ของปรีดี พนมยงค์ แสดงในสภาผู้แทนราษฎร 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2489
ที่มา : หอจดหมายเหตุแห่งชาติ ท่าวาสุกรี

 

ความสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับนี้คือปรากฏอุดมคติเรื่องหลักการประชาธิปไตยสมบูรณ์ และประชาธิปไตยอันพรั่งพร้อมไปด้วยสามัคคีธรรมของนายปรีดีครั้งแรกทั้งจากการร่างรัฐธรรมนูญฯ และสุนทรพจน์ของนายปรีดี ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นแนวคิด หลักการ และมุมมองของระบอบประชาธิปไตย หลัง พ.ศ. 2475 ของนายปรีดีไว้ด้วย 

 

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา

 

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ 3 ของไทยที่ตราขึ้นเป็นกฎหมาย เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 และการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ของปีเดียวกันโดยในมุมมองทางวิชาการต่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้ชี้ให้เห็นว่ามีความโดดเด่นในเรื่องการแยกข้าราชการประจำออกจากข้าราชการการเมือง การให้ชนชั้นนำกลับเข้ามามีบทบาททางการเมือง เรื่องพฤฒสภา รวมถึงเสนอว่าเป็นจุดตั้งต้นของระบอบกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญครั้งใหม่

 

ปรีดีนิวัติ สัจจะคืนเมือง 

ชีวิตของนายปรีดีหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2489 เริ่มผันผวนจากหลังการสวรรคตของรัชกาลที่ 8 เกิดขึ้น พร้อมข้อกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ที่ยังตกค้างได้สร้างความคลางแคลงใจ กระทั่งเกิดการรัฐประหารในวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 ส่งผลให้นายปรีดีต้องลี้ภัยเอาตัวรอดจากเผด็จการทหาร และจำต้องลี้ภัยอย่างถาวรหลังขบวนการประชาธิปไตย 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492 นั้นล้มเหลว นายปรีดีมุ่งหน้าสู่สาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศฝรั่งเศสตามลำดับ ภายใต้ความระส่ำระสายของชีวิตนายปรีดียังมีกัลยาณมิตรคู่ชีวิตคือท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ และครอบครัวแบ่งเบาความทุกข์ร้อนให้เบาบาง

 

นายปรีดี พนมยงค์ และครอบครัวช่วงลี้ภัยในสาธารณรัฐประชาชนจีน
นายปรีดี พนมยงค์ และครอบครัวช่วงลี้ภัยในสาธารณรัฐประชาชนจีน

 

จากบทสัมภาษณ์ของท่านผู้หญิงพูนศุข ในหนังสือปรีดีนิวัติ สัจจะคืนเมือง สะท้อนให้เห็นความลำบาก ณ ช่วงที่ลี้ภัยและการประคับประคองระหว่างกันขณะเวลานั้นว่าในห้วงยามแห่งความทุกข์ยาก นายปรีดีกลับได้รับความช่วยเหลือไม่ขาดห้วง

 

“ตอนนั้น (หลังการรัฐประหาร พ.ศ. 2490 — ผู้เขียน) หลบไปอยู่ที่สัตหีบแล้วก็ไปอยู่สิงคโปร์ ตอนนั้นต่างประเทศยังไม่รับรองรัฐบาลชุดใหม่…จะว่าลำบากก็ลำบากค่ะ เพราะต้องพลัดพรากจากกัน แต่เป็นคนตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ท่านอาจารย์นี่ไม่ทราบว่ามีอะไรไปที่ไหนก็ได้รับการช่วยเหลือตลอดไป จะเรียกว่าเป็นเพราะมีความสามารถอย่างเดียวคงไม่ได้ ที่รอดพ้นอันตรายมาอาจเป็นเพราะเราไม่เคยสร้างบาปกรรมอะไรไว้นะ ไปที่ไหนคนเขาก็ให้ความเมตตาช่วยเหลือ…”

 

นายปรีดีและท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ ที่จตุรัสเทียนอันเหมิน พ.ศ. 2512
นายปรีดีและท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ ที่จตุรัสเทียนอันเหมิน พ.ศ. 2512

 

ท่านผู้หญิงพูนศุขยังเล่าถึงแง่มุมส่วนตัวของนายปรีดีและงานอดิเรกที่ไม่ค่อยมีใครทราบมากนักนอกจากคนชิดใกล้ไว้ว่า

 

“(ตอนลี้ภัยในจีน — ผู้เขียน)...เราก็มีพื้นเพเป็นคนสมถะอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นพวกที่หรูหราฟุ่มเฟือย จีนเขาเป็นอย่างไรเราก็เข้ากับเขาได้ ไม่แต่งตัวเราก็ไม่แต่ง ปากเราก็ไม่ทา รู้สึกว่าอยู่ได้ ปกติโขนหนังเราก็ไม่ได้ดู ก็ไม่แปลกอะไร รัฐบาลเขาก็ให้เกียรติเราดี อาจารย์เอง (นายปรีดี — ผู้เขียน) ก็เป็นคนสมถะ ประหยัดมาก เสื้อผ้านี่มีน้อยมาก ไม่สนใจเรื่องแต่งตัวเลย มีอยู่ชุดหนึ่งที่ท่านใช้มาตั้ง 40 ปี แล้วก็ยังใช้อยู่ เวลาออกงานไปไหนก็เอามาใส่”

 

พินัยกรรมของนายปรีดี พนมยงค์ ที่ทำไว้ช่วงช่วงลี้ภัยในสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2509
พินัยกรรมของนายปรีดี พนมยงค์ ที่ทำไว้ช่วงช่วงลี้ภัยในสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2509

 

ส่วนงานอดิเรกของนายปรีดีในช่วงลี้ภัยยังสาธารณรัฐประชาชนจีนนอกจากการเขียนและอ่านตำราแล้วยังชอบทำกับข้าว

 

“ต้นไม้ ไม่ค่อยชอบหรอกค่ะ แต่ชอบทำกับข้าว เข้าครัวตอนอยู่เมืองจีน ของไม่มีเอาไอ้นั่นแทนไอ้นี่แทน…แหม…ของที่ใช้แทนกันแต่ละอย่างนี่ต้องมีเหตุผลทั้งนั้นนะคะ ก็ที่ปักกิ่งน่ะไม่มีพวกเครื่องแกงอะไรหรอกแต่ท่านก็ทำได้สารพัดเครื่องแกง ไม่มีของแท้สักอย่างก็ทำได้”

 

ต่อมาใน พ.ศ. 2513 นายปรีดีได้เดินทางจากจีนมายังปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2513 และพำนักอยู่จนถึงแก่อสัญกรรม รวมเวลาที่นายปรีดีลี้ภัยทางการเมืองทางการเมืองในปารีส ประมาณ 13 ปี 

 

นายปรีดี และท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ บริเวณหน้าบ้านอองโตนี ประเทศฝรั่งเศส
นายปรีดี และท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ บริเวณหน้าบ้านอองโตนี ประเทศฝรั่งเศส

 

นายปรีดี และท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ ในงานวันเกิดของนายปรีดี เมื่อ พ.ศ. 2525
นายปรีดี และท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ ในงานวันเกิดของนายปรีดี เมื่อ พ.ศ. 2525

 

ความผกผันของชะตากรรมและเกมการเมืองจากจีนสู่ปารีสราว 36 ปี ของนายปรีดี กลับได้สร้างคุณูปการทางความคิดและแรงบันดาลใจในต่างแดนทั้งการเผยแพร่ความคิดผ่านงานเขียนและการเผยแพร่ความรู้สู่การบรรยาย จากการได้พบปะสนทนากับนิสิตนักศึกษา อาจารย์ นักวิชาการ และมิตรผู้มาเยือนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตราบจนวาระสุดท้ายที่ถึงแก่มรณกรรมอย่างสงบ เมื่อเวลา 11.45 น. ของวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 ด้วยอาการหัวใจวายบนโต๊ะทำงาน ณ บ้านพักชานกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ขณะมีอายุราว 83 ปี และใกล้ครบรอบวันเกิดของนายปรีดี ในวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 

 

จดหมายฉบับสุดท้ายของนายปรีดี พนมยงค์ ที่เขียนบทโต๊ะทำงานก่อนสิ้นใจราว 1 ชั่วโมง ที่มาของภาพ : ผู้เขียนถ่ายภาพจากบ้านนายปรีดี พนมยงค์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. 2553
จดหมายฉบับสุดท้ายของนายปรีดี พนมยงค์ ที่เขียนบทโต๊ะทำงานก่อนสิ้นใจราว 1 ชั่วโมง
ที่มาของภาพ : ผู้เขียนถ่ายภาพจากบ้านนายปรีดี พนมยงค์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. 2553

 

ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ กับนายปรีดี ในวาระสุดท้ายของชีวิต
ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ กับนายปรีดี ในวาระสุดท้ายของชีวิต

 

3 ปี ภายหลังการอสัญกรรมของนายปรีดี ในเช้าตรู่ของวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 จึงมีการนำอัฐิธาตุนายปรีดีกลับสู่มาตุภูมิโดยท่านผู้หญิงพูนศุขให้สัมภาษณ์ถึงการเชิญอัฐิธาตุของนายปรีดีไว้ว่า 

 

“ครั้งแรกก็ตั้งใจว่าเมื่อสัจจะปรากฏก็จะเชิญกลับมา แต่คิดดูก็รู้สึกว่า สัจจะได้รับการยอมรับมากแล้ว เดี๋ยวนี้คนก็รู้เรื่องกันมากจะให้ยอมรับทั้งหมดก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะสำหรับคนที่ไม่ยอมรับต่อให้ศตวรรษเขาก็ไม่ยอมรับ ก็คิดว่าสมควรเชิญกลับมาประเทศได้แล้ว”

 

ขณะที่ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ได้กล่าวถึงมุมมองของบุตรนายปรีดีเรื่องการเชิญอัฐิธาตุกลับมายังประเทศไทยในปาฐกถาสารโกมลของตน ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวของท่านผู้หญิงพูนศุขข้างต้นว่า

 

“เราเห็นกันว่าตอนนี้ สัจจะคุณพ่อได้ทำให้กับบ้านเมืองได้ปรากฏมากแล้ว คนรุ่นใหม่ได้รับรู้เรื่องราวที่ถูกต้องของท่านมากขึ้น แต่ที่จะให้ทุกคนยอมรับในสัจจะอันนี้ แล้วถึงเชิญกลับมานั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะคนที่ปิดหูปิดตาไม่ยอมรับนั้น แม้จะใช้เวลาอีกนานก็คงไม่ยอมรับ เราจึงเห็นว่าควรเชิญอัฐิธาตุคุณพ่อกลับประเทศไทยได้แล้ว” 

 

ขบวนอัญเชิญอัฐิธาตุ นายปรีดี พนมยงค์ จากสนามบินดอนเมืองมุ่งหน้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ขบวนอัญเชิญอัฐิธาตุ นายปรีดี พนมยงค์ จากสนามบินดอนเมืองมุ่งหน้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

 

ขบวนนักเรียนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชูป้ายเทิดเกียรตินายปรีดี พนมยงค์
ขบวนนักเรียนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชูป้ายเทิดเกียรตินายปรีดี พนมยงค์

 

ภาพจากซ้ายไปขวา ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ จินดา ศิริมานนท์ ปรีดี พนมยงค์ และสุภา ศิริมานนท์ ขณะที่ครอบครัวของสุภา ไปเยี่ยมครอบครัวปรีดี-พูนศุข ณ ประเทศฝรั่งเศส ในช่วงทศวรรษ 2510
ภาพจากซ้ายไปขวา ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ จินดา ศิริมานนท์ ปรีดี พนมยงค์ และสุภา ศิริมานนท์ ขณะที่ครอบครัวของสุภา ไปเยี่ยมครอบครัวปรีดี-พูนศุข ณ ประเทศฝรั่งเศส ในช่วงทศวรรษ 2510

 

การเชิญอัฐิธาตุของนายปรีดี รัฐบุรุษอาวุโสมาจากบ้านอองโตนี ชานกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 และมาถึงสนามบินดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 7 พฤษภาคม จากนั้นได้มีงานต้อนรับอัฐิธาตุทั้งในกรุงเทพฯ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งท่านเป็นผู้ประศาสน์การคนแรก และที่บ้านเกิดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ณ อนุสรณ์สถานปรีดี พนมยงค์ นั้นสมดังความตั้งใจของนายปรีดีที่เคยกล่าวกับนายสุภา ศิริมานนท์ มิตรทางความคิดและนักหนังสือพิมพ์อาวุโสไว้ว่า 

 

“ตนเองเพิ่งเดินทางกลับจากปารีสเมื่อวันที่ 28 เมษายน และได้พูดคุยกับนายปรีดี ก่อนจะมรณกรรมไม่กี่วัน ท่านได้แสดงความห่วงใยประเทศไทย และประชาธิปไตยของไทยเป็นอย่างมาก ตัวท่านเองนั้นเคยสั่งเสียไว้ว่า เมื่อท่านมรณกรรม ให้เผาศพท่านที่ปารีส แล้วเก็บอัฐิกลับมาบรรจุไว้ที่วัดพนมยงค์ อยุธยา ซึ่งเป็นวัดต้นตระกูลของท่าน”

 

ภายในงานต้อนรับอัฐิธาตุของนายปรีดีทั้งในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรุงเทพมหานคร และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีการแสดงปาฐกถาธรรมโดยท่านปัญญานันทภิกขุ มีงานเสวนา มหรสพ การแสดงละคร และมีนิทรรศการชีวประวัติย่อของนายปรีดีนับเป็นครั้งแรกที่มีการจัดงานถึงนายปรีดีอย่างเป็นทางการและได้เผยแพร่ภาพลักษณ์ของรัฐบุรุษอาวุโสเชิงบวกครั้งแรกๆ จากความคิดของคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จัดงานร่วมกับมูลนิธิปรีดี พนมยงค์ โดยมีกำหนดการบำเพ็ญกุศล ทักษิณานุประทานอัฐิธาติ รัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์ ระหว่างวันที่ 7-11 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 ดังนี้

 

“กำหนดการบำเพ็ญกุศล ทักษิณานุประทานอัฐิธาตุ
รัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์

วันอังคารที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 เชิญอัฐิธาตุจากบ้านในประเทศฝรั่งเศส
วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 06.50 น. อัฐิธาตุถึงสนามบินดอนเมือง (เที่ยวบิน ทีจี 93)
07.30 น. เชิญอัฐิธาตุขึ้นรถไปประดิษฐาน ณ เรือนไทย บริเวณอนุสรณ์สถานปรีดี พนมยงค์ จ. พระนครศรีอยุธยา เจ้าภาพทอดผ้ามหาบังสกุล
11.00 น. ถวายภัตตาหารเพล
14.00 น. ปาฐกถาธรรมแสดงโดยพระราชนันทมุนี (ปัญญานันทภิกขุ) แสดงนิทรรศการ ฉายสไลด์ชีวิตและงานของรัฐบุรุษอาวุโสปรีดี พนมยงค์ ณ เรือนไทย พิพิธภัณฑ์
19.00 น. ภาพยนตร์พระเจ้าช้างเผือก
วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 11.00 น. ถวายภัตตาหารเพลพระวัดพนมยงค์
16.30 น. สวดพระพุทธมนต์
17.30 น. อภิปราย ณ บริเวณอนุสรณ์สถานปรีดี พนมยงค์
โดยปรีชา สุวรรณทัต
ทินวัฒน์ มฤคพิทักษ์
ธรรมเกียรติ กันอริ
แล ดิลกวิทยรัตน์
19.00 น. มหรสพฉลองอัฐิธาตุ
วันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 10.00 น. สมเด็จพระสังฆราช ทรงเปิดอนุสรณ์สถานปรีดี พนมยงค์
11.00 น. ถวายภัตตาหารเพล
13.00 น. สมเด็จพระสังฆราช เสด็จนำขบวนเชิญอัฐิธาตุเข้ากรุงเทพฯ
15.00 น. เชิญอัฐิธาตุประดิษฐาน ณ ตึกโดม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อธิการบดีทอดผ้าบังสกุล
วันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 16.00 น. ปาฐกถาธรรม แสดงโดยพระราชวรมุนี
วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 08.30 น. วางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์
10.00 น. พระสงฆ์ 10 รูป สวดพระพุทธมนต์
11.00 น. ถวายภัตตาหารเพล เสร็จแล้วบังสกุล
13.30 น. เชิญอัฐิธาตุขึ้นรถไปลอยที่อ่าวไทย

หมายเหตุ : ระหว่างที่อัฐิธาตุประดิษฐานที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดให้บุคคลทั่วไปเคารพอัฐิธาตุพร้อมทั้งมีนิทรรศการ ฉายสไลด์ชีวิตและงาน และภาพยนตร์พระเจ้าช้างเผือกตลอดงาน

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
มูลนิธิปรีดี พนมยงค์
เจ้าภาพ”

 

บทกวีแด่ท่านรัฐบุรุษอาวุโสของอังคาร กัลยาณพงศ์ เนื่องในวาระอสัญกรรมของนายปรีดี พนมยงค์
บทกวีแด่ท่านรัฐบุรุษอาวุโสของอังคาร กัลยาณพงศ์ เนื่องในวาระอสัญกรรมของนายปรีดี พนมยงค์

 

การนำอัฐิธาตุของนายปรีดีกลับไทยได้ถูกเสนอข่าวในวงกว้างทั้งสื่อสิ่งพิมพ์และรายการข่าวทางโทรทัศน์ว่ามีประชาชน และนิสิตนักศึกษามางานรับอัฐิธาตุของนายปรีดีอย่างล้นหลามสะท้อนถึงซึ่งสัจจะของสัตบุรุษที่ได้คืนสู่บ้านเกิดเมืองนอนอย่างสง่างาม ท้ายที่สุดนี้ขอน้อมรำลึกถึงนายปรีดี พนมยงค์ จากบทกวีแด่ท่านรัฐบุรุษอาวุโสของอังคาร กัลยาณพงศ์ ที่เขียนขึ้นเนื่องในวาระอสัญกรรมของนายปรีดี เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 

 

แด่ท่านรัฐบุรุษอาวุโส

๑ ๏ อโหโอ้อนาถมฤตยู
จู่ปรหล้ามาล่าแล้ว
ซึ่งปูชนียบุคคลแก้ว
แววรุ้งรัตนาค่าชาติไทย ๚

๒ ๏ พณฯ ท่านปรีดี พนมยงค์
องค์กายทิพย์สถิตสวรรค์ชั้นไหน
ณ ชั้นนั้นเทวษหาโศกาลัย
ม้วยสมัยก็ไม่ม้วยอัญชลี ๚

๓ ๏ น้อมมิ่งขวัญกตัญญูกู้กล้า
นิมิตปัญญาเลิศประเสริฐศรี
บูชาคุณค่าอมตะความดี
คู่ปฐพีน้ำฟ้าบ่าธรรมะไป ๚

๔ ๏ สยามฟื้นคืนสิทธิ์อิสระเสรี
มีอธิปไตยจริงอันยิ่งใหญ่
เพราะท่านแก้สนธิสัญญาไทย
แจ่มใสวิเศษสุขทุกวิญญาณ ๚

๕ ๏ ปราชญ์เปรื่องเลื่องลือเกียรติยศ
อุโฆษหมดทั่วหล้ามหาสถาน
เอกราชชาติย่อยยับอัประมาณ
ท่านกู้สถานการณ์ไว้จับใจ ๚

๖ ๏ รัฐบุรุษวิสุทธิ์ศรีชีวิต
แววสถิตกลางดวงใจแห่งสมัย
เสมอบุหงาหอมอ้อมทุกขวัญไทย
เร่งแรงใจถึงชัยอุดมการณ์ ๚

๗ ๏ แผ่นดินสิ้นคนดีศรีอยุธยา
ยากจักหาตราบฟ้าอวสาน
วิปโยคยุคมืดทมิฬมาร
นานสุดนานทรมานชาติอนาถนัก ๚

๘ ๏ สิ้นท่านสิ้นหวังหมดขลังแล้ว
ลับบุรุษแก้วที่กู้เกียรติศักดิ์
เผด็จการจะผลาญชาติที่รัก
จมปลักงั่งบ้าแต่อาดูร ๚

๙ ๏ ราวเอกรุ้งดาราระย้าระยับ
มาดิ่งดับผลึกรุ้งวาวสูญ
สะเทือนใจไหวหวั่นไว้เทอดทูน
ค่ามนุษย์แท้ทนพิษอนิจจํ ๚

๑๐ ๏ ขออำนาจพระศรีรัตนไตร
โอมอวยสิทธิชัยวิเศษขลัง
ให้ท่านผ่านมิติทิพย์จีรัง
ยั่งยืนอยู่คู่ฟ้าดินเทอญ ๚ะ๛

อังคาร กัลยาณพงศ์
พฤษภาคม ๒๕๒๖ 

 

ภาคผนวก : ภาพถ่ายสำคัญในช่วงวาระสุดท้ายของนายปรีดี พนมยงค์ พร้อมคำบรรยายโดยละเอียด

ภาพงานอสัญกรรม ณ ฌาปนสถาน แปร์ ลาแชส กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

 

คุณวาณี พนมยงค์ สายประดิษฐ์, คุณสุดา พนมยงค์, ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์, คุณศุขปรีดา พนมยงค์ และคุณดุษฎี พนมยงค์ บุญทัศนกุล หน้าศพของนายปรีดี พนมยงค์
คุณวาณี พนมยงค์ สายประดิษฐ์, คุณสุดา พนมยงค์, ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์, คุณศุขปรีดา พนมยงค์ และคุณดุษฎี พนมยงค์ บุญทัศนกุล หน้าศพของนายปรีดี พนมยงค์ 

 

ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ หน้าศพของนายปรีดี พนมยงค์
ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ หน้าศพของนายปรีดี พนมยงค์ 

 

ฌาปนสถาน แปร์ ลาแชส ณ กรุงปารีส ในวันฌาปนกิจศพนายปรีดี พนมยงค์ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2526
ฌาปนสถาน แปร์ ลาแชส ณ กรุงปารีส ในวันฌาปนกิจศพนายปรีดี พนมยงค์
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2526

 

หรีดพิเศษของ ฯพณฯ เมอซิเออร์ โมรอย นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส พ.ศ. 2526 ที่ส่งมาคารวะศพนายปรีดี พนมยงค์
หรีดพิเศษของ ฯพณฯ เมอซิเออร์ โมรอย นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส พ.ศ. 2526
ที่ส่งมาคารวะศพนายปรีดี พนมยงค์ 

 

ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ เคารพศพนายปรีดี ก่อนจะเคลื่อนศพเข้าเตาเผา
ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ เคารพศพนายปรีดี ก่อนจะเคลื่อนศพเข้าเตาเผา

 

ท่านปัญญานันทภิกขุ ที่ไปร่วมงานฌาปนกิจศพนายปรีดี พนมยงค์ ที่ฌาปนสถาน แปร์ ลาแชส
ท่านปัญญานันทภิกขุ ที่ไปร่วมงานฌาปนกิจศพนายปรีดี พนมยงค์ ที่ฌาปนสถาน แปร์ ลาแชส

 

มุมหนึ่งในฌาปนสถาน แปร์ ลาแชส ขณะกำลังเคลื่อนศพนายปรีดี พนมยงค์
มุมหนึ่งในฌาปนสถาน แปร์ ลาแชส ขณะกำลังเคลื่อนศพนายปรีดี พนมยงค์ 

 

ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ วางดอกไม้ธูปเทียนบนหีบศพของนายปรีดี พนมยงค์
ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ วางดอกไม้ธูปเทียนบนหีบศพของนายปรีดี พนมยงค์ 

 

หีบศพของนายปรีดี พนมยงค์ ขณะเคลื่อนเข้าสู่เตาเผา ณ ฌาปนสถาน แปร์ ลาแชส
หีบศพของนายปรีดี พนมยงค์ ขณะเคลื่อนเข้าสู่เตาเผา ณ ฌาปนสถาน แปร์ ลาแชส

 

อัฐิของนายปรีดี พนมยงค์
อัฐิของนายปรีดี พนมยงค์ 

 

ภาพงานอัฐิธาตุของนายปรีดี พนมยงค์ วันที่ 7-11 พฤษภาคม พ.ศ. 2529

 

งานต้อนรับอัฐิธาตุ ณ อนุสรณ์สถานปรีดี พนมยงค์ จ.พระนครศรีอยุธยา วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2529
งานต้อนรับอัฐิธาตุ ณ อนุสรณ์สถานปรีดี พนมยงค์ จ.พระนครศรีอยุธยา วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2529
งานต้อนรับอัฐิธาตุ ณ อนุสรณ์สถานปรีดี พนมยงค์ จ.พระนครศรีอยุธยา วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2529

 

นิทรรศการชีวประวัติและผลงานของนายปรีดี พนมยงค์ ซึ่งจัดขึ้น ณ บริเวณที่เคยเป็นเรือนแพ สถานที่กำเนิดของรัฐบุรุษอาวุโส
นิทรรศการชีวประวัติและผลงานของนายปรีดี พนมยงค์ ซึ่งจัดขึ้น ณ บริเวณที่เคยเป็นเรือนแพ สถานที่กำเนิดของรัฐบุรุษอาวุโส
นิทรรศการชีวประวัติและผลงานของนายปรีดี พนมยงค์ ซึ่งจัดขึ้น ณ บริเวณที่เคยเป็นเรือนแพ สถานที่กำเนิดของรัฐบุรุษอาวุโส

 

นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อัญเชิญอัฐิธาตุ ผู้ประศาสน์การนายปรีดี พนมยงค์ เข้าทางประตูด้านท่าพระจันทร์สู่ตึกโดม วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2529
นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อัญเชิญอัฐิธาตุ ผู้ประศาสน์การนายปรีดี พนมยงค์ เข้าทางประตูด้านท่าพระจันทร์สู่ตึกโดม วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2529

 

คณะศิษย์ มิตร ญาติ และประชาชนทั่วไปมาร่วมงานวางหรีด ณ อนุสรณ์ผู้ประศาสน์การ ช่วงเช้าวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2529
คณะศิษย์ มิตร ญาติ และประชาชนทั่วไปมาร่วมงานวางหรีด ณ อนุสรณ์ผู้ประศาสน์การ ช่วงเช้าวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 

 

อัฐิธาตุนายปรีดี พนมยงค์ แวดล้อมด้วยเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประดิษฐาน ณ ห้องชั้น 2 ของตึกโดม ซึ่งเคยเป็นสถานที่ทำการสำคัญของนายปรีดี ในกาลก่อน
อัฐิธาตุนายปรีดี พนมยงค์ แวดล้อมด้วยเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประดิษฐาน ณ ห้องชั้น 2 ของตึกโดม ซึ่งเคยเป็นสถานที่ทำการสำคัญของนายปรีดี ในกาลก่อน

 

ขบวนรถอัฐิธาตุ เคลื่อนอำลาจากแดนโดมมุ่งสู่อ่าวไทย วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2529
ขบวนรถอัฐิธาตุ เคลื่อนอำลาจากแดนโดมมุ่งสู่อ่าวไทย วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 

 

พระภัทรมุนี วัดทองนพคุณ นำขบวนอัญเชิญอัฐิธาตุจากบริเวณกองบังคับการตำรวจน้ำ บางนาเกรง จ. สมุทรปราการ ลงเรือดำรงราชานุภาพ
พระภัทรมุนี วัดทองนพคุณ นำขบวนอัญเชิญอัฐิธาตุจากบริเวณกองบังคับการตำรวจน้ำ บางนาเกรง จ. สมุทรปราการ ลงเรือดำรงราชานุภาพ 

 

ประชาชนบนเรือดำรงราชานุภาพ ร่วมงานลอยอังคารอัฐิธาตุของนายปรีดี พนมยงค์
ประชาชนบนเรือดำรงราชานุภาพ ร่วมงานลอยอังคารอัฐิธาตุของนายปรีดี พนมยงค์ 

 

อัฐิธาตุของนายปรีดี พนมยงค์ ลอยไปกับสายน้ำบริเวณอ่าวไทย ตามความปรารถนาของนายปรีดี
อัฐิธาตุของนายปรีดี พนมยงค์ ลอยไปกับสายน้ำบริเวณอ่าวไทย ตามความปรารถนาของนายปรีดี 

 

ที่มาของภาพ : ราชกิจจานุเบกษา, สถาบันปรีดี พนมยงค์, หอจดหมายเหตุแห่งชาติ คลังสารสนเทศของสถาบันนิติบัญญัติ และหนังสือที่ระลึกวันปรีดี 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2531-2544

บรรณานุกรม

เอกสารชั้นต้น :

  • ราชกิจจานุเบกษา, พระราชกฤษฎีกาให้ปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร และตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่, ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 1 เมษายน 2476, เล่ม 50, หน้า 1-4.
  • ราชกิจจานุเบกษา, คำแถลงการณ์ของรัฐบาล, ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 1 เมษายน 2476, เล่ม 50, หน้า 7.
  • สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 24 วันที่ 10 มีนาคม พุทธศักราช 2476 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม, หน้า 1518-1536.
  • สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 22 วันที่ 28 ตุลาคม พุทธศักราช 2476 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม, หน้า 630-631.
  • ราชกิจจานุเบกษา. ประกาศสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489, ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 10 พฤษภาคม 2489, เล่ม 63, ตอนที่ 30, หน้า 118-168. 

หนังสือพิมพ์ :

  • กรุงเทพวารศัพท์, 4 ตุลาคม พ.ศ. 2476
  • กรุงเทพวารศัพท์, 5 ตุลาคม พ.ศ. 2476

หนังสือภาษาไทย :

  • โครงการ “ปรีดี พนมยงค์กับสังคมไทย”, มิตรกำสรวล เนื่องในมรณกรรมของรัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์ (กรุงเทพฯ: โครงการปรีดี พนมยงค์กับสังคมไทย, 2526).
  • ปรีดี พนมยงค์, แนวความคิดประชาธิปไตยของปรีดี พนมยงค์ (กรุงเทพฯ: เรือนแก้วการพิมพ์, 2535).
  • ปรีดี พนมยงค์, เค้าโครงการเศรษฐกิจ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) (กรุงเทพฯ: สุขภาพใจ, 2552).
  • ดุษฎี พนมยงค์, ปรีดี พนมยงค์ กับชีวิต 21 ปีในจีน (กรุงเทพฯ: มติชน, 2555).
  • สันติสุข โสภณสิริ บรรณาธิการ, ปรีดีนิวัติ สัจจะคืนเมือง (กรุงเทพฯ: อักษรสาส์น, 2529).
  • วาณี พนมยงค์ บรรณาธิการ, 101 ปี ปรีดี-90 ปี พูนศุข (กรุงเทพฯ: ปาปิรุส พับลิเคชั่น, 2545).
  • ไสว สุทธิพิทักษ์, ดร.ปรีดี พนมยงค์, (กรุงเทพฯ: บพิธการพิมพ์, 2526).
  • สุพจน์ ด่านตระกูล, ประวัติรัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์ ตอน เผชิญวิกฤติทางการเมือง, (กรุงเทพฯ: ประจักษ์การพิมพ์, 2516).
  • สุพจน์ ด่านตระกูล, ประวัติรัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์ ตอน จากปารีสถึงกรุงเทพฯ, (กรุงเทพฯ: ประจักษ์การพิมพ์, 2516).
  • สุพจน์ ด่านตระกูล, ปรีดีหนี (กรุงเทพฯ: โครงการหนังสือประวัติศาสตร์การเมือง สำนักพิมพ์ “จิรวรรณนุสรณ์”, 2527).
  • ศุภมิตร ปิติพัฒน์, จุดเริ่มต้นสถาปนา “การปกครองประชาธิปไตยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” (กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า, 2563).

วิทยานิพนธ์ :

  • ชวลิต ทรงกิตติ, “การต่อสู้ทางการเมืองของ ดร.ปรีดี พนมยงค์ (พ.ศ. 2475-2490),” (วิทยานิพนธ์ รัฐศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2530).

สื่ออิเล็กทรอนิกส์ :