
กุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือศรีบูรพา

หนังสือพิมพ์ การเมือง รายสัปดาห์
เมื่อคืนวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ รัฐบาลไทยได้ประกาศ “รับรองรัฐบาลเวียดนาม (ของเบาได๋) รัฐบาลลาว และรัฐบาลเขมร ซึ่งประเทศฝรั่งเศสได้มอบความเป็นเอกราชให้ด้วยเมตตาจิตต์” (ตามคําแถลงการณ์ของรัฐบาลไทย แต่ตามข้อสัญญาระหว่างฝรั่งเศสกับเบาได๋นั้น เวียดนามของเบาได๋หามีเอกราชไม่) นับแต่รัฐบาลได้นำประเทศเข้าไปผูกพันอยู่กับค่ายตวันตกในการทำ “สงครามเย็น” กับค่ายควันออกแล้ว เหตุการณ์ได้คลี่คลายไปอย่างไร เราควรจะได้สำรวจศึกษาดู
ก่อนอื่น เราใคร่จะชี้ว่า การถกเถียงปัญหาเรื่องการรับรองรัฐบาลเบาได๋ซึ่งได้เริ่มขึ้นเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ และได้จบลงโดยรัฐบาลประกาศการรับรองรัฐบาลเบาได๋ในวันสิ้นเดือนนั้น ได้มีคุณค่าไม่น้อยต่อการซักจูงให้ประชาชนไทยสนใจในความเคลื่อนไหวทางการเมืองระหว่างประเทศ ฉะเพาะอย่างยิ่ง ในกรณีที่ประเทศของเราได้นํา คนเข้าไปผูกพันอยู่ด้วย ความสนใจของประชาชนต่อปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งแต่เดิมมาไม่ได้รับความสนใจเลยนั้นก่อให้เกิดผลต่อเนื่องสองประการ ประการที่หนึ่ง ในการเดินการเมืองระหว่างประเทศต่อไปในอนาคตนั้น รัฐบาลจะต้องกระทำด้วยความระมัดระวังสำรวมยิ่งกว่าที่ได้เคยปฏิบัติมาแล้วหลายเท่า อนึ่ง เมื่อประชาชนได้แสดงความสนใจ และเริ่มมีความคิดเห็นของเขาขึ้นแล้ว รัฐบาลก็จำเป็นจะต้องสอดส่องรับฟัง และปฏิบัติต่อความคิดเห็นเหล่านั้นด้วยจิตต์ใจอันกว้างขวาง และให้ความนับถือตามควรแก่คุณค่า การแสดงความไม่ใยดี หรือถึงแก่แสดงการเหยียดหยาม ใส่ร้ายต่อความคิดเห็นที่แสดงออกโดยวิสัยสุภาพและมีน้ำหนักหลักฐานนั้น หากปรากฏขึ้นก็จะเท่ากับแสดงว่าไม่ต้องการจะนับถือหลักการประชาธิปไทยอีกต่อไป
ประการที่สอง เมื่อปรากฏว่าประชาชนได้แสดงความสนใจต่อความเคลื่อนไหวทางการเมืองระหว่างประเทศ รัฐบาลชอบที่จะถือเอาว่าเป็นนิมิตต์อันดีของบ้านเมือง แม้ว่าความสนใจนั้นจะแสดงออกในรูปไม่เห็นด้วยก็ตาม จริงอยู่ การโต้แย้งคัดค้านนั้นอาจทําให้รัฐบาลประสพความอึดอัด และเดินการเมืองไม่ได้สะดวกตามใจปรารถนา แต่ก็เป็นความจริงเหมือนกันว่า ทางที่สะดวก หรือทางที่รัฐบาลปรารถนานั้น ไม่จำต้องเปนทางที่ถูกและเปนผลดีแก่บ้านเมืองเสมอไป เหตุการณ์ในอดีตย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความจริงข้อนี้ ส่วนเรื่องที่จะมีมาในอนาคตนั้น ไม่มีฝ่ายใดจะยืนยันได้เด็ดขาด เราต้องปล่อยให้เวลาเปนผู้วินิจฉัย
ที่เรากล่าวว่า รัฐบาลควรจะถือเอาความสนใจของประชาชนต่อกิจการเมืองระหว่างประเทศเป็นนิมิตต์อันดีของบ้านเมืองนั้น เราหมายถึงว่ารัฐบาลคณะหนึ่งๆ ซึ่งสมมุติกันว่าเป็นผู้แทนของประชาชนนั้น ย่อมจะดำรงอยู่เพียงชั่วเวลาอันสั้นระยะหนึ่ง แล้วก็ผ่านไป ส่วนประเทศและประชาชนเป็นสิ่งที่จะอยู่ยั่งยืนต่อไป ดังนั้น เมื่อรัฐบาลได้ประสพท่าทีของประชาชนที่ส่อสำแดงความก้าวหน้าแล้ว หากเปนรัฐบาลที่มีปรารถนาดีต่อประชาชนโดยน้ําใสใจจริงก็จะต้องชื่นชมต่อความเคลื่อนไหวในทางก้าวหน้าของประชาชน และให้ความสนับสนุนความเคลื่อนไหวของเขา ความสนับสนุนที่ดีที่สุดก็คือ ให้ประชาชนได้มีโอกาสศึกษาข้อความรู้และข้อความจริงที่มีหลักฐานทุกด้าน และสอดส่องอย่างเคร่งครัด มิให้มีการคุกคามข่มขู่ต่อการแสดงความคิดเห็นของเขาที่แสดงออกโดยอาการสงบเปิดเผย และโดยชอบด้วยกฎหมาย ถ้ารัฐบาลปฏิบัติได้ดังนี้ก็จะได้ชื่อว่าได้มีส่วนส่งเสริมมาตรฐานปัญญาของประชาชนอันเป็นสิ่งที่พึงปรารถนาอย่างยิ่งในทุกวันนี้
ในส่วนที่เกี่ยวกับความคลี่คลายของเหตุการณ์ทางด้านอินโดจีนนั้น เราได้ทราบแล้วว่า ทั้งเงินและทั้งอาวุธของอเมริกาได้หลั่งไหลและกำลังหลั่งไหลเข้าไปในอินโดจีน เพื่ออุ้มชูเบาได๋ผู้ซึ่งไม่ได้รับความสนับสนุนจากประชาชน ให้ยืนสู้กับประชาชนเวียดนาม ซึ่งนำโดยโฮจิมินห์ต่อไป ข้อพิสูจน์ที่ว่า รัฐบาลเบาได๋มิใช่รัฐบาลฝ่ายประชาชนนั้นได้เปนที่เห็นประจักษ์แล้ว เมื่อคณะนักศึกษาและคนงานในไซ่ง่อนจำนวน 4,000 คน ได้ชุมนุมกำลังคัดค้าน ประณามรัฐบาลเบาได๋ อย่างองอาจเมื่อวันที่ ๑๙ เดือนก่อน จนกระทั่งรัฐมนตรีที่เป็นกำลัง ๓ นายของรัฐบาลเบาได๋ได้ลาออก และรัฐมนตรีทั้ง ๓ นั้นได้ให้ถ้อยคําไว้เองว่า รัฐบาลเบาได๋ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ เพราะเหตุไม่ได้รับความสนับสนุนจากประชาชน
การที่รัฐบาลอเมริกันได้ส่งเรือรบ ๒ ลำออกไปที่ไซง่อนในความหมายที่จะแสดงเดชานุภาพของอเมริกา เปนการข่มขวัญประชาชนไซ่ง่อน และในที่สุดก็ได้ถูกขับออกมาโดยคณะนักศึกษาและชาวเมืองไซ่ง่อนนั้น ได้แสดงให้เห็นกำลังของประชาชนที่อยู่ข้างหลังโฮจิมินห์ว่าเปนปึกแผ่นเข้มแข็งเพียงใด ทั้งนี้ล้วนแต่เปนความจริงที่เห็นกันได้ชัดแจ้งและไม่เป็นข้อทุ่มเถียงกันเลย ความจริงดังกล่าวนี้ย่อมแสดงให้เห็นต่อไปว่า เมื่อรัฐบาลเบาได๋มิใช่รัฐบาลของฝ่ายประชาชน หากเปนรัฐบาลสมุนของนายฝรั่งเศสที่ปารีสแล้ว ความช่วยเหลือของอเมริกาที่ให้แก่รัฐบาลเบาได๋ จะแปลเปนอื่นไปได้ยาก ถ้าจะไม่แปลว่าเปนการส่งอาวุธมาให้พวกหุ่นของฝรั่งเศสใช้ปราบปรามประชาชนเวียดนามเท่านั้น การณ์เปนดังนี้ จึงเปนการยากยิ่งที่ใคร ๆ จะเห็นว่าอเมริกามีความหวังดีอันสุจริตต่อประชาชนเวียดนาม ซึ่งปรารถนาจะกอบกู้เอกราชและอิสรภาพของเขาด้วยการเอาชีวิตเลือดเนื้อออกแลก
อนึ่ง ในวงการหนังสือพิมพ์อเมริกันเอง ก็มิได้เสียสติไปจนถึงจะอ่านพฤติการณ์การส่งอาวุธมาให้รัฐบาลเบาได๋ว่า เปนความมุ่งหมายของอเมริกาที่จะช่วยประชาชนเวียดนาม แท้จริงคนอเมริกันเข้าใจกันดีว่า นั่นเปนการชิงชัยระหว่างอเมริกากับค่ายตวันออก เพราะว่าถ้าอำนาจปกครองอินโดจีนตกไปอยู่ในมือรัฐบาลโฮจิมินห์หรืออีกนัยหนึ่งอยู่ในมือของฝ่ายประชาชนเวียดนามแล้ว ประชาชนก็จะไม่ยอมให้ต่างประเทศมากอบโกยผลประโยชน์ในบ้านเมืองของเขาอย่างลอยชายต่อไป โดยประชาชนเองต้องครองชีพอยู่ด้วยรายได้ที่ทำให้พวกเขาคงมีแต่หนังหุ้มกระดูก อาวุธและคอลล่าของอเมริกาที่ส่งให้แก่รัฐบาลเบาได๋หรือรัฐบาลใดๆ ในภูมิภาคนี้ก็ดี จึงส่งเข้ามาเพื่อความมุ่งหมาย ข้อใหญ่ที่จะรักษาตลาดการค้าของอเมริกา รักษาความตกต่ำทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอเมริกา หากว่าทางเดินแห่งสินค้าอเมริกันเกิดติดขัด และในที่สุดก็เป็นการรักษาผลประโยชน์ของพวกนายทุนนายเงินของอเมริกานั้นเอง นี้เป็นเรื่องจริง ๆ ที่ใคร ๆ ในอเมริกา เข้าใจกันดี และพูดกันอย่างเปิดเผย
เปนการน่าสลดใจที่ผู้กุมอำนาจแท้จริงในอเมริกาคือพวกนายเงินนั้น ได้ตีราคาอำนาจของเหรียญดอลล่าสูงเกินไป และตีราคาความคิดจิตต์ใจของชาวตวันออกต่ำเกินไป ดังนั้นเราจึงได้ยินแต่เรื่องการใช้ดอลล่าประมูลหามิตร และการสำแดงเดชานุภาพโดยส่งเรือรบเรือบินออกไปข่มขวัญฝ่ายที่ไม่เห็นความชั่วเปนความดี คือ คงเห็นความชั่วเปนความชั่ว และเห็นความดีเปนความดี เห็นกงจักรเปนกงจักร และเห็นดอกบัวเปนดอกบัว
การที่รัฐบาลไทยได้บอกปัดความเสน่หาหวังดีของอเมริกาที่ต้องการแสดงออกโดยกำลังรบคือ จะนำเครื่องบินตั้ง ๕๐ เครื่องมาร่อนอยู่บนฟ้าเมืองไทยในงานราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลนั้น นับว่าเป็นการสมควรแล้ว เพราะว่าวิทยุอังกฤษได้รายงานว่าเครื่องบินอเมริกันขะบวนเดียวกันนั้น ซึ่งบรรทุกโดยเรือบ๊อกเซอได้ไป บินแปรขะบวนอวดเดชานุภาพอยู่เหนือเชอูล นครหลวงของเกาหลีใต้ (ซึ่งเป็นประเทศภายใต้อิทธิพลอเมริกา) เมื่อวันที่ ๙ เดือนนี้ โดยที่ประธานาธิบดีชิงมันรี ก็ไม่ได้คิดจะทําการ “อภิเษก” ใด ๆ เลย
เพราะฉะนั้น ถ้าอนุญาตให้เครื่องบินอเมริกัน ๕๐ เครื่อง มาบินอยู่เหนือกรุงเทพฯในวันราชาภิเษกแล้ว คนโดยมากก็จะไม่เข้าใจว่าเปนการมาร่วมฉลองงานราชาภิเษก หากจะเข้าใจว่าเปนการปล่อยให้ชาวต่างประเทศมาแสดงเดชานุภาพอยู่เหนือศีรษะของประชาชนไทยเท่านั้น ก็รังแต่จะก่อให้เกิดความขมขื่นไม่พอใจขึ้นในหมู่ประชาชนไทยโดยไม่จำเปน การที่ทางบ้านเมืองจัดการระงับเสียได้นั้นนับว่าเปนการกระทำที่มีสติ
ข้อที่ชาวต่างประเทศเข้าใจว่าคนไทยนั้นอะไร ๆ ก็ “ไม่เป็นไร” นั้น ในทางหนึ่งก็เป็นการเข้าใจที่ถูกต้อง แต่เขาเหล่านั้นก็ควรเข้าใจด้วยว่า การเดินนโยบายของบางประเทศที่ต่อไปทางชักนำให้ชาวไทยเปนเครื่องมือรับใช้ผลประโยชน์ของตน ด้วยการล่อหลอกต่าง ๆ นานานั้น กำลังสอนให้ชาวไทยรู้จักคิด และในที่สุดชาวไทยก็จะกลายเปนคนจริวจังขึ้นมาในวันหนึ่ง
ที่มา : นสพ. การเมือง รายสัปดาห์
เวลา : 11 เมษายน พ.ศ. 2493
หมายเหตุ:
- กองบรรณาธิการสถาบันปรีดี พนมยงค์ ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ต้นฉบับจากคุณสุชาติ สวัสดิ์ศรี บรรณาธิการหนังสือมนุษย์ไม่ได้กินแกลบฯ และคุณปรีดา ข้าวบ่อ แห่งสำนักพิมพ์ชนนิยมแล้ว
- อักขรและวิธีสะกดคงไว้ตามต้นฉบับ
- โปรดดูเพิ่มเติม หมายเหตุบรรณาธิการได้ที่ สุชาติ สวัสดิ์ศรี บรรณาธิการ, เรื่อง “ต่างประเทศ… สอนไทยคิด”, มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ ข้อเขียนการเมืองของกุหลาบ สายประดิษฐ์ (กรุงเทพฯ: แอล.ที.เพลส, 2548), น. 421-426.
- ตัวเน้นโดยผู้เขียน
บรรณานุกรม :
- กุหลาบ สายประดิษฐ์, เรื่อง “ต่างประเทศ… สอนไทยคิด”, มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ ข้อเขียนการเมืองของกุหลาบ สายประดิษฐ์ (กรุงเทพฯ: แอล.ที.เพลส, 2548), น. 421-426.
บทความที่เกี่ยวข้อง :
- ตอนที่ 1 - มนุษยภาพ
- ตอนที่ 2 - ชีวิตของประชาชาติ
- ตอนที่ 3 - ข่าวในหนังสือพิมพ์ไทย
- ตอนที่ 4 - ระบบหัวโขน
- ตอนที่ 5 - เสรีภาพ
- ตอนที่ 6 - ความกาลีแห่งอำนาจ
- ตอนที่ 7 - การวางยาแก้โรคเงินเฟ้อ
- ตอนที่ 8 - เชษฐบุรุษ
- ตอนที่ 9 - รัฐบุรุษอาวุโสกลับคืนสู่มาตุภูมิ
- ตอนที่ 10 - การลาออกของนายปรีดี
- ตอนที่ 11 - บรรยากาศในสภาวันจันทร์
- ตอนที่ 12 - เสถียรภาพทางการเมือง
- ตอนที่ 13 - ดิเรกลาออก
- ตอนที่ 14 - การแปลบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
- ตอนที่ 15 - กลไกประชาธิปไตย
- ตอนที่ 16 - เล่นการเมือง
- ตอนที่ 17 - การเมืองเต็มไปด้วยภาพมายา
- ตอนที่ 18 - “นั่งลงนิ่ง ๆ และคิด”
- ตอนที่ 19 - การประกอบรัฐบาลของประชาชน
- ตอนที่ 20 - ชีวิตไม่มีแต่การเมือง
- ตอนที่ 21 - คำสาบาลซ้ำ
- ตอนที่ 22 - ลักษณะคำแถลงนโยบาย
- ตอนที่ 23 - การแถลงคำอธิษฐานในสภา
- ตอนที่ 24 - ประโยชน์ของการมีฝ่ายค้าน
- ตอนที่ 25 - แลไปข้างหน้า
- ตอนที่ 26 - การเผยแพร่ประชาธิปไตย
- ตอนที่ 27 - เสถียรภาพทางการเมือง
- ตอนที่ 28 - ความปลอดภัยแห่งชีวิตราษฎร
- ตอนที่ 29 - ความเปื่อยผุในวงการปกครอง
- ตอนที่ 30 - ความทุจริตในการเลือกตั้ง
- ตอนที่ 31 - ไปสู่ความล้มละลายในศีลธรรม
- ตอนที่ 32 - ประกันสังคมของรัฐบาลไทย
- ตอนที่ 33 - ฐานะของรัฐบาล “สถานการณ์”
- ตอนที่ 34 - อันความกรุณาปราณี…
- ตอนที่ 35 - ประเทศของคนที่มีโชคดี
- ตอนที่ 36 - การเมือง
- ตอนที่ 37 - ประชาชนได้แต่ชเง้อดู
- ตอนที่ 38 - การชำระบิลค่าหัววเราะ
- ตอนที่ 39 - การศึกษาปัณหาสังคม
- ตอนที่ 40 - มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ
- ตอนที่ 41 - ทฤษฎีใหม่