
กุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือศรีบูรพา
รายงานการประชุมของคณะรัฐมนตรี ในวันที่กองทหารญี่ปุ่นบุกประเทศไทยตามที่ได้นำเสนอในหนังสือพิมพ์ การเมือง นั้น ได้บรรจุข้อความที่ให้คติทางการเมืองอยู่ไม่น้อย สมควรที่นักการเมืองของเราจะศึกษา และแสวงประโยชน์จากบันทึก
บันทึกการประชุมนั้นแสดงว่า ในยามที่ความเปนความตาย ได้มาเคาะอยู่ที่ประตูบ้านของประชาชาติไทยนั้น ท่านนายกรัฐมนตรีก็ระลึกขึ้นได้ถึงเสียงของประชาชน ระลึกขึ้นได้ถึงมติของประชาชน คณะรัฐมนตรีมีเวลาอยู่ไม่กี่นาทีที่จะต้องตัดสินปัญหาความเปนความตายของชาติ จะรบกับญี่ปุ่นหรือจะยอมตามคำเรียกร้องของญี่ปุ่น ในเวลาคับขันเช่นนั้น นายกรัฐมนตรีก็ได้ร้องถามเพื่อนรัฐมนตรีขึ้นมาถึงสองครั้งสองหนว่า “เสียงประชาชนว่าอย่างไรก็ไม่รู้” และอีกตอนหนึ่งว่า “ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะตกลงอย่างไรเหมือนกัน คือ ไม่รู้ว่าเสียงประชาชนส่วนมากเปนอย่างไร” คณะรัฐมนตรีต้องการความสนับสนุนของประชาชนในการที่จะเลือกเอาทางใดทางหนึ่ง แต่ก็ไม่มีรัฐมนตรีผู้ใดสามารถให้คำตอบอันเปนที่พอใจได้ เมื่อเปนเช่นนั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีจึงต้องตัดสินปัญหาใหญ่หลวงลงไปในนามของประชาชนไทย ทั้งที่ไม่ทราบว่าประชาชนไทยมีความเห็นว่ากระไร
นั่นเปนเรื่องของอดีต ในที่นี้เราไม่ประสงค์จะชี้ข้อผิดข้อถูกในอดีต เราเปนแต่เก็บเอาเรื่องราวในอดีตมารำพึง เพื่อว่าคติบางอย่างของอดีต จะเปนประโยชน์แก่การพิจารณาการเมืองในปัจจุบันและอนาคตบ้าง เราต้องการจะแลไปในอนาคต
การที่นายกรัฐมนตรีระลึกขึ้นได้ถึงเสียงของประชาชน และความสนับสนุนของประชาชนนั้น ถึงแม้จะเปนความพยายามระลึกถึงในชั่วนาทีสุดท้าย ใครๆ ก็จะต้องยอมรับว่า ยังเปนการดีกว่าที่จะไม่ได้นึกถึงเสียเลย คือประชาชนจะคิดอย่างไรก็ช่างหัวมัน ข้อที่น่าเสียดายก็คือ นายกรัฐมนตรีได้มีเวลาล่วงหน้านานพอทีเดียวที่จะศึกษาประชามติ แต่ก็ได้ปล่อยให้เวลาอันมีค่านั้นผ่านไปเสีย โดยที่มิได้ศึกษาไว้ แต่นั่นก็เปนเรื่องของอดีต
นายกรัฐมตรีคนเดียวกันนั้นได้กลับมาเปนนายกรัฐมนตรีปัจจุบันอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าสถานะการณ์ของโลกและของประเทศเพื่อนบ้านจะอบอวลไปด้วยกลิ่นดินปืนก็ดีแต่ปัญหาแห่งความเปนความตายของชาติ ในขนาดเดียวกับที่นายกรัฐมนตรีต้องเผชิญมาเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๘๔ คงจะไม่ระเบิดออกอย่างปุบปับฉับพลัน และนายกรัฐมนตรีก็คงมีเวลาเพียงพอที่จะศึกษาความคิดเห็นของประชาชนว่ามีอยู่อย่างไรในกรณีการเมืองระหว่างประเทศ กล่าวคือประชาชนไทยประสงค์จะให้ประเทศไทยเข้าเปนฝ่ายในสงคราม ไม่ว่าจะเปน “สงครามเย็น” หรือ “สงครามยิง” หรือว่าประสงค์จะให้ประเทศไทย ซึ่งมีชนไทยทั้งชาติผูกพันอยู่ตั้งตนเปนกลางและผูกมิตรกับมหาประเทศทุกฝ่าย
นายกรัฐมนตรีได้มีเวลามาแล้วอย่างเพียงพอ และคงจะยังมีเวลาอีกไม่น้อยที่จะศึกษาความคิดเห็นของประชาชนว่ามีอยู่อย่างไรในกรณีการดำเนินวิเทโศบายของประเทศ ได้มีผู้ออกความเห็นอันอาจถือได้ว่าเปนเสียงส่วนหนึ่ง หรือเปนเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนเปนครั้งคราวตลอดมาในกรณีการเมืองระหว่างประเทศ ถ้านายกรัฐมนตรี หรือรัฐบาลประสงค์จะศึกษาความคิดเห็นของประชาชน นายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาลก็ได้มีและยังคงมีโอกาสอยู่พร้อมมูล ที่จะศึกษา และประชาชนก็ปรารถนาที่จะให้รัฐบาลได้ศึกษาความคิดเห็นของเขา เท่ากับที่เขาปรารถนาจะศึกษาความคิดของรัฐบาลเหมือนกัน โอกาสที่จะศึกษาความเห็นของประชาชนนั้นเปนของรัฐบาลอยู่แล้ว และก็ไม่มีใครเลยจะไปตัดโอกาสเช่นนั้นของรัฐบาลเสีย เว้นแต่รัฐบาลจะตัดโอกาสของตนเสียเอง ด้วยการแสดงอาการคุกคามต่อการแสดงความเห็นของประชาชนที่ไม่ตรงกับรัฐบาล หรือด้วยการประกาศใช้กฎอัยการศึกก่อนกาลอันจําเปน ถ้ารัฐบาลประสงค์จะฟังเสียงประชาชนจริงๆ แล้ว รัฐบาลย่อมพยายามหลีกเลี่ยงไม่กระทําการใดๆ ในทางที่จะเปนการปิดโอกาสของรัฐบาลเสียเอง
เราใคร่จะยกตัวอย่างกรณีการเมืองระหว่างประเทศบางเรื่อง เช่น กรณีการรับรองรัฐบาลเบาได๋ เปนต้น รัฐบาลก็ได้มีโอกาสฟังเสียงของประชาชนอย่างเพียงพอทีเดียว และในที่สุดรัฐบาลก็ได้เลือกปฏิบัติไปตามความเห็นของรัฐบาล นั่นก็กลายเปนเรื่องของอดีตไปแล้ว แม้ว่าจะยังคงเปนเรื่องสดๆ อยู่ก็ตาม อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันก็ยังจะคงมีปัญหาการเมืองระหว่างประเทศปรากฏออกมาให้ขบอยู่ไม่ขาด หากรัฐบาลประสงค์จะศึกษาความเห็นของประชาชน ก็ย่อมมีโอกาสอยู่ทุกเมื่อตราบเท่าที่รัฐบาลไม่กระทําการใดๆ อันจะเปนเหตุให้ประชาชนเกิดหวาดกลัวภัยที่จะแสดงความคิดเห็น หรือถึงแก่ตัดโอกาสเสียทีเดียวด้วยการประกาศใช้กฎอัยการศึก เปนต้น
อย่างไรก็ดี เรารู้สึกว่าการสนับสนุนให้ประชาชนศึกษาหาความรู้ในกิจการต่างประเทศโดยรอบด้าน และตามความเปนจริงนั้น ออกจะขาดแคลนเต็มที ข่าวสารต่างประเทศที่จะพึงได้อ่านได้ฟังในประเทศนี้ส่วนใหญ่หรือแทบทั้งหมดที่เปนข่าวสารจำพวกโปรประกันดา ซึ่งยิ่งฟังก็มักจะชวนให้ยิ่งหลง ส่วนความเห็นที่ออกไปจากประชาชนเล่า ถ้าเปนความเห็นที่ไปขัดแย้งกับนโยบายของรัฐบาล ผู้ที่เปนปากเสียงของรัฐบาลก็มักจะลงความสันนิษฐานเอาว่า ผู้ที่มีความเห็นแย้งหรือคัดค้านรัฐบาล มีประสงค์ร้ายต่อรัฐบาลหรือต่อบ้านเมือง เมื่อเปนเช่นนี้ การแสดงความเห็นทางด้านประชาชนจึงขยายตัวออกไปได้ยาก และเมื่อถึงคราวคับขัน และเปนเวลาที่รัฐบาลต้องการความสนับสนุนจากประชาชน เพื่อเลือกทางดำเนินในทางใดทางหนึ่ง ก็อาจจะต้องคลำหาทางไปในความมืด เพราะไม่ทราบว่า เสียงของประชาชนเปนอย่างไร
เราจึงหวังว่า เมื่อเวลาและโอกาสยังมีอยู่อย่างเต็มที่เช่นนี้ นอกจากจะไม่ทำการบีบบังคับแล้ว รัฐบาลควรที่จะส่งเสริมให้ประชาชนได้ศึกษาหาความรู้ในกิจการต่างประเทศอย่างกว้างขวาง และส่งเสริมให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ เพื่อว่ารัฐบาลจะได้ตรวจสอบดูและนำไปประกอบการดำเนินวิเทโศบายต่อไป เพราะว่าในปัญหาที่เปนความเปนความตายของประเทศนั้น รัฐบาลจำเปนจะต้องได้รับความสนับสนุนจากประชาชนอย่างเต็มที่ และรัฐบาลจะได้รับความสนับสนุนเช่นนั้นจากประชาชน ก็ต่อเมื่อนโยบายหรือทางดำเนินที่รัฐบาลได้เลือกนั้นสอดคล้องกับประชามติ แต่ถ้ารัฐบาลเลือกกระทำในทางตรงกันข้ามกับประชามติแล้ว รัฐบาลก็อาจประสพผลทุกอย่าง เว้นแต่ผลสำเร็จอย่างเดียว
ที่มา : หนังสือพิมพ์ การเมือง รายสัปดาห์
เวลา : 13 พฤษภาคม พ.ศ.2493
หมายเหตุ:
- กองบรรณาธิการสถาบันปรีดี พนมยงค์ ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ต้นฉบับจากคุณสุชาติ สวัสดิ์ศรี บรรณาธิการหนังสือมนุษย์ไม่ได้กินแกลบฯ และคุณปรีดา ข้าวบ่อ แห่งสำนักพิมพ์ชนนิยมแล้ว
- อักขรและวิธีสะกดคงไว้ตามต้นฉบับ
- โปรดดูเพิ่มเติม หมายเหตุบรรณาธิการได้ที่ สุชาติ สวัสดิ์ศรี บรรณาธิการ, เรื่อง “เงื่อนไข... แห่งความสนับสนุนของประชาชน”, มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ ข้อเขียนการเมืองของกุหลาบ สายประดิษฐ์ (กรุงเทพฯ: แอล.ที.เพลส, 2548), น. 429-432.
- ตัวเน้นโดยผู้เขียน
บรรณานุกรม :
- กุหลาบ สายประดิษฐ์, เรื่อง “เงื่อนไข... แห่งความสนับสนุนของประชาชน”, มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ ข้อเขียนการเมืองของกุหลาบ สายประดิษฐ์ (กรุงเทพฯ: แอล.ที.เพลส, 2548), น. 429-432.
บทความที่เกี่ยวข้อง :
- ตอนที่ 1 - มนุษยภาพ
- ตอนที่ 2 - ชีวิตของประชาชาติ
- ตอนที่ 3 - ข่าวในหนังสือพิมพ์ไทย
- ตอนที่ 4 - ระบบหัวโขน
- ตอนที่ 5 - เสรีภาพ
- ตอนที่ 6 - ความกาลีแห่งอำนาจ
- ตอนที่ 7 - การวางยาแก้โรคเงินเฟ้อ
- ตอนที่ 8 - เชษฐบุรุษ
- ตอนที่ 9 - รัฐบุรุษอาวุโสกลับคืนสู่มาตุภูมิ
- ตอนที่ 10 - การลาออกของนายปรีดี
- ตอนที่ 11 - บรรยากาศในสภาวันจันทร์
- ตอนที่ 12 - เสถียรภาพทางการเมือง
- ตอนที่ 13 - ดิเรกลาออก
- ตอนที่ 14 - การแปลบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
- ตอนที่ 15 - กลไกประชาธิปไตย
- ตอนที่ 16 - เล่นการเมือง
- ตอนที่ 17 - การเมืองเต็มไปด้วยภาพมายา
- ตอนที่ 18 - “นั่งลงนิ่ง ๆ และคิด”
- ตอนที่ 19 - การประกอบรัฐบาลของประชาชน
- ตอนที่ 20 - ชีวิตไม่มีแต่การเมือง
- ตอนที่ 21 - คำสาบาลซ้ำ
- ตอนที่ 22 - ลักษณะคำแถลงนโยบาย
- ตอนที่ 23 - การแถลงคำอธิษฐานในสภา
- ตอนที่ 24 - ประโยชน์ของการมีฝ่ายค้าน
- ตอนที่ 25 - แลไปข้างหน้า
- ตอนที่ 26 - การเผยแพร่ประชาธิปไตย
- ตอนที่ 27 - เสถียรภาพทางการเมือง
- ตอนที่ 28 - ความปลอดภัยแห่งชีวิตราษฎร
- ตอนที่ 29 - ความเปื่อยผุในวงการปกครอง
- ตอนที่ 30 - ความทุจริตในการเลือกตั้ง
- ตอนที่ 31 - ไปสู่ความล้มละลายในศีลธรรม
- ตอนที่ 32 - ประกันสังคมของรัฐบาลไทย
- ตอนที่ 33 - ฐานะของรัฐบาล “สถานการณ์”
- ตอนที่ 34 - อันความกรุณาปราณี…
- ตอนที่ 35 - ประเทศของคนที่มีโชคดี
- ตอนที่ 36 - การเมือง
- ตอนที่ 37 - ประชาชนได้แต่ชเง้อดู
- ตอนที่ 38 - การชำระบิลค่าหัววเราะ
- ตอนที่ 39 - การศึกษาปัณหาสังคม
- ตอนที่ 40 - มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ
- ตอนที่ 41 - ทฤษฎีใหม่
- ตอนที่ 42 - มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ ต่างประเทศ… มาสอนให้ไทยคคิด