
กุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือศรีบูรพา

ลายมือต้นฉบับบทความ “ประชาชาวโลกกับสันติภาพ”
การที่ประชาชนคนเดินถนนจะมีชีวิตอยู่ไปในโลกทุกวันนี้ช่างเต็มไปด้วยความยากลําบากอันเพิ่มพูนขึ้นทุกที นอกจากความยากลําบากที่ต้องกระเสือกกระสนทํามาหาเลี้ยงครอบครัวพอรอดตายไปวันหนึ่งๆ แล้ว คนจําพวกหนึ่งในบางประเทศยังพยายามจะทําให้จิตใจของประชาชนเต็มไปด้วยความสับสนปั่นป่วนประดุจต้องยาเบื่อเมาด้วยการอธิบายสิ่งต่างๆ ให้ดูเปนเรื่องเอาหัวเดินต่างตีนกันไปหมด
สิ่งที่เคยเรียกว่า “หลังคา” คนจําพวกหนึ่งนํามาอธิบายและเรียกเสียใหม่ว่า “ใต้ถุน” สิ่งที่เคยเรียกว่า “เกือก” เขาเรียกเสียใหม่ว่า “แว่นตา” เมื่อประเทศหนึ่งยกกองทัพข้ามมหาสมุทรไปรุกรบห่างจากประเทศเขตต์แดนของตนถึง ๗,๐๐๐ ไมล์ เขาเรียกการกระทําเช่นนั้นว่าเปน “การป้องกัน” ปิตุภูมิ เมื่อประเทศหนึ่งเห็นศัตรูใหญ่ของตนรุกรบเข้ามาจนประชิดรั้วบ้าน และได้จับอาวุธออกไปสกัดกั้นศัตรูใหญ่ของตน การกระทําเช่นนั้นถูกคนจําพวกหนึ่งเรียกว่าเป็น “การรุกราน” คนบางคนในจําพวกนั้นกล่าวว่า เพื่อที่จะให้โลกบรรลุถึงซึ่งความสงบจําเปนจะต้องก่อสงครามขนาดใหญ่ขึ้น ในขณะที่คนทั่วโลกเห็นว่า การยุติสงครามในเกาหลีนั้นพึงกระทําโดยการเจรจา แต่มีคนจํานวนน้อยกลุ่มหนึ่งยืนยันว่า ถ้าทิ้งระเบิดฐานทัพของจีนในแมนจูเรียให้ราพนาสูรไปแล้ว การสงครามในเกาหลีที่จะยุติลงได้โดยพลัน คนเหล่านั้นช่างคิดไปได้อย่างไรว่า ในขณะที่แมนจูเรียถูกระเบิดโครมๆ อยู่นั้น ทั้งจีนและทั้งโซเวียตจะคุกเข่าลงแลดูทารุณกรรมนั้นด้วยสายตาอันละห้อย และไม่กระทําการตอบแทนเลย เมื่อกองทัพของสหประชาชาติรุกข้ามเส้นขนานที่ ๓๘ ไปประชิดชายแดนจีน เขาก็คิดว่านั่นเปนทางเดียวที่จะยุติสงครามเกาหลีได้ แต่ผลคืออย่างไร ผลก็คือเป็นการผลักดันให้จีนต้องกระโจนเข้ามาในสงครามเกาหลีแทนที่สงครามจะยุติ สงครามกลับแผ่ขยายและทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ชีวิตมนุษย์และบ้านเมืองของชนชาติเกาหลีถูกทําลายย่อยยับอย่างน่าอเนจอนาถยิ่งขึ้น และนั่นก็คึอผลของความพยายามที่จะ “ช่วย” เกาหลีให้เปนประเทศเสรีประชาธิปไตยขึ้นมา!
เกาหลีจะต้องถูกทําให้พินาศเปนภัสมธุลีไปเสียก่อน แล้วจึงค่อยเปนเสรีประชาธิปไตยภายหลัง! มหาชนชาวเกาหลีต้องการเช่นนั้นจริงหรือ?
บัดนี้เขาพวกเดียวกันนั้นก็คิดอีกว่า ถ้าได้เทลูกระเบิดลงไปในดินแดนจีนแล้ว ก็จะเปนทางยุติสงครามในเกาหลีได้อย่างเด็ดขาด แต่ประชาชาวโลกมีความคิดเห็นอย่างแจ่มใสว่า การกระทําเช่นนั้นจะเป็นการบังคับให้โซเวียตต้องมีการเคลื่อนไหว การกระทําเช่นนั้น นอกจากจะไม่ยุติสงครามในเกาหลีแล้ว ยังจะเป็นการจุดชนวนระเบิดของสงครามโลกขึ้นด้วย
บรรดาบุคคลที่มีความคิดอันเต็มไปด้วยอันตรายเหล่านั้น นัยหนึ่งบุคคลที่เรียก “หลังคา” ว่า “ใต้ถุน” เรียก “เกือก” ว่า “แว่นตา” เหล่านั้นมิใช่เปนโจรนอกกฎหมายหรือเปนคนบ้าที่ถูกเก็บตัวไว้ในโรงพยาบาล แต่เปนบุคคลที่ได้รับการสมมุติเรียกขานว่า เป็นคนใหญ่คนโตของประเทศ คนจําพวกนั้นแหละที่ได้ก่อความสับสนปั่นป่วนขึ้นในจิตใจของประชาชนประดุจต้องยาเบื่อเมา
แต่ประชาชนคนเดินถนนในโลกนี้ก็มิได้ตกสู่ความเคราะห์ร้ายจนถึงที่สุด คือมิได้เคราะห์ร้ายจนถึงจะยอมตนให้คนใหญ่โตจําพวกที่หายใจเปนกลิ่นคาวเลือดเหล่านั้น จูงเขาลงไปในทะเลเพลิงของสงครามได้ประชาชาวโลกไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ได้พร้อมใจกันเข้าสกัดกั้นป้องกันสงครามด้วยการลงนามเรียกร้องสันติภาพ ประณามสงครามและการใช้อาวุธปรมาณู อนึ่ง ในจํานวนประชาชาวโลกกลุ่มมหึมาที่ได้ร่วมประกอบกรรมอันทรงศักดิ์ศรีนั้น ได้มีประชาชนไทยร่วมอยู่ด้วยกว่าแสนคน ไม่เคยมีวาระใดที่ประชาชนไทยจะได้แสดงปรารถนาและมติของเขาเป็นกลุ่มก้อนมหึมา และด้วยความสมัครเต็มใจเช่นนี้
เปนที่แน่นอนว่ามติของประชาชาวโลกกว่า ๕๐๐ ล้านคนที่ถือลัทธินิยมทางการเมืองและทางศาสนาต่างๆ กัน เรียกร้องสันติภาพและประณามสงครามนั้น ได้ส่งผลเปนการผลักดันให้ประชาชนทั่วทั้งโลกตื่นตัวลุกขึ้นป้องกันสงคราม ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มติของประชาชาวโลกกว่า ๕๐๐ ล้านคนและการเคลื่อนไหวเพื่อความมั่นคงของสันติภาพในเวลาต่อมา จะไม่มีอิทธิพลต่อการคัดค้านความกระเหี้ยนกระหือรือของนายพลแม็คอาเตอร์ที่มุ่งจะขยายสงครามในเกาหลีออกไป การคัดค้านได้บังเกิดขึ้นอย่างหนาแน่นในประเทศอังกฤษและในที่อื่นๆ ในที่สุดท่านขุนพลผู้หายใจเปนกลิ่นคาวเลือดของมนุษย์ก็ไม่สามารถจะยืนต้านกระแสคลื่นของการคัดค้านสงครามที่มีมาจากทุกมุมโลกต่อไปได้
แต่ก็อีกนั่นแหละ การลงนามเรียกร้องสันติภาพก็ดี การเคลื่อนไหวของประชาชนในประการอื่นๆ เพื่อที่จะปกป้องชีวิตของพี่น้องชาวโลกมิให้พินาศประลัยไปในสงครามโลกก็ดี แม้ว่าจะเปนการกระทําที่ดีงามในตัวเองอย่างแจ้งชัดแล้ว ก็ยังมีบุคคลจําพวกหนึ่งคอยประณามเหยียดหยามว่า ผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องเห็นดีเห็นชอบกับการส่งเสริมสันติภาพนั้นล้วนเปนผู้ที่โง่เขลางมงาย และอีกทางหนึ่งก็ว่าเปนการกระทําของคอมมิวนิสต์ทั้งโขยง
ตามความจริงนั้น การประชุมสมัชชาสันติภาพสากลครั้งที่สอง ซึ่งมีผู้แทนจาก ๘๐ ประเทศไปเข้าร่วมประชุมเปนจํานวน ๑,๗๕๖ คนนั้นประกอบด้วยผู้แทนที่มีอาชีพต่างๆ กัน กล่าวคือมีทั้งนักการเมือง, นักประพันธ์, นักวิทยาศาสตร์, ศาสตราจารย์, บาดหลวง, กรรมกร, ชาวนา, นักดนตรี, ดาราภาพยนตร์, นายแพทย์, นักกฎหมาย, วิศวกร, นักเรียน และผู้มีอาชีพอื่นๆ อีก ในจํานวนผู้แทนเหล่านี้มีผู้แทนที่เปนพวกศาสตราจารย์ ๑๒๔ คน มีผู้แทนที่เป็นบาดหลวง ๗๑ คน มีนักประพันธ์และจินตกวี ๑๑๖ คน อนึ่ง ในจํานวนผู้แทนทั้งหมด ๑,๗๕๖ คนนี้ ปรากฏว่ามีผู้แทนที่เปนคอมมิวนิสต์ราว ๑๐ เปอร์เซนต์เศษเท่านั้น สมัชชาสันติภาพสากลอันประกอบด้วยผู้แทนที่มีอาชีพและลัทธินิยมต่างๆ กัน ซึ่งได้ตั้งคณะกรรมการดําเนินงานอันมีชื่อว่า World Peace Council ขึ้นนี้แหละที่บุคคลในวงราชการของประเทศไทยได้ตั้งชื่อเสียใหม่ว่า สภาคอมมิวนิสต์สากล!
เปนที่น่าเสียดายว่า มีบุคคลอยู่จําพวกหนึ่งในประเทศนี้ที่คิดว่า ถ้าเขาต้องการจะเกลียดและทําลายสิ่งใดแล้ว เขาต้องจัดการให้คนทั้งประเทศร่วมเกลียดและร่วมลงมือทําลายไปกับเขาด้วย ยามใดที่เขาต้องการจะเกลียดอังกฤษ, ฝรั่งเศสและอเมริกา ด้วยความเกลียดอันร้ายกาจและไม่เปนธรรม เขาก็โฆษณากะเกณฑ์ให้คนทั้งประเทศร่วมความเกลียดในขนาดอัตราเดียวกับเขา เพียงแต่ผู้ใดไม่สามารถจะเปลี่ยนจิตใจให้คล้อยตามเขาไปได้ เขาก็ถือว่าเปนความผิดและเปนอาชญากรรมแล้ว!
เมื่อเขาต้องการจะเปลี่ยนความเกลียดอันร้ายกาจที่เคยมีต่อประเทศทั้งสามนั้นมาแสดงความนบนอบบูชา ดุจว่าประเทศทั้งสามหรือโดยเฉพาะอเมริกาเปนตัวแทนของพระผู้เปนเจ้า เขาก็โฆษณากะเกณฑ์ให้คนทั้งประเทศเปลี่ยนความรู้สึกมานบนอบบูชาประเทศที่เขาสมมุติว่าเปนตัวแทนของพระผู้เปนเจ้าตามเขาไปด้วย และเมื่อเขาต้องการจะย้ายความเกลียดอันร้ายกาจไปยังเป้าหมายอันใหม่ เขาก็เคี่ยวเข็ญคุกคามให้คนทั้งประเทศก่อรูปความเกลียดอันร้ายกาจติดตามเขาไปโดยพลัน
ความจริงมีอยู่ว่า เราจะแปลงประเทศที่ประกอบด้วยมนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจ มีสติสัมปชัญญะและมีความคิดให้เปนโรงงานที่บรรจุตุ๊กตากลไปทั้งหมดนั้นไม่ได้
ถ้าคอมมิวนิสต์กินข้าว เราก็จะต้องเปลี่ยนไปกินหญ้าหรือ? และเมื่อคอมมิวนิสต์เขานุ่งผ้า เราจะต้องแก้ผ้า เพื่อที่จะยืนยันอยู่เสมอว่า คอมมิวนิสต์ทําอะไรผิดทั้งหมดและเราทําถูกทั้งหมดเช่นนั้นหรือ?
เพียงแต่ว่า เราเปนพุทธศาสนิกชน ผู้ศึกษาและตั้งใจประพฤติตามหลักธรรมะของพระบรมศาสดา, มิใช่เพียงแต่หลงงมงายอยู่กับขยะที่กองเกลื่อนอยู่รอบๆ ศาสนา, เพียงแต่ว่า เราศึกษาคําสั่งสอนของพระองค์ที่ทรงบรรยายไว้ตามแบบวิทยาศาสตร์ในกาลามสูตรเท่านั้นเอง เราก็จะปล่อยให้ความคิดจิตใจของเราเตลิดไปกับความสับสนพลุกพล่านที่ดําเนินอยู่ในโลกขณะนี้ไม่ได้
หากว่าคนเราไม่สามารถจะสละจิตใจของเขาให้ลงไปหมุนคว้างอยู่ในปลักแห่งการมุ่งประหัตประหาร และสาดความร้ายใส่กันอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งการมุ่งประหัตประหารเช่นนั้นก็ไม่เปนคุณประโยชน์แก่มหาชนพลเมืองแต่อย่างใด, หากว่าความไร้สามารถในข้อนั้นจะทําให้เขากลายเปนคนผิด เขาก็ต้องยอมรับเอาความผิดข้อนั้น
หากว่าการที่คนทั้งหลายผู้ใฝ่ใจในสันติสุข ปรารถนาจะได้มีส่วนร่วมเชิดชูสันติภาพให้สถิตย์สถาพรอยู่ในบ้านเมืองของเขาและในโลก จึงได้แสดงมติเรียกร้องการปฏิบัติที่เปนไปเพื่อความมั่นคงแห่งสันติภาพ และได้แสดงมติของเขาออกมา โดยอาการอันสงบและโดยชอบด้วยกฎหมาย จะกลายเปนการเพิ่มการกระทําผิดขึ้นอีกกระทงหนึ่ง เขาก็จะต้องยอมรับเอาความผิดข้อนั้นไว้เช่นกัน
ที่มา: จุลสาร สันติสาร
เวลา: 12 เมษายน พ.ศ.2494
หมายเหตุ:
- กองบรรณาธิการสถาบันปรีดี พนมยงค์ ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ต้นฉบับจากคุณสุชาติ สวัสดิ์ศรี บรรณาธิการหนังสือมนุษย์ไม่ได้กินแกลบฯ และคุณปรีดา ข้าวบ่อ แห่งสำนักพิมพ์ชนนิยมแล้ว
- อักขรและวิธีสะกดคงไว้ตามต้นฉบับ
- โปรดดูเพิ่มเติม หมายเหตุบรรณาธิการได้ที่ สุชาติ สวัสดิ์ศรี บรรณาธิการ, เรื่อง “ประชาชาวโลกกับสันติภาพ”, มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ ข้อเขียนการเมืองของกุหลาบ สายประดิษฐ์ (กรุงเทพฯ: แอล.ที.เพลส, 2548), น. 469-474.
- ตัวเน้นโดยผู้เขียน
บรรณานุกรม :
- กุหลาบ สายประดิษฐ์, เรื่อง “ประชาชาวโลกกับสันติภาพ”, มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ ข้อเขียนการเมืองของกุหลาบ สายประดิษฐ์ (กรุงเทพฯ: แอล.ที.เพลส, 2548), น. 469-474.
บทความที่เกี่ยวข้อง :
- ตอนที่ 1 - มนุษยภาพ
- ตอนที่ 2 - ชีวิตของประชาชาติ
- ตอนที่ 3 - ข่าวในหนังสือพิมพ์ไทย
- ตอนที่ 4 - ระบบหัวโขน
- ตอนที่ 5 - เสรีภาพ
- ตอนที่ 6 - ความกาลีแห่งอำนาจ
- ตอนที่ 7 - การวางยาแก้โรคเงินเฟ้อ
- ตอนที่ 8 - เชษฐบุรุษ
- ตอนที่ 9 - รัฐบุรุษอาวุโสกลับคืนสู่มาตุภูมิ
- ตอนที่ 10 - การลาออกของนายปรีดี
- ตอนที่ 11 - บรรยากาศในสภาวันจันทร์
- ตอนที่ 12 - เสถียรภาพทางการเมือง
- ตอนที่ 13 - ดิเรกลาออก
- ตอนที่ 14 - การแปลบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
- ตอนที่ 15 - กลไกประชาธิปไตย
- ตอนที่ 16 - เล่นการเมือง
- ตอนที่ 17 - การเมืองเต็มไปด้วยภาพมายา
- ตอนที่ 18 - “นั่งลงนิ่ง ๆ และคิด”
- ตอนที่ 19 - การประกอบรัฐบาลของประชาชน
- ตอนที่ 20 - ชีวิตไม่มีแต่การเมือง
- ตอนที่ 21 - คำสาบาลซ้ำ
- ตอนที่ 22 - ลักษณะคำแถลงนโยบาย
- ตอนที่ 23 - การแถลงคำอธิษฐานในสภา
- ตอนที่ 24 - ประโยชน์ของการมีฝ่ายค้าน
- ตอนที่ 25 - แลไปข้างหน้า
- ตอนที่ 26 - การเผยแพร่ประชาธิปไตย
- ตอนที่ 27 - เสถียรภาพทางการเมือง
- ตอนที่ 28 - ความปลอดภัยแห่งชีวิตราษฎร
- ตอนที่ 29 - ความเปื่อยผุในวงการปกครอง
- ตอนที่ 30 - ความทุจริตในการเลือกตั้ง
- ตอนที่ 31 - ไปสู่ความล้มละลายในศีลธรรม
- ตอนที่ 32 - ประกันสังคมของรัฐบาลไทย
- ตอนที่ 33 - ฐานะของรัฐบาล “สถานการณ์”
- ตอนที่ 34 - อันความกรุณาปราณี…
- ตอนที่ 35 - ประเทศของคนที่มีโชคดี
- ตอนที่ 36 - การเมือง
- ตอนที่ 37 - ประชาชนได้แต่ชเง้อดู
- ตอนที่ 38 - การชำระบิลค่าหัววเราะ
- ตอนที่ 39 - การศึกษาปัณหาสังคม
- ตอนที่ 40 - มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ
- ตอนที่ 41 - ทฤษฎีใหม่
- ตอนที่ 42 - มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ ต่างประเทศ… มาสอนให้ไทยคคิด
- ตอนที่ 43 - เงื่อนไข... แห่งความสนับสนุนของประชาชน
- ตอนที่ 44 - หลักฐานของการปกครองโดยผู้แทนราษฎร
- ตอนที่ 45 - สุขอื่นนอกจากสันติสุขไม่มี
- ตอนที่ 46 - นักการเมืองขี้โรคในอเมริกา
- ตอนที่ 47 - การกระทําอันทรงศักดิ์ศรีและเปนมงคลแท้จริง